ขั้นตอนการเรียนวิธีดูพระเนื้อผงปูน


ในการเรียนวิธีดูเนื้อพระเนื้อผงปูน

ผมจะลองเทียบความรู้และสอนแบบสองขั้นตอน ตามระดับความรู้ และความสนใจ คือ

ขั้นที่ 1. หัดดูเนื้อ โดยเฉพาะสามองค์ประกอบหลัก คือ ปูนดิบ ปูนสุก ตั้งอิ้ว เพื่อแยกพระเนื้อปูนออกจากเนื้อพลาสติก ที่สามารถแยกเก๊แท้ได้เอง เป็นระดับ พื้นฐาน (Basic Principle)

ขั้นที่ 2. ฝึกอ่านเนื้อพระผงปูน ที่มีความเป็นไปได้ ไม่ต่ำกว่า หมื่นล้านสภาพของเนื้อที่ปรากฏ โดยเฉพาะพระสมเด็จ 3 วัดให้ออก ทั้งสิบปัจจัยดังเคยกล่าวไว้แล้ว ที่ทำให้พระเนื้อผง มีเนื้อแบบต่างๆ อย่างที่เห็นในองค์ต่างๆ

ขั้นที่ 2 นี้ จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจ และความรักในพระสมเด็จอย่างลึกซึ้ง ใคร (ที่ไม่มีความรู้) จะมาแกล้งตีเก๊อย่างไร ก็จะมั่นคง อย่างมีหลักการ รับฟังได้ เข้าใจได้ ไม่ดิ้อรั้นดันทุรัง ไม่คลอนแคลน เพราะเข้าถึงระดับ State of art ได้แล้ว

ใครมาเรียน ผมก็จะสอนแบบนี้ครับ 

หลักสูตรเริ่มลงตัว หลังจากสอนมานานเป็นปี

 

อิอิอิอิ


หมายเลขบันทึก: 533700เขียนเมื่อ 23 เมษายน 2013 20:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 เมษายน 2013 20:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

แล้วเอาพระเนื้อพลาสติกมาโชว์แทนตัวเองทำไม เป็นเจ้าของโรงงานทำพระหรือครับ อิอิอิอิ

เรียนท่านอาจารย์ที่เคารพ

       ตามที่ผมไปอ่านบทความของอาจารย์ใหม่อีกหลายๆรอบ (ไม่ถึง 20 ตามที่อาจารย์จี้แนะ) ผมก็ได้เริ่มจิตนาการว่าพระสมเด็จวัดระฆังต้องมีลักษณะอย่างนั้น อย่างนี้ ต้องมีวิวัฒนาการไปเรื่อยๆแบบพระมีชีวิต ตามที่อาจารย์สอน ทำให้ผมมีความตั้งใจจริง อยากจะไปศึกษา ไปเรียนรู้กับท่านอาจารย์โดยตรง  อาจารย์ครับวันที่ 21 - 25 พ.ค 56 นี้อาจารย์พอจะมีเวลาว่างสักนิดไหมครับ ผมอยากจะไปเรียนกับอาจารย์จริงๆ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผมคงได้มีดอกาสนะครับ   ขอขอบคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง

ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง

นัดไกลเกินไป นึกไม่ออก ผมมีสมองไม่พอใช้ครับ อิอิอิ

"จะมาแกล้งตีเก๊อย่างไร ก็จะมั่นคง อย่างมีหลักการ รับฟังได้ เข้าใจได้ ไม่ดิ้อรั้นดันทุรัง ไม่คลอนแคลน เพราะเข้าถึงระดับ State of art ได้แล้ว"

ตรงนี้สุดยอดเลยครับอาจารย์

ที่ผ่านมา ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ "เชื่อคน" มากกว่าเชื่อตาตัวเอง

เชื่อหู มากกว่าตา

เพราะเราไม่ตั้งใจวิเคราะห์

พระเราอาจจะเก่าจริง เซียนบอกว่า แกล้งเก่า ผมก็เชื่อซะแล้ว

พระบางองค์เก่าเก็บ สภาพดีมาก ผมก็ดูความเก่าไม่ขาด เพราะสภาพแทบเหมือนพระทำใหม่

บางองค์ผมพอจะดูได้ถึงความแห้ง ความแกร่ง ในวงการก็บอกว่า "ทำได้" อีกซะงั้น

อาการอย่างนี้ทำให้พระดีๆ หลายๆ องค์ของผม ท่านโบกมืออำลา

ไปจำพรรษากับคนที่สายตาแม่นยำ และไม่ใช้หูดูพระแบบผม

การเล่นพระสอนผมให้จำไปจนแก่ตายว่า "โง่เป็นครู" ซึ่งงานนี้ผมมีครูเยอะเสียด้วยครับ

ด้วยหลักการดูธรรมชาติความเปลี่ยนแปลงของวัตถุตามระยะเวลาของท่านอาจารย์

ผมว่าจะทำให้การดูพระเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ ทุกอย่างจะสว่างขึ้นมาทันทีเลยครับ

จะได้เลิกฝากอนาคตพระที่มีคุณค่า หรือบางทีเป็นมรดกตกทอดไว้กับปาก+เล่ห์ ของคนไม่กี่คนเสียที

ไม่งั้นเซียนพระก็จะเป็นดั่งเทพเจ้า ชี้ผิด ชี้ถูก ได้ทุกครั้งไป

ชี้เปรี้ยงอ้ายนี่ได้เงิน ชี้อีกเปรี้ยง อ้ายนี่เจ๊ง

มาช่วยกันทำให้การดูพระเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์กันนะครับ

ถ้าทำได้ผมก็ตั้งใจจะเก็บแต่พระแท้ๆ และวิธีการดูพระแท้ๆ  ไว้ให้ลูก-หลานนะครับ

ไม่อยากให้เค้ามาโง่แบบผมอีก เพราะเมื่อรู้ตัวว่าโง่ทีไร อาการเจ็บใจก็ตามมาทุกทีครับ

เซียนมันทำให้ผมเจ็บใจ มันบาปนะ 5555 แช่งมัน

(ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ นะครับ)

ด้วยความเคารพท่านอาจารย์แสวงครับ

 

 

 


 

ไม่มีคำอธิบายอีกแล้วครับอาจารย์    ขอบคุณมากครับ

ได้ศึกษาและเรียนรู้บทความของอาจารย์(ที่ที่อื่นไม่มีบอก)เกือบปีแล้ว ทำให้การดูพระด้วยตนเอง(เชื่อตนเองอย่างมีเหตุมีผล)เป็นไปได้ด้วยเวลาอันสั้นแทนที่จะใช้เวลาลองผิดถูกหรือไปฟังเซียนทั่วไปที่จำต่อๆกันมาและตีความต่อๆกันเองโดยมีเงื่อนไขของธุรกิจมาประกอบด้วยคงจะใช้เวลาเป็นอย่างมากถึงจะเกิดความเชื่อมั่นในการดูพระได้ดี

                                                                                                   ขอบคุณ ดร.แสวง ครับ

ขอบคุณครับ ที่ให้กำลังใจครับ

เพิ่งอ่านเจอ 555555ครับอาจารย์  แล้วเอาพระเนื้อพลาสติกมาโชว์แทนตัวเองทำไม เป็นเจ้าของโรงงานทำพระหรือครับ อิอิอิอิ      ขอบคุณครับ อาจารย์


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท