วันนี้หยิบเอาแนวคิดการทำวิจัยในชั้นเรียน ของสุวิมล ว่องวาณิช(2544) มาฝากกันค่ะ
การทำวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนของครูที่สอดคล้องกับวิถึชีึวิต
ของการทำงานปกติ ควรมีลักษณะดังนี้
๑. งานวิจัยของครู ควรเป็นงานวิจัยขนาดเล็ก มุ่งแสวงหาคำตอบเกี่ยวกับการแก้ปัญหาในห้องเรียน
เป็นกระบวนการที่ไม่ใช้เวลาในการดำเนินงานนานเกินไป จนทำให้งานหลัก(งานสอน) ได้รับผลกระทบ แต่ต้องดำเนิน
การให้เป็นส่วนหนึ่งของการสอนตามปกติ
๒. ในแต่ละภาคเรียนหรือภาคการศึกษา ครูสามารถทำการศึกษา ในประเด็นวิจัย หรือหัวข้อวิจัยได้
หลายประเด็น และสามารถดำเนินการได้พร้อมกันในขณะเดียวกัน
๓. การวิจัยของครูเน้นการใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แสวงหาคำตอบ เพื่อให้ได้ข้อค้นพบที่มี
ความหนักแน่น น่าเชื่อถือ และนำไปใช้ในการเรียนการสอนของตนเองได้จริง ...ไม่ใช่มุ่งสร้างองค์ความรู้ใหม่ การนำ
เสนอผลการวิจัยจึงไม่ยึดรูปแบบที่เป็นทางการเหมือนกับที่มีการทำกันในการวิจัยเชิงวิชาการ
๔. การทำวิจัยของครู ต้องเกี่ยวข้องกับปัญหาวิจัยที่เกิดจากสภาพปัญหาที่เป็นจริงขณะนั้น และครู
ไม่สามารถใช้วิธีเดิม ๆ แก้ปัญหาได้ จำเป็นต้องค้นหาวิธีการใหม่
๕. กระบวนการวิจัยของครูต้องเป็นไปอย่างง่าย ๆ สามารถใช้ข้อมูลที่มีอยู่ในห้องเรียนมาใช้เป็นการ
ค้นหาคำตอบ...ต้องไม่คิดว่างานวิจัยเป็นงานนอกเหนืองานสอน
๖. การวิจัยของครูไม่ใช่การมุ่งสร้างผลงานทางวิชาการของตนเอง แต่ต้องเป็นงานที่ผู้เกี่ยวข้องกับการ
พัฒนาผู้เรียน คือ ครูทั้งโรงเรียนมาร่วมมือกันพัฒนาผู้เรียน ...ทุกคนต้องมีส่วนร่วม ...เนื่องจากปัญหาในห้องเรียนส่วน
ใหญ่เป็นปัญหาที่มีความเกี่ยวพันหรือสัมพันธ์กัน ครูคนเดียวอาจจะแก้ไขปัญหาด้วยตัวคนเดียวไม่ได้
สรุปได้ว่า การพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการวิจัยในชั้นเรียน เป็นการ ทำงานวิจัย
ของครูเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนของตนเอง และควรจะมีลักษณะ ดังนี้
เป็นงานวิจัยขนาดเล็ก. <<<<< มุ่งแสวงหาคำตอบเพื่อแก้ปัญหา <<<<<
ทำการศึกษาได้ในหลายประเด็น<<<<< เน้นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ <<<<<
เกิดจากสถาพปัญหาที่เป็นจริงขณะนั้น <<<<< กระบวนการวิจัยเป็นไปอย่างง่าย
ใช้ข้อมูลที่มีอยู่ในห้องเรียน <<<<< วิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
ไม่ใช่มุ่งสร้างผลงานเพื่อตนเอง <<<<< เป็นการวิจัยที่ครูทุกคนต้องร่วมมือกันพัฒนาผู้เรียน
...ใช้ข้อมูลที่มีอยู่ในห้องเรียน <<<<<วิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน...
From abstracts I have read, most data generated by teachers "injecting" (subjecting students to) extra conditions in classroom and collecting only "good" data (fitting to statistical guidelines -- without explaining significance of the data or results in statistical terms). In short, most research use a fix formula and simply substituting values in the formula.
สวัสดีค่ะ การวิจัยในชั้นเรียน บางครั้งไม่ต้องการอธิบายทางสถิติ ที่ยุ่งยาก เพราะไม่ใช่การวิจัยเชิงปริมาณ
แต่น่าจะนำเสนอผลอย่างง่าย ๆ ในเชิงคุณภาพมากกว่า สถิติที่ใช้ส่วนมาก ก็เพียง ค่าร้อยละ และ ค่าเฉลี่ย
แต่เพื่อให้ดูหนักแน่น น่าเชื่อถือ ก็สามารถ นำข้อมูลที่ได้ ไปเข้าสูตรซะหน่อย ขอบคุณที่แวะมาแสดงความคิดเห็น
และมอบดอกไม้ให้ค่ะ