บันทึกของพ่อถึงลูก


     ลูกรัก เมื่อลูกโตขึ้น พ่อเกรงว่าลูกจะไม่รู้เทือกเถาเหล่ากอของ

เราว่ามาจากไหน  มีความเป็นมาอย่างไร เพราะนับวันญาติพี่น้อง

ยิ่งห่างไกลกัน กลัวว่าลูกจะไม่รู้ที่มาที่ไปของตน พ่อจะเขียน

บันทึกนี้ไว้ เพื่อวันข้างหน้าลูกจะได้รู้จักญาติพี่น้องของตน จะได้

ปฏิบัติกับเขาเหล่านั้นได้อย่างถูกต้อง เดี๋ยวจะเรียกขานนับญาติกัน

ไม่ถูก แต่พ่อเองก็เป็นคนรุ่นหลัง เกิดไม่ทันบางท่านบางคน พ่อจะ

พยายามสืบสาวเรื่องราววงศ์ตระกูลของเรา จากญาติผู้ใหญ่ที่ยัง

มีชีวิตอยู่มาเล่าสู่ลูกฟัง ว่าเป็นมาอย่างไรบ้าง ต่อไปภายภาคหน้า

ลูกจะได้รู้ภูมิหลังของตนเอง โดยพ่อจะทำเป็นตอนๆ ไว้ เพื่อง่าย

ต่อการอ่าน และพ่อจะสอดแทรกคำสอนเรื่องราวของพ่อเอาไว้ให้

เจ้าได้รู้ แม้เมื่อพ่อจากไป หากลูกยังกตัญญูปฏิบัติตามคำที่พ่อสั่ง

สอน ก็ชื่อว่าพ่อยังอยู่ดูแลรักษาเจ้า เจ้าจงตั้งใจอ่านบันทึกนี้ของ

พ่อด้วยความตั้งใจเถิด.


     ลูกรัก บันทึกนี้พ่อเป็นคนเขียน ก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พ่อจะ

เขียนเรื่องราวความเป็นมาของตนลงไปบ้าง เพื่อที่จะได้เป็น

ประโยชน์สำหรับเจ้า โดยพ่อจะสอดแทรกข้อคิดคำสอนลงไปให้

เจ้าได้อ่าน ดังที่บอกไว้แล้วนั้น ลูกรัก ชีวิตคนเรานั้นนะลูก ย่อม

เกี่ยวข้องกับคนอื่น เราไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาก็ก็มาเกี่ยวข้องกับ

เราอยู่ดี เพราะเราอยู่ในสังคม หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพบปะสมาคม

กับผู้คน เราจำเป็นที่จะต้องเกี่ยวข้องกับเขา เพราะฉะนั้นจึงจำเป็น

ที่จะต้องเรียนรู้เพื่ออยู่กับเขาให้เป็น แม้ชีวิตพ่อเองก็ผ่านพบบุคคล

มากหลาย พ่อจะนำมาเล่าเท่าที่จะเล่าได้ แต่พ่อก็คงไม่สามารถเ่อ่ยชื่อเขาได้ชัดเจน จริงๆ ก็อยากจะยกย่องชื่นชมเขาอยู่หรอก แต่พ่อเขียนเรื่องนี้ไว้เพื่อลูก โดยไม่ได้ขออนุญาตเขาก่อนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเขา แต่ตอนที่พ่อรู้จักเขา พ่อก็เคยพูดทีเล่นทีจริงว่าจำนำมาเขียนเป็นเรื่องราว เติมสีสันลงไปบ้างตามสมควร แล้วพิมพ์ขาย พ่อถามเขาว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ จะซื้อไหม เขาก็รับปากว่าจะซื้อจะอุดหนุนหนังสือของพ่อ เรื่องนี้พ่อก็พูดเฉยๆนะ จริงๆแล้วก็คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ในส่วนของผู้ที่เกี่ยวข้องกับพ่อ จะนำมาเล่าพอให้ได้คติเตือนใจในเรื่องนั้นๆ แต่ก็ไม่เล่าในลักษณะยกตนข่มท่าน พูดให้ตนเองดี พูดให้คนอื่นเสีย ซึ่งแบบนั้นพ่อก็ไม่ชอบเหมือนกัน เรื่องเหล่านี้ลูกต้องระวังให้ดีนะลูก ลูกอย่าเป็นคนเช่นว่านี้


     ลูกรัก คนเราจะดีไม่ดี เพียงคำพูดอย่างเดียวไม่สามารถพิสูจน์ได้หรอก ต้องดูที่การกระทำ วันเวลาเป็นเครื่องตัดสิน ในยามที่ลูกได้ประสบพบเห็นใครมาทำดีเพื่อลูก นอกจากพ่อแม่แล้ว ลูกก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเขาเป็นคนดี แต่พ่อก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้ลูกมองเขาในแง่ร้ายเสมอไปนะลูก คือลูกต้องใจเย็นๆ ดูไปก่อน การทำดีของเขาที่ทำกับเรานั้น เขาเสแสร้งแกล้งทำให้เราหลงตายใจไหม พอเราเชื่อเขาแล้ว ให้เขามามีส่วนร่วมในชีวิตเราแล้ว ธาตุแท้ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขาก็ค่อยปรากฏออกมาให้เราได้เห็น พ่อเป็นห่วงลูกในเรื่องนี้ หากคนที่มาเกี่ยวข้องกับเราเป็นคนดีจริง เสมอต้นเสมอปลาย ทั้งการกระทำและคำพูด เริ่มต้นดีอย่างไร ภายหลังก็เป็นอย่างนั้น แม้จะมีบ้างบางครั้งที่หลงผิดไปเพราะความพลั้งเผลอ แต่หาเป็นไปด้วยเจตนาไม่ ลูกก็จงรู้จักให้อภัยเถิด และจงมั่นใจเถิดลูกว่านั้นคือคนดี


     ลูกรัก การที่จะรู้ว่าใครเป็นคนดีไม่ดีนั้น ต้องอยู่ด้วยกันนานๆ คือศึกษาเรียนรู้จริตนิสัยเขานานๆ ต้องมีปัญญาใส่ใจในเขา ต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องประกอบด้วย ลูกรัก พ่อก็พูดเรื่องการกล่าวถึงคนอื่นมาจนเลยเถิดถึงเรื่องงการคบคน แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าเป็นข้อคิดสำหรับเจ้าในการเลือกดูคนก็แล้วกัน


หมายเลขบันทึก: 532081เขียนเมื่อ 3 เมษายน 2013 20:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 เมษายน 2013 20:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อ่านแล้วได้ข้อคิดมากมายค่ะ ทั้งเรื่องการเลือกคบคน  การหนักแน่น  รอบคอบกับการตัดสินใจ

พระคุณเจ้าสบายดีนะคะ  

สบายดีครับคุณครู คุณครูสบายดีนะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท