การแปลงไฟล์เพลง และ โปรแกรมสำหรับแปลงไฟล์เพลง


ก่อนที่เราจะเริ่มทำการแปลงไฟล์เพลง เราต้องรู้จักไฟล์เพลงหรือไฟล์ออดิโอแต่ละชนิดเสียก่อนซึ่งมีด้วยกันหลาก หลายชนิด บางชนิดก็สามารถนำไปเล่นกับเครื่องเล่นต่าง ๆ ได้เลย แต่บางชนิดก็ต้องแปลงให้ตรงกับอุปกรณ์ที่ใช้เล่นหากอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ รู้จักไฟล์เหล่านั้น

โดยไฟล์เพลงหรือไฟล์ออดิโอมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกันคือ ไฟล์เพลงชนิดที่ไม่บีบอัด ซึ่งจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ไฟล์เพลงที่บีบอัดแบบลดคุณภาพ และไฟล์ที่บีบอัดแต่ไม่ลดคุณภาพ

ชนิดของไฟล์เพลง

1. ไฟล์เพลงที่ไม่บีบอัด

  • WAV (WAVe PCM Sound) เป็นรูปแบบของไฟล์เพลงมาตรฐานที่ใช้ได้ในระบบปฏิบัติการ Windows ไมีมีการบีบอัดทำให้ไฟล์มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่เป็นไฟล์ที่มีคุณภาพของเสียงที่ดี ขนาดของไฟล์จะขึ้นอยู่กับ sampling frequencey, รูปแบบของเสียง (mono หรือ stereo) และจำนวนบิตที่ใช้
  • AIFF (Audio Interchange File Format) เป็นรูปแบบเสียงที่คล้ายกับ Wave ไม่มีการบีบอัดข้อมูลจึงทำให้คุณภาพเสียงดีแต่ไฟล์มีขนาดใหญ่ ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Apple Computer และใช้เป็นไฟล์มาตรฐานบนเครื่อง Macintosh
  • CDA (CD Audio track) CD Audio (.cda) track เป็นไฟล์ที่ถูกจัดเก็บไว้ในแผ่นซีดีเพลง ซึ่งเราสามารถเล่นไฟล์นี้ได้ด้วย CD-ROM เท่านั้น ในไฟล์ .cda จะไม่มีส่วนของเพลงจริง ๆ รวมอยู่ด้วยเป็นเพียงตัวที่เชื่อมโยงไปถึงเท่านั้น ดังนั้นถาเราก๊อปไฟล์ .cda จากแผ่นซีดีมาไว้ในฮาร์ดดิสก์ก็จะไม่สามารถเล่นเพลงได้.

2. ไฟล์เพลงที่มีการบีบอัดและลดคุณภาพ

  • MP3 (MPEG-1 Layer 3)เป็นรูปแบบที่กำลังเป็นที่นิยมมาก ณ ขณะนี้ เนื่องจากไฟล์ที่ได้มีขนาดเล็กแต่คุณภาพขอเสียงไม่ได้ด้วยไปกว่าเพลงที่ฟัง จากแผ่นซีดีเพลง แผ่นซีดี 1 แผ่นสามารถเก็บเพลงในรูปแบบ mp3 ได้ถึง 200-250 เพลง ในขณะที่ซีดีเพลง .cda ธรรมดาได้ได้เพียง 20 เพลงเท่านั้น
  • MP3 Pro เป็นรูปแบบที่พัฒนาต่อมาจาก mp3 โดยให้ไฟล์ที่มีขนาดเล็กลงครึ่งหนึ่งของ mp3 เดิมในขณะที่คุณภาพเท่ากัน
  • Ogg Vorbis เป็นรูปแบบที่พัฒนามาแข่งกับ mp3 โดยสามารถบีบอัดไฟล์ให้มีขนาดที่เล็กกว่า แต่คุณภาพเสียงที่ดีกว่า แต่ยังมีการใช้ยังไม่แพร่หลายเท่า mp3
  • WMA (Windows Media Audio) เป็นไฟล์เพลงในรูปแบบของ Microsoft Windows ที่ให้ไฟล์ที่มขนาดเล็กกว่า mp3 ในระดับคุณภาพที่เท่าเทียมกัน ไฟล์ wma ที่บิตเรท 64K จะให้คุณภาพเสียงเท่ากับแผ่นซีดีเพลง (.cda) เลยทีเดียว
  • Nero Digital Audio (HE-AAC) เป็นการบีบอัดไฟล์ในรูปแบบ mp4 (MPEG Audio Layer 4) ที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า mp3 ถึง 30% ที่บิตเรทที่เท่ากัน และยังสามารถรองรับระบบเสียงในแบบ 5.1 แชลแนลด้วย เดิมจะรู้จักกันในชื่อ AAC มากกว่า
  • M4A (MPEG-4 compressed audio file) MP4A จะใช้การบีบอัดข้อมูลเช่นเดียวกับไฟล์วีดีโอ .MP4 แต่ไม่มีส่วนของคุณภาพ
  • TWIN VQ (Transform-domain Weighted INterleave Vector Quantization) เป็นรูปแบบที่ให้คุณภาพเสีงที่ดีที่ีบิตเรทต่ำ เช่น ไฟล์เพลงที่บีบอัดมาที่บิตเรท 96 kbps จะให้คุณภาพใกล้เครยงกับไฟล์ mp3 ที่บิตเรท 128 kbps แต่ไม่เป็นที่นิยม

3. ไฟล์เพลงที่มีการบีบอัดแต่ไม่ลดคุณภาพ

  • APE (เอพ) APE เป็นรูปแบบของไฟล์เพลงที่ถูกบีบอัดโดยไม่ลดคุณภาพ ซึ่งต่างจากไฟล์ mp3 หรือ ogg ซึ่งการลดขนาดไฟล์โดยไม่ลดคุณภาพนี้จะต้องอาศัยขั้นตอนที่ซับซ้อน โดยการตัดช่วงความถี่ที่มนุษย์ไม่สามารถได้ยิน คือต่ำกว่า 20 Hz และสูงกว่า 40,000 Hz ออกไป จากนั้นจะใช้เทคนิคการคืนข้อมูลเสียงที่ถูกบีบอัดไว้กลับสู่สภาพตั้นต้น ไฟล์ APE นี้จะถูกสร้างจากโปรแกรม Monkey's Audio จึงใช้ชื่อว่า ape (เอพ) ที่แปลว่าวานรโดยผลจากการสร้างเราจะได้ไฟล์ .ape ที่สร้างจากแทร็คเพลงทุกแทร็คจากแผ่นซีดีเพลงรวมกันอยู่ในไฟล์เดียว (image file) พร้อมทั้งไฟล์ .cue ที่เป็นตัวบอกชื่อเพลง, ความยาวของเพลง และตำแหน่งเริ่มต้นของแต่ละเพลง ซึ่งเมื่อใช้ไฟล์ทั้งสองร่วมกันจะทำให้คุณภาพของเสียงเหมือนซีดีต้นฉบับเลย ทีเดียว ในการเล่นเพลงจาก ape นี้ขอแนะนำให้ใช้โปรแกรม foobar 2000 ซึ่งสามารถเล่นเพลงจากไฟล์ cue ที่เชื่อมไปยังไฟล์ ape เพื่อเลือกฟังเพลงแต่ละเทร็คได้อย่างอิสระ
  • FLAC (Free Lossless Audio Codec) FLAC มีลักษณะคล้ายกับไฟล์ mp3 แต่ไม่ลดคุณภาพของไฟล์ โดยไฟล์เพลงจะถูกบีบอัดให้เล็กลงแต่ไม่มีการลดคุณภาพใด ๆ เลย โดยใช้การบีบอัดเช่นเดียวกับโปรแกรม zip แต่มีคุณภาพที่ดีกว่าเพราะออกแบบมาสำหรับไฟล์เพลงโดยเฉพาะ
  • WV (WavPack lossiess compressed audio file) ไฟล์ .WV สามารถบีบอัดไฟล์เสียงให้อยู่ในรูปแบบของไฟล์ .WAV ได้สามารถรองรับระบบเสียงรอบทิศทางและอัตราการสุ่มที่ความถี่สูงข้อมูลจะ ถูกลดขนาดลงประมาณ 30% ถึง 70% นิยมใช้ในการบีบอัดไฟล์เพลงทั่ว ๆ ไปได้ และให้คุณภาพที่ดียิ่งขึ้นเมื่อใช้กับเพลงที่มีช่วงไดนามิคกว้าง ๆ เช่น เพลงคลาสสิค เป็นต้น WavPack นี้เป็นรูปแบบที่เปิดให้ใช้งานฟรี ซึ่งพัฒนาโดย David Bryant
  • CUE (Cue Sheet6) ไฟล์ cue sheet หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า cue เป็นไฟล์ข้อความธรรดาที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการจัดวางแทร็คเพลงของไฟล์ที่ แปลงมาจากแผ่นซีดีโดยตรง โดยประกอบด้วยส่วนของชื่อเพลง ชื่อศิลปิน และตำแหน่งของเพลงแต่ละแทร็ก ไฟล์ cue นี้จะนิยมใช้ในการฟังหรือไรท์แผ่นจากไฟล์ที่ดึงมาจากแผ่นซีดีทั้งแผ่นที่รวม ทุกแทร็คไว้ในไฟล์เดียว (image file) ซึ่งอาจเป็นไฟล์ wav, wv, ape, flac หรือ bin ก็ได้ ซึ่งไฟล์ cue นี้สามารถเปิดด้วยโปรแกรม notepad เราสามารถที่จะแก้ไขส่วนต่าง ๆ ได้เอง ยกเว้นส่วนของ INDEX ซึ่งเป็นตำแหน่งเริ่มต้นของแต่ละเพลงที่เราไม่ควรไปยุ่ง

หลัง จากที่รู้จักประเภทของไฟล์แต่ละชนิดไปแล้วต่อไปก็จะเลือกโปรแกรมต่าง ๆ ที่ใช้ในการแปลงไฟล์ ซึ่งโปรแกรมแปลงไฟล์เพลงก็มีให้เลือกหลายตัวด้วยกันและมีความสามารถที่แตก ต่างกันออกไป แต่โปรแกรมแปลงไฟล์เพลงที่ได้รับความนิยมกันได้แก่ โปรแกรม Nero, Foobar2000, Monkey's Audio, Any Audio Converter, Easy CD DA Extractor, Xilisoft Audio Converter และโปรแกรม Mp3 Audio Editor โดยโปรแกรมทั้งหมดนี้สามารถดาวน์โหลดได้จาก โปรแกรมแปลงไฟล์เพลง หรือสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมอื่น ๆ ได้จาก ดาวน์โหลดโปรแกรม

คำสำคัญ (Tags):
หมายเลขบันทึก: 529812เขียนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2012 21:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 กุมภาพันธ์ 2012 09:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท