ทริปนี้ฉันออกเดินทางเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ ตั้งใจไปเที่ยวหาพี่สาวใจดี (ตามคำชวน) พี่เพ็ญศรี สายรัตน์ หรือพี่เพ็ญ เราเจอกันตอนอบรม พักด้วยกันประมาณ 4 อาทิตย์ ทำให้สนิทกันพอสมควรค่ะ เราไม่ได้เจอกันนานหลายปีเลยค่ะ เมื่อมีโอกาสจึงขอไปเที่ยวหาซะหน่อย ประกอบกับการอยากพักผ่อนอยากเที่ยวของฉันด้วย และเมืองช้างสุรินทร์ ฉันยังไม่เคยไปสัมผัสด้วยซิ งานนี้ฉันไม่บ้าพอที่จะขับรถไปเอง กลัวจะไม่ถึงสุรินทร์ 555......... ขอนั่งรถทัวร์ไปละกันค่ะ จากเมืองเหนือ(ลำปาง) สู่ ภาคอีสาน(สุรินทร์) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมงค่ะ
ตามฉันมาเที่ยวเมืองช้าง @ สุรินทร์ กันดีกว่าคร้าาาาาา
เริ่มจากแวะไหว้พระขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง ณ วัดบูรพาราม ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี มีอายุประมาณกว่า 200 ปี เท่าๆ กับอายุของเมืองสุรินทร์ สร้างโดยพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์ จางวาง (ปุม) เจ้าเมืองสุรินทร์คนแรก สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 2300-2330 โดยประชาชนร่วมกันสร้างขึ้น เรียกชื่อว่า "วัดบูรพ์"
ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐาน (1) หลวงพ่อพระชีว์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 4 ศอก หลวงพ่อพระชีว์หรือหลวงพ่อประจีองค์นี้
ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด คาดว่าสร้างขึ้นมาพร้อมกับวัดบูรพาราม
นับเป็นปูชนียวัตถุที่ชาวสุรินทร์เคารพบูชา
ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของเมืองสุรินทร์ (2) พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดุลย์
อตุโล) เคยประจำอยู่ ณ วัดบูรพาราม ตั้งแต่ พ.ศ. 2477 จนกระทั่งมรณภาพ พ.ศ. 2526
ชื่อเสียงและเกียรติคุณของท่านแผ่ไพศาลไปทั่วสารทิศ
ในหมู่ผู้ปฏิบัติธรรมสายพระกัมมัฏฐาน ทั้งพระภิกษุและฆราวาสให้การยอมรับว่า
หลวงปู่ดุลย์ อตุโล เป็นองค์เดียวที่มีความรู้ลึกซึ้งในเรื่องของจิต
จนกระทั่งได้รับสมญาว่าเป็นบิดาแห่งภาวนาจิต
เดินทางมาำไกล ขอพระคุ้มครองนะค่ะ สาธุ สาธุ......
จากนั้นพี่เพ็ญ ก็พาฉันมากินข้าว & รับลมชมวิว ที่อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของจังหวัดสุรินทร์ อยู่ในความดูแลของชลประทานสุรินทร์ค่ะ อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ เป็นสถานที่พักผ่อนของคนจังหวัดสุรินทร์ อากาศร้อนๆ แบบนี้ มีที่ให้มาลงเล่นน้ำดับร้อนกันค่ะ
เมื่อท้องอิ่ม สงสัยพี่เพ็ญจะกลัวฉันง่วง เลยพาฉันมาเดินย่อยอาหารในงาน วันข้าวหอมมะลิอินทรีย์และมหกรรมผ้าไหมสุรินทร์ ถือว่าเป็นความโชคดีของฉันที่เดินทางมาเที่ยวสุรินทร์ช่วงนี้พอดี
ผ้าไหมสุรินทร์สวยๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ฉันไ้ด้เยอะเลย แถมยังยั่วกิเลสฉันได้อีก ฮ่าฮ่า!!!!
ภายในงานนอกจากจะมีการจำหน่ายผ้าไหม ของดีเมืองสุรินทร์แล้ว ยังมีการจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง ของกินของใช้ต่างๆ มากมายเลยค่ะ ที่สำคัญงานนี้ยังมีการสาธิตขั้นตอนการสาวไหม ++++ รู้ล่ะค่ะว่าทำไม ผ้าไหมที่นี่ถึงได้แพงจัง อิอิ.....เพราะกว่าจะได้ผ้าไหมสวยๆ อย่างที่เห็นสักผืน ยุ่งยากเหมือนกันค่ะ สมราคาแล้วล่ะค่ะ
นอกจากสาธิตขั้นตอนการสาวไหมแล้ว ยังมีตัวไหมเป็นๆ มาให้ยลโฉมกันอีกนะค่ะ มาดูหน้าตาตัวไหมตั้งแต่เป็นดักแด้กันค่ะ ดูว่าจะน่ารักน่าชังขนาดไหน อิอิ......
จนได้ไหมที่จะนำมาต้มเพื่อสาวไหม ไว้ทอผ้าต่อไปค่ะ ขอบอกว่าสวยมากๆ เหลืองอร่ามเป็นสีทองเลยค่ะ
แล้วก็มาตื่นตาตื่นใจกันต่อ กับ ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ กันต่อ.....ของเค้าดีจริงๆ ค่ะ
เดินมาจนสุดถนน ยังไม่ทันหายเหนื่อย เจอช้างเป็นฝูงเลยค่ะ......ตายละใครเอาช้างมาเดินเล่นแถวนี้นี่ ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าโดนเหยียบแล้วจะเป็นไง.......แต่มันไม่ใช่ช้างจริงหรอกค่ะ เป็นรูปปั้นช้างน่ะ แฮ่ แฮ่..... แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสักหน่อยกับการบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ กับผลงานการจัดเลี้ยงโต๊ะช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยกิสเนสส์ เวิรลด์ เรคคอร์ด และแวะไหว้อนุสาวรีย์ผู้สร้างเมืองสุรินทร์ พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์ จางวาง (ปุม) ซึ่งอยู่กลางถนน ใกล้ๆ กับรูปปั้นฝูงช้างนั่นเองค่ะ
เดินจนเหนื่อย กินจนอิ่มท้ิอง เที่ยวจนหน่ำใจ ขอพักก่อนแล้วค่อยมาเที่ยวกันต่ออีกวันนะค่ะ
จากเมืองช้างสุรินทร์ สู่เมืองปราสาทหินบุรีรัมย์
มันเป็นความฝันของฉันตั้งนานละค่ะ ว่้าถ้ามีโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตขอไปเดินขึ้นปราสาทหินพนมรุ้ง ไปดูปรากฎการณ์อันน่าอัศจรรย์ของธรรมชาติ และ....แล้ววันนี้ความฝันของฉันก็เป็นจริง แม้ว่าฉันจะไม่ได้เห็นปรากฎการณ์ ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก ส่องแสงลอดประตูทั้ง 15 บานก็ตาม แค่ได้มาเดินสัมผัสบรรยากาศปราสาทหินแ่ห่งนี้แล้ว ทำเอาฉันทึ่งและภูมิใจในความเป็นคนไทย และบรรพบุรุษของเรามากเลยค่ะ
ปราสาทหินพนมรุ้ง ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 (บ้านดอนหนองแหน) ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ลงมาทางทิศใต้ประมาณ
77 กิโลเมตร ประกอบไปด้วยโบราณสถานสำคัญ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว
สูงประมาณ 200 เมตรจากพื้นราบ (ประมาณ 350 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง)
คำว่า พนมรุ้ง นั้น มาจากภาษาเขมร
คำว่า วนํรุง แปลว่า ภูเขาใหญ่
ปราสาทหินพนมรุ้งสร้างขึ้นเนื่องในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ซึ่งนับถือ พระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุด ดังนั้นเขาพนมรุ้งจึงเปรียบเสมือนเขาไกรลาสที่ประทับของพระศิวะ
องค์ประกอบและแผนผังของปราสาทพนมรุ้งได้รับการออกแบบให้มีลักษณะเป็นแนวเส้นตรง และเน้นความสำคัญเข้าหาจุดศูนย์กลาง นั่นคือปราสาทประธานซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ด้านขวาของบันไดทางขึ้นสู่ศาสนสถานมีอาคารที่เรียกว่า พลับพลา อาคารนี้อาจจะเป็นอาคารที่เรียกกันในปัจจุบันว่า พลับพลาเปลื้องเครื่อง ซึ่งเป็นที่พักจัดเตรียมองค์ของพระมหากษัตริย์ ก่อนเสด็จเข้าสู่การสักการะเทพเจ้าหรือประกอบพิธีกรรมในบริเวณศาสนสถาน
ถัดจากนั้นเป็นทางเดินทั้งสองข้างประดับด้วยเสามียอดคล้ายดอกบัวตูมเรียกว่าเสานางเรียง จำนวนข้างละ 35 ต้น ทอดตัวไปยังสะพานนาคราช ซึ่งผังกากบาทยกพื้นสูง ราวสะพานทำเป็นลำตัวพญานาค 5 เศียร สะพานนาคราชนี้ ตามความเชื่อเป็นทางที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับเทพเจ้า สิ่งที่น่าสนใจคือ จุดกึ่งกลางสะพาน มีภาพจำหลักรูปดอกบัวแปดกลีบ อาจหมายถึงเทพประจำทิศทั้งแปด ในศาสนาฮินดู หรือเป็นจุดที่ผู้มาทำการบูชา ตั้งจิตอธิษฐาน จากสะพานนาคราชชั้นที่ 1 มีบันไดจำนวน 52 ขั้นขึ้นไปยังลานบนยอดเขา
ที่หน้าซุ้มประตูระเบียงคดทิศตะวันออก มีสะพานนาคราชชั้นที่ 2 ระเบียงคดก่อเป็นห้องยาวต่อเนื่องกัน เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ารอบลานปราสาทแต่ไม่สามารถเดินทะลุถึงกันได้ เพราะมีผนังกั้นอยู่เป็นช่วง ๆ มีซุ้มประตูกึ่งกลางของแต่ละด้าน ที่มุมระเบียงคดทำเป็นซุ้มกากบาท ที่หน้าบันของระเบียงคดทิศตะวันออกด้านนอก มีภาพจำหลักรูปฤๅษีซึงหมายถึงพระศิวะในปางที่เป็นผู้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ และอาจรวมหมายถึง นเรนทราทิตย์ ผู้ก่อสร้างปราสาทประธานแห่งนี้ด้วย
ปราสาทประธาน ตั้งอยู่ตรงศูนย์กลางของลานปราสาทชั้นใน มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมมณฑป คือห้องโถงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เชื่อมอยู่ทางด้านหน้าที่ส่วนประกอบของปรางค์ประธานตั้งแต่ฐานผนังด้านบนและด้านล่าง เสากรอบประตู เสาติดผนัง ทับหลัง หน้าบัน ซุ้มชั้นต่าง ๆ ตลอดจนกลีบขนุน ก่อด้วยหินทรายสีชมพูมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมกว้าง 8.20 เมตร สูง 27 เมตร ด้านหน้าทำเป็นมณฑปโดยมีอันตราละหรือฉนวนเชื่อมปราสาทประธานนี้ เชื่อว่า สร้างโดย นเรนทราทิตย์ ซึ่งเป็นผู้นำปกครองชุมชนที่มีปราสาทพนมรุ้งเป็นศูนย์กลาง ราว พุทธศตวรรษที่ 17
ภายในเรือนธาตุตรงกึ่งกลาง เรียกว่าห้องครรภคฤหะ เป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพที่สำคัญที่สุด ในที่นี้คือ ศิวลึงค์ ซึ่งแทนองค์พระศิวะ เป็นที่น่าเสียดายว่า ประติมากรรมชิ้นนี้ได้สูญหายไป เหลือเพียงแต่ ท่อโสมสูตร คือร่องน้ำมนต์ที่ใช้รับน้ำสรงจากการสักการะศิวลึงค์เท่านั้น
ที่บริเวณหน้าบันและทับหลังของปราสาทประธานมีภาพจำหลักแสดงเรื่องราวในศาสนาฮินดู
เช่น พระศิวนาฏราช
(ทรงฟ้อนรำ) ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์
อวตารของพระนารายณ์ เช่น พระราม
(ในเรื่องรามเกียรติ์)
หรือพระกฤษณะ
ภาพพิธีกรรม ภาพชีวิตประจำวันของฤๅษีเป็นต้น
จากปราสาทหินพนมรุ้ง เรามาชมโบราณสถานอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก "ปราสาทเมืองต่ำ" ค่ะ
ปราสาทเมืองต่ำ ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดปราสาทบูรพาราม ตำบลจระเข้มาก อำเภอประโคนชัย
จังหวัดบุรีรัมย์
โดยคำว่า เมืองต่ำ นี้ไม่ใช่ชื่อดั้งเดิม
แต่เป็นชื่อที่ชาวพื้นเมืองเรียกโบราณสถานแห่งนี้
เพราะปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ต่ำกว่าปราสาทพนมรุ้ง
โดยมวลสารวัตถุจากโบราณสถาน
และโบราณวัตถุในที่นี้
รัชกาลที่
9 ได้ทรงนำมาเป็นส่วนประกอบในการทำพระสมเด็จจิตรลดา
บาราย (ทะเลเมืองต่ำ) เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเืพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้สำหรับการอุปโภคบริโภค และการเกษตรกรรม บารายแห่งนี้รับน้ำมาจากเขาพนมรุ้ง โดยมีช่องรับน้ำอยู่ทางทิศตะวันตกของบาราย อยู่ใกล้ๆ ปราสาทเมืองต่ำค่ะ
ท้ายนี้ แม้ว่าเราจะต่างถิ่น ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ต่างความเป็นอยู่ แต่ฉันเชื่อว่าเรามีหัวใจเดียวกันค่ะหัวใจของความเป็นคนไทย ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และมิตรภาพดีดีของพี่เพ็ญ และครอบครัว ไว้มีโอกาสยินดีต้อนรับสู่ภาคเหนือค่ะ
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก... วิกิพีเดีย ค่ะ
แล้วพบกันใหม่ค่ะ
กอหญ้า...
-สวัสดีครับ..
-พี่สาวกอหญ้า.....ปราสาทเขาพนมรุ้ง.....กับปราสาทเมืองต่ำ สวยงามจริง ๆ ครับ..
-งานนี้ไปเที่ยวคุ้มสุด ๆ น่อ...เที่ยวงานข้าวมะลิและผ้าไหม..ว่าแต่..ได้สาวไหมก่อ ..
-เขาว่าไปบุีรีรัมย์ต้องกิน"กุ้งจ่อม" ได้กินพ่องก่ 55
-ขอบคุณสำหรับภาพบรรยากาศและความทรงจำดีๆ จากทริปนี้คร๊าบ!!!
-เก็บ"บะม่วงขี้ง๊ะ" มาฝาก..55
เดินทางไกลนะครับพี่กอหญ้า บ้านเฮาลำปางไปสุรินทร์ แต่มันคุ้มนะครับทั้งมิตรภาพและบรรยากาศ และที่ที่เราไปเที่ยว .....ขอบคุณนะครับพี่แบ่งปัน
สวัสดีค่ะ
- คุณเพชร "กุ้งจ่อม" ซื้อมาฝากพ่อ แต่บ่ได้ชิม เห็นแล้วเหมือนมันจะบ่สุกน่ะ ปล.กลัวท้องเสีย ช่วงนี้รู้สึกสุขภาพย่ำแย่ ต้องดูแลกันหน่อยค่ะ ทริปนี้ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคอยค่ะ ขอบคุณมะม่วงขี้ยะ ตวยเน่อ
- คุณลูกหมูเต้นระบำ ถึงจะำไกลแต่ก็คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณทุกกำลังใจนะค่ะ
สวยงามน่าเที่ยว..ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ
คุณพี่ใหญ่ น่าเที่ยวจริงๆ ค่ะ มรดกของชาิติไทย สวยงามที่สุด