จากการที่ได้ไปสัมมนาเรื่อง “บทบาทของกิจกรรมทดสอบความชำนาญเพื่อการประกันคุณภาพของห้องปฏิบัติการทดสอบ ด้านสิ่งแวดล้อม” ที่จัดโดย ศูนย์บริหารจัดการทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์บริการเมื่อเดือนสิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา หรือที่ชาว lab จะเรียกติดปากกันว่า การทำ PT ทำให้เราได้ทราบอะไรหลายๆ อย่างของกรมวิทยาศาสตร์บริการ อย่างเช่นว่ากรมวิทยาศาสตร์บริการได้เปลี่ยนโลโก้ของกรมฯ ใหม่แล้ว จากเดิมที่เป็นรูปฟันเฟืองกลายเป็นรูปครุฑ ซึ่งอีกหน่อยก็จะเป็นที่ชินตากันในหมู่ชาวห้อง lab ที่ใช้บริการการทำ PT ของกรมวิทยาศาสตร์บริการ การเปลี่ยนตัวผู้อำนวยการฯ คนใหม่ การใช้เอกสารการทดสอบ PT เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เป็นต้น ส่วนการบริหารจัดการภายในยังเหมือนเดิม และกิจกรรมทดสอบความชำนาญในปีงบประมาณ 2556 ยังคงมีสาขาเหมือนเดิม คือ อาหาร สิ่งแวดล้อม เคมี และสอบเทียบ แต่มีจำนวนห้องปฏิบัติการที่เพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงความเชื่อมั่นที่ห้องปฏิบัติการต่างๆ มีให้กับกรมวิทยาศาสตร์บริการ ส่วนการออกแบบกิจกรรมการทดสอบความชำนาญมีทั้งแบบอิงเกณฑ์และอิงกลุ่ม
เราก็ได้นำความรู้ที่ได้รับ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในห้องปฏิบัติการของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ ๑๔ ว่าในการทดสอบ PT อาจเกิดความคลาดเคลื่อนขึ้นได้ โดยสามารถดูได้จากสิ่งเหล่านี้ เช่น
- ผลการวัดแตกต่างจากค่าที่ทราบ หรือค่ามาตรฐาน
- ผลการวัดแตกต่างจากห้องปฏิบัติการอื่น
- ผลการวัดแตกต่างจากคนอื่นๆ ในห้องปฏิบัติการเดียวกัน
- ผลการวัดหลายครั้งแตกต่างกัน
และในการสัมมนาครั้งนี้ได้คุยเน้นหนักเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นของผลการวิเคราะห์ทดสอบใน 2 เทคนิคการตรวจวัด คือ การทิเทรต และการชั่งน้ำหนัก โดยรายละเอียดปัจจัยต่างๆ ที่มีผลการทบต่อความเชื่อมั่นพอจะแจกแจงได้ดังนี้
1. การสร้างความเชื่อมั่นของผลการวิเคราะห์ทดสอบ EDTA, HCl, Hardness & Chloride
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการทดสอบ คือ
1.1 ผู้ปฏิบัติงาน และการปฏิบัติงาน เช่น
- การทิเทรต สาเหตุส่วนใหญ่ คือ การดูสีที่จุดยุติไม่ถูกต้อง การแก้ไขก็คือต้องฝึกฝนผู้ปฏิบัติงานให้มีความสามารถ และมีประสบการณ์
- การอ่านค่าบนเครื่องมือคลาดเคลื่อน เช่น เทคนิคการใช้บิวเรต การอ่านตำแหน่งปริมาตรของเหลวในระดับสายตา
1.2 เครื่องมือ/อุปกรณ์ เช่น
- การใช้เครื่องมือ เครื่องแก้วที่ผ่านการสอบเทียบ
- การควบคุมคุณภาพของเครื่องมือ เช่น การล้างเครื่องแก้ว การดูแลรักษาเครื่องมือ เครื่องแก้ว ต้องถูกต้องตามวิธีทดสอบกำหนด และลดการปนเปื้อนที่จะส่งผลกระทบต่อการทดสอบ
1.3 สารเคมี วัสดุอ้างอิง เช่น ความบริสุทธิ์ไม่เหมาะสม มีสารปนเปื้อน การแก้ไข คือ การใช้สารเคมี วัสดุอ้างอิงที่มีมาตรฐานรับรอง
1.4 วิธีทดสอบ เช่น
การทดสอบมีหลายขั้นตอน เทคนิคยุ่งยาก การแก้ไขก็คือต้องฝึกฝนผู้ปฏิบัติงานให้มีความสามารถ
และมีประสบการณ์
2. การสร้างความเชื่อมั่นของผลการวิเคราะห์ทดสอบ COD, TDS & TSS
2.1 ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการทดสอบ COD
- อัตราส่วนความเข้มข้นของตัวอย่างน้ำและสารละลายที่ใช้ reflux เช่น ในกรณีที่ตัวอย่างมีค่า COD < 50 มิลลิกรัมต่อลิตร ทำให้ค่าที่ได้ไม่ดีพอควร ให้เพิ่มปริมาตรตัวอย่างได้ แต่ต้องให้ปริมาตรตัวอย่าง + ปริมาตรไดโครเมต ต่อปริมาตรกรดซัลฟุริก ต้องเท่ากับ 1 ต่อ 1 เสมอ
- การควบคุมความร้อนที่ใช้ reflux หลุมให้ความร้อนควรผ่านการสอบเทียบ
- บิวเรตที่ใช้ต้องมีความสะอาด ไม่มีฟองอากาศเมื่อใส่ของเหลวลงไป บิวเรตต้องผ่านการสอบเทียบ และเทคนิคในการอ่านค่าปริมาตร ตำแหน่งปริมาตรของเหลวต้องอยู่ในระดับสายตา
- การกำจัด Interference การกำจัดคลอไรด์ด้วยเมอร์คิวริกซัลเฟต (HgSO4) ในอัตราส่วนที่เหมาะสม แต่ถ้าสารละลายยังเป็นขุ่นขาว แสดงว่าปริมาณ HgSO4 ที่เติมลงไปไม่เพียงพอก็ให้เติมลงไปอีกได้ เพราะไม่มีผลต่อการทดสอบ หรือถ้าตัวอย่างไม่มีคลอไรด์จะไม่เติมก็ได้
- อย่าทำการทิเทรตขณะที่ตัวอย่างยังร้อน เพราะ indicator จะเสื่อมสภาพ
2.2 ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการทดสอบ TSS & TDS
- ตัวอย่าง
ควรให้อุณหภูมิของตัวอย่างเท่ากับอุณหภูมิห้อง และตัวอย่างที่จะนำมาทำการวิเคราะห์ต้องทำให้มีความเป็นเนื้อเดียวกัน โดยเฉพาะขณะตวงตัวอย่าง
- การกรอง
· คุณภาพของกระดาษกรอง จะต้องได้มาตรฐานตามที่การทดสอบกำหนด
· เครื่องดูดสุญญากาศ ควรมีการดูดด้วยความแรงที่สม่ำเสมอ
· เทคนิคการกรอง ควรเลือกใช้ปริมาณตัวอย่างให้เหมาะสมกับความเข้มข้นของสารแขวนลอยในตัวอย่าง โดยให้เหลือน้ำหนักแห้งตกค้างบนกระดาษกรอง ไม่น้อยกว่า 0.0025 กรัม แต่ไม่เกิน 0.2 กรัม
- การระเหยและการอบแห้ง
· ประเภทของถ้วยระเหย เช่น กระเบื้อง ทองคำขาว ซิลิก้า Foil เป็นต้น
· การป้องกันการปนเปื้อนขณะระเหย เช่น สิ่งแวดล้อมบริเวณนั้นไม่ควรมีฝุ่น หรือกิจกรรมอื่นใดที่ก่อให้เกิดฝุ่น
· การควบคุมอุณหภูมิของตู้อบ ตู้อบที่นำมาใช้งานต้องผ่านการสอบเทียบและทวนสอบอุณหภูมิให้อยู่ในช่วงการใช้งาน
· ระยะเวลาอบแห้ง ควรทำอย่างน้อย 2 รอบ เพื่อให้ความแตกต่างของน้ำหนักตัวอย่างในการชั่งน้อยกว่า 0.0005 กรัมหรือน้อยกว่า 4% ของน้ำหนักหลังการอบก่อนหน้านี้ตามที่การทดสอบกำหนด
- การชั่งน้ำหนัก
· เครื่องชั่ง เครื่องชั่งที่ใช้ควรมีความละเอียดในการอ่านค่า มีการอบอุ่นเครื่องก่อนใช้งานอย่างน้อย 30 นาที ควรทำการสอบเทียบเครื่องชั่งทุกปี และทำการทวนสอบเครื่องชั่งประจำวัน (Daily check) ก่อนการใช้งาน
· ตู้ควบคุมความชื้น ควรมี Hygrometer ที่ผ่านการสอบเทียบ ในการอ่านค่าความชื้นในตู้ เพื่อไม่ให้มีค่าความชื้นเกินค่าที่การทดสอบกำหนด
· ห้องชั่ง ควรมีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสมตามที่การทดสอบกำหนด ก่อนจะทำการชั่ง
และพวกเราในส่วนของเจ้าหน้าที่ทดสอบพารามิเตอร์ต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว จะนำเอาเทคนิคต่างๆ จากการสัมมนาครั้งนี้ มาปรับใช้กับห้องปฏิบัติการของเรา ในการทดสอบประจำวันและในการทดสอบ PT เราก็จะสามารถประเมินตนเองได้ว่าผลการทดสอบของเรามีความคลาดเคลื่อนตามที่ได้กล่าวมาแล้วหรือไม่ ติดตามต่อไปนะคะ
ไม่มีความเห็น