อย่างที่คุยกันไปแล้วนะครับว่า เครื่องมือที่จะช่วยการบ่มเพาะความกรุณาให้เกิดขึ้นได้ภายในจิตใจของเราก็คือ "การฟังอย่างลึกซึ้ง" ซึ่งการฟังอย่างลึกซึ้งที่ว่านี้ ต้องใช้ประสาทสัมผัสของเราให้มากที่สุด เช่น
ตา - ต้องดูอากัปกริยาท่าทาง สีหน้า แววตา
หู - ต้องฟังโทนเสียง และเนื้อหาอย่างละเอียด
กาย - ถ้าสัมผัสถูกตัวได้ ก็จะรับรู้อุณหภูมิร่างกาย เหงื่อที่ออก
อีกทั้งต้องเคารพผู้พูดที่อยู่ตรงหน้าเรา ตั้งใจฟังอย่างเดียวโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย
แล้ว"การฟังอย่างลึกซึ้ง"ที่ว่านี้ มันผ่านขบวนการอะไรถึงก่อให้เกิด "ความกรุณา" ขึ้นในจิตใจของเราได้ คำตอบคือ "การเห็นอกเห็นใจ เข้าอกเข้าใจ" จนกระทั่งเรามีความรู้สึกร่วม มีความรู้สึกว่าเรากับเขาก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน หมายถึง เชื่อมกันได้ระหว่างใจเขาใจเรา อย่างนี้ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า "Empathy"
และเมื่อถึงจุดนี้ "ความกรุณา" มันจะผุดขึ้นมาเองครับ เหตุเพราะมนุษย์ล้วนมีเมล็ดพันธุ์แห่งความกรุณาอยู่ในจิตใจของทุกคนแล้ว เพียงแต่หมั่นลดน้ำพรวนดินให้มันเท่านั้น
"ความกรุณา" ไม่ควรเกิดเพราะว่ามันดูดี เป็นสิ่งดีทีคนดีต้องทำ และเราก็อยากเป็นคนดีเสียอีก ไปเล็งผลก่อนสร้างเหตุ ก็ผิดตั้งแต่เริ่มแล้วครับ
เห็นไหมครับความสอดคล้องกันระหว่าง "สุนทรียสนทนา-การเห็นอกเห็นใจ-ความรู้สึกร่วม-บทสวดแผ่เมตตา--ความกรุณา" สำหรับเราเหลืออย่างเดียวครับคือ "ลงมือทำ และลิ้มชิมผล" เท่านั้นครับ
ไม่มีความเห็น