-ภาพรวมทั่วไปและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติและผู้มีปัญหาสถานะบุคคล
จำนวนแรงงานข้ามชาติ ที่อยู่ในประเทศไทยีจำนวนประมาณ 3% ของประชากรไทย จำนวนหนึ่ง มีชื่ออยู่ในทะเบียน อีกจำนวนหนึ่งเป็นผู้พลัดถิ่น และชนกลุ่มน้อย แรงงานข้ามชาติแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม
- กลุ่มที่อยู่โดยการผ่อนผัน
- กลุ่มที่ได้รับการพิสูจน์สัญชาติแล้ว
- กลุ่มที่นำเข้ามาโดยถูกกฎหมาย
- กลุ่มที่ลักลอบเข้ามา
- สิทธิบริการสุขภาพและสถานะสุขภาพของแรงงานข้ามชาติ และผู้มีปัญหาสถานะบุคคล ในประเทศไทย
ภาพรวมการประกันสุขภาพของประชาชนที่อยู่ในประเทศไทยปัจจุบัน
- 74% ประกันสุขภาพถ้วนหน้า
- 8% ประกันสังคม
- 16% สวัสดิการข้าราชการ
- 2% ยังไม่มีสิทธิประกันสุขภาพที่ชัดเจน
ในทางปฏิบัตินั้นสถานพยาบาลในประเทศไทยส่วนใหญ่ รับดูแลผู้ป่วยที่ไม่มีสัญชาติไทยอยู่เสมอ เพียงแต่สถานพยาบาลแต่ละแห่งมีวิธีเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล ที่แตกต่างกัน เช่น มีการให้ผู้ป่วยทำหนังสือรับสภาพหนี้ ใช้เงินกองทุนสงคมสงเคราะห์ของโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างโรงพยาบาลที่ ระนองได้ขายบัตรประกันสุขภาพราคา 1,300 บาทให้กับผู้ที่ไม่มีสัญชาติ
-การประกันสังคมและประกันสุขภาพสำหรับแรงงานข้ามชาติ และผู้มีปัญหาสถานะบุคคล
สำนักงานประกันสังคมประกอบไปด้วยกองทุน 2 ประเภท
- กองทุนเงินทดแทน กองทุนนี้นายจ้างเป็นผู้จ่ายเงินสมทบกองทุนนี้
- กองทุนประกันสังคม กองทุนนี้ มีผู้จ่ายเงินสมทบกองทุนทั้งหมดสามฝ่ายคือ นายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล
กองทุนเงินทดแทนเป็นกองทุนที่จ่าย เมื่อลูกจ้างประสบอันตราย และเจ็บป่วยด้วยโรค ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำงาน ส่วนกองทุนประกันสังคม เป็นกองทุนที่จ่ายเพื่อประโยชน์ทดแทน7 กรณีด้วยกัน กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย, กรณีทุพพลภาพ,กรณีตาย(3 กรณีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเนื่องจากการทำงาน ,กรณีคลอดบุตร,กรณีสังเคราะห์บุตร,กรณีชราภาพ,และกรณีว่างงาน
แรงงานข้ามชาติและผู้มีปัญหาสถานะบุคคลสามารถขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนได้ ปัจจุบันจำนวนผู้ประกันตนปี 2556 มีจำนวน 10.47 ล้านราย มีผู้ประกันตนที่เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด 281,316 คน ผู้ประกันตนที่มีปัญหาสถานะบุคคลจำนวน 5,260 คน
-นโยบายต่อผู้อพยพลี้ภัยในประเทศไทย
ภาครัฐของไทยยึดหลักการต่อไปนี้
- ประเทศไทยมีสิทฺธิดำเนินการต่างๆตามหลักอำนาจอธิไย
- การปฏิบัติต่อผู้อพยพลี้ภัยต้องสอดคล้องกับหลัก ปฏิบัติสากล
- คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน
- ซักถามที่มาที่ไปของผู้อพยพลี้ภัย
- ให้ความสมดุลระหว่างหลักสิทธิมนุษยชน กับ ความมั่นคงของรัฐ
- ยึดหลักการแก้ไขปัญหารวมกันของประชาคมอาเซียน
กรณีชาวโรฮิงยานั้น ถูกถือว่าเป็นผู้หลบหนีเข้าเมือง ทั้งที่ มีลักษณะเป็นผู้ลี้ภัยแต่เนื่องจากมีการอ้างว่าไทยไม่ได้เป็น ภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย แต่ในทางปฏิบัติประเทศไทยก็ได้ปฏิบัติต่อชาวโรงฮิงยาโดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมมาโดยตลอด
แนวทางในการจัดการกับผู้อพยพชาวโรฮิงญา กระทรวงการต่างประเทศรวมมือกับ องค์กรระหว่างประเทศ เจรจากับประเทศต้นทางของชาวโรฮิงยา และดูแลชาวโรฮิงยาขณะอยู่ในประเทศไทย
-นโยบาย และทางออกต่อแรงงานข้ามชาติ ผู้ประสบปัญหาสถานะบุคคล และผู้ลี้ภัย
- ควรจัดการกับกลุ่มคนไทยพลัดถิ่นและกลุ่มชาติพันธุ์ให้จบไปเลย จะได้ไม่เกิดปัญหาอีก
- ต้องมีการรับรองสถานะให้กับแรงงานข้ามชาติ ผู้ประสบปัญหาสถานะบุคคล และผู้ลี้ภัย
- ต้องมีการให้การศึกษา ยอมรับภาษา และวัฒนธรรม ของเขาโดยให้เขาเติบโตในภาษาและวัฒนธรรมของตน
- ให้คนกลุ่มนี้เข้าถึงบริการสุขภาพ
- สำหรับแรงงานข้ามชาติต้องได้รับหลักประกันในการทำงานอย่างชัดเจน ไม่ควรมีการเลือกปฏิบัติแบ่งระหว่างแรงงานมีทักษะ และแรงงานไร้ทักษะ
- ควรมีการอนุญาตให้คนอพยพที่อยู่ในค่ายสามารถออกมาทำงานนอกค่ายได้
- เสนอให้รื้อประกาศตามมาตรา 13 (งานที่สามารถทำได้ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด) เนื่องจากมีบุตรของของบุคคลตามมาตรา 13 ได้รับการศึกษา และควรได้ทำงานในอาชีพที่เหมาะสมกับความรู้ แต่ประกาศดังกล่าวทำให้เขาไม่สามารถทำอาชีพอื่นได้นอกเหนือจากที่ปรากฎในประกาศ
ไม่มีความเห็น