Archanwell
รศ.ดร. พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร

กรณีศึกษา “ลุงตู่” นายชาญ สุจินดา : ตอนที่ ๑ - ความเป็นมา ข้อเท็จจริง และปัญหา


กรณีศึกษา "ลุงตู่" นายชาญ สุจินดา : ตัวอย่างของคนที่มีปัญหาสิทธิในสถานะบุคคลตามกฎหมายที่พบ ณ ตรอกตลาดนางเลิ้ง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. เพราะตกหล่นจากทะเบียนราษฎรตั้งแต่เกิดจนประสบปัญหาความไร้รากเหง้า โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖ ปรับปรุงล่าสุดในวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖

-----------

ความนำ

-----------

ด้วยคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดการเรียนการสอนหลักสูตรโครงการนิติศาสตร์ภาคบัณฑิต ท่าพระจันทร์ และในหลักสูตรได้มีการเรียนการสอนวิชาหลักวิชาชีพนักกฎหมาย ซึ่งเป็นวิชาที่มุ่งหวังให้นักศึกษาที่จบการศึกษาออกไปได้มีความตระหนักในการนำความรู้ทางกฎหมายไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม โดยได้มอบหมายให้นักศึกษาจัดทำโครงงานกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริการสังคม

นักศึกษาจำนวน ๔ ท่าน อันประกอบด้วย (๑) นางสาวสายชล สิมะกุลธร (๒) นางสาวลัดดาวรรณ โชติมุณี (๓) นางสาวเทพสุดา เกียรติสุขสถิตย์ และ (๔) นางสาวปัญจพร จิระประเสริฐสุข ซึ่งเป็น นักศึกษาในหลักสูตรนิติศาสตร์ภาคบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ลงทะเบียนเรียนวิชาหลักวิชาชีพนักกฎหมายในภาคการศึกษาที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๕  โดยมี ผศ.ดร.ปริญญา  เทวานฤมิตรกุล ทำหน้าที่อาจารย์ผู้สอน และคณะนักศึกษาทั้งสี่คนข้างต้นได้เลือกทำโครงงานกฎหมายเรื่องการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่นายชาญ สุจินดา ซึ่งเป็นคนเร่ร่อนที่อาศัยในชุมชนนางเลิ้ง  บุคคลดังกล่าวไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานและสวัสดิการจากรัฐแต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน

-----------

ข้อเท็จจริงของลุงตู่

-----------

โดยการสอบปากคำพยานบุคคลหลายปาก รวมตลอดถึงพยานเอกสารเท่าที่มี นางสาวสายชลและคณะจึงสรุปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนายชาญ สุจินดา หรือที่คนในชุมชนนางเลิ้งเรียกกันโดยทั่วไปว่า “ลุงตู่” ดังต่อไปนี้

“ลุงตู่” หรือนายชาญ สุจินดา เล่าว่า เขาเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๔ ตั้งแต่จำความได้เขาก็อาศัยอยู่ที่ตรอกสะพานยาว ตลาดนางเลิ้งมาตลอด นายชาญไม่ทราบว่า ตนเองเกิดที่ไหนแน่ นายชาญไม่ทราบว่า ตนมีเอกสารการเกิดใดๆ หรือไม่ แต่นายสว่าง สังข์ทองพี่ชายร่วมมารดาคาดว่า นายชาญเกิดกับหมอตำแยที่บ้านในซอยตรอกสะพานยาว ตลาดนางเลิ้ง บ้านเลขที่ ๘๐ ตรอกตลาดนางเลิ้ง แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.[1] เนื่องจากเป็นช่วงสงครามโลก[2]  นางผิวมารดาจึงไม่อาจไปคลอดนายชาญที่โรงพยาบาลศิริราช นายสว่างจำได้ว่า ในช่วงเวลานั้น  นางผิวมารดาเคยพาลูกๆ อันได้แก่เขาเองและนายชาญ มาหลบระเบิดที่วัดแคนางเลิ้ง และอพยพไปอาศัยยายอยู่ที่หัวตะเข้

นอกจากนั้น หลังจากนายชาญเกิดได้ไม่ถึงปี ก็เกิดมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในจังหวัดพระนคร (กทม.ใน พ.ศ.๒๔๘๕) จะเห็นว่า นายชาญเกิดและเติบโตในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในความวุ่นวาย จึงมีความเป็นไปได้ว่า บิดาและมารดาจะไม่ได้ไปดำเนินการแจ้งเกิดในทะเบียนราษฎรให้แก่นายชาญ เขาจึงไม่น่าจะมีหนังสือรับรองการเกิดและสูติบัตรแต่อย่างใด

นายสว่าง เล่าอีกว่า บ้านเลขที่ ๘๐ ตรอกตลาดนางเลิ้ง แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. เป็นบ้านที่อาศัยอยู่และเสียชีวิตของนางผิว กิจเกษม ซึ่งเป็นมารดาของนายสว่างและนายชาญ ต่อมา บ้านนี้และบ้านอื่นในซอยนี้ทั้งหมดถูกไฟไหม้ไปราวปี พ.ศ.๒๕๑๖ และปัจจุบัน กลายเป็นตึกแถวสมัยใหม่

สำหรับนางผิว กิจเกษม ซึ่งเป็นมารดาของนายสว่างและนายชาญนั้น  เธอเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๖[3] นายสว่าง สังข์ทองเล่าว่า นางผิวมีมารดาอาศัยอยู่ที่หัวตะเข้[4] ในสมัยนั้น นายสว่างจำได้ว่า มารดาของนางผิวหรือยายของนายสว่างและนายชาญพายเรือมาเยี่ยมนางผิวและหลานๆ ถึงบ้านที่ในซอยตรอกสะพานยาว ตลาดนางเลิ้งเสมอ นายสว่างเล่าว่า นางผิวมารดาเป็นคนสวยมาก เธอประกอบอาชีพขายกล้วยปิ้งมันปิ้ง อยู่ทางเข้าหน้าตลาดนางเลิ้ง เธอเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๙ ในขณะที่มีอายุ ๔๔ ปี  ด้วยโรควัณโรค นายชาญมีอายุ ๕ ปี ในขณะที่นางผิวมารดาเสียชีวิต ส่วนนายสว่างมีอายุ ๑๔ ปี

ส่วนนายป่วน สุจินดา ซึ่งเป็นสามีคนที่สองของนางผิวและบิดาของนายชาญนั้น  เคยประกอบอาชีพเป็นภารโรงโรงเรียนวัดสระบัว เขตปทุมวัน กทม. และต่อมา เมื่อนางผิวเสียชีวิต นายป่วนก็มีภริยาใหม่ซึ่งมีชื่อว่า “นางผิน สุจินดา”  และบุคคลทั้งสองได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่ซอยสุขุมวิท ๘๑  (ซอยศิริพจน์)  และนายป่วนเปลี่ยนอาชีพเป็นคนขายปลา นายป่วนน่าจะเสียชีวิตระหว่าง พ.ศ.๒๕๒๕ – ๒๕๓๐ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นายชาญน่าจะถูกจำคุกอยู่

นายชาญมีพี่ร่วมบิดาและมารดาอีก ๒ คน กล่าวคือ เป็นพี่ชายพี่สาวที่เกิดจากนายป่วน สุจินดา และนางผิว โดยมีนายชาญเป็นน้องชายคนสุดท้อง อันได้แก่  (๑) นายสัญญา กิจเกษม (น้อย) และ (๒) นางสละ เรืองลาภ บุคคลทั้งสองนี้น่าจะเสียชีวิตแล้ว

นายชาญมีน้องร่วมบิดาอีก ๒ คน กล่าวคือ เป็นน้องที่เกิดจากนายป่วน สุจินดา และนางผิน โดยมีนายชาญเป็นพี่ชายคนโตร่วมบิดา อันได้แก่ (๑) นายจู๋ สุจินดา และ (๒) นายขาว สุจินดา บุคคลทั้งสองนี้น่าจะเสียชีวิตแล้วเช่นกัน

เมื่อนางผิวเสียชีวิตลงใน พ.ศ.๒๔๘๙ บุคคลที่รับเลี้ยงดูทั้งนายสว่างและนายชาญ ก็คือ นางเยื้อน หรือบุญมา โชติกมล ซึ่งเป็นน้องสาวของนางผิว จึงมีศักดิ์เป็นน้าของบุคคลทั้งสอง  ดังนั้น นายสว่างและนายชาญในวัยเยาว์จึงอาศัยอยู่กับครอบครัวนางเยื้อนที่บ้านในซอยตรอกสะพานยาว ตลาดนางเลิ้ง ถนนพะเนียง ใกล้วัดโสมนัส  นางเยื้อนได้กับสมรสกับนายสุทัศน์ โชติกมล 

ทั้งนางเยื้อนและนายสุทัศน์มีบุตรด้วยกัน ๗ คน ได้แก่ (๑) พระสุทิน โชติกมล  เสียชีวิตแล้วเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๓ (๒) นางยุพิน ทองใหญ่ เสียชีวิตแล้ว (๓) นายสุเทพ โชติกมล เสียชีวิตแล้วเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๐ (๔) นางยุพา ปัจจุบัน อาศัยอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา (๕) นายสุวัฒน์ โชติกมล  ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ อำเภอบึงกุ่ม กทม. (๖) นายบุญเทิน โชติกมล  ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และ (๗) นางสุนทรี โชติกมล ปัจจุบัน อาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่  นอกจากนั้น นายสุทัศน์ โชติกมล ยังได้มีภรรยาอีกคน กล่าวคือ นางจรวย  โชติกมล ซึ่งมีบุตรด้วยกัน ๖ คน ได้แก่ (๑) นางหมู เคยทำงานอยู่องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (๒) นางสุธีรา สามกษัตริย์ ยังไม่พบตัว  (๓) นายวันชัย โชติกมล ยังไม่พบตัว  (๔) นายพงศธร โชติกมล ยังไม่พบตัว  (๕) นายกรณ์จักร โชติกมล เสียชีวิตแล้ว และ (๖) นายโสภณ โชติกมล ปัจจุบัน อาศัยอยู่ที่แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กทม.  ทั้งนางเยื้อน นางจรวย และนายสุทัศน์ ตลอดจนบุตรทุกคน ได้รับการรับรองในทะเบียนราษฎรของรัฐไทยและถือบัตรประจำประชาชน  ทั้งนางเยื้อนและนายสุทัศน์เสียชีวิตแล้ว

สำหรับประวัติการศึกษาของนายชาญนั้น เขาเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ที่โรงเรียนวัดผาสุการาม ตำบลหนองข้างคอก อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เมื่อมีอายุประมาณ ๑๐-๑๒ ปี  โดยใช้ชื่อว่า “ศิริ วิยะรันด์” เพราะในขณะนั้น เขาอยู่ในความอุปการะของญาติที่มีชื่อว่า “นายวาย วิยะรันด์”  เขามีคุณครูประจำชั้นที่มีชื่อว่า “คุณครูพยอม” แต่ก็เรียนไม่จบ และหนีเรียนกลับมาอยู่ที่นางเลิ้ง เขามาจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ในเรือนจำลาดยาว กทม.

นายชาญ สุจินดาได้ถูกควบคุมตัวและจำคุกบ่อยครั้งตั้งแต่วัยเยาว์ และช่วงแรกๆ ที่ออกจากเรือนจำก็จะมาอยู่กับครอบครัวนางเยื้อนตลอด  จนภายหลังราว พ.ศ.๒๕๑๖ เกิดไฟไหม้ตลาดนางเลิ้ง ทำให้บ้านที่อาศัยอยู่เดิมกับนางเยื้อนบ้านในซอยตรอกสะพานยาว ตลาดนางเลิ้ง ได้ไหม้ไปหมด ทรัพย์สินทุกอย่างในบ้านได้สูญหายไปกับกองเพลิง ภายหลังไฟไหม้ ครอบครัวนางเยื้อนได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านซึ่งถัดจากบ้านเดิมไปประมาณ ๒๐ เมตร นายชาญ สุจินดาก็ยังตามมาอาศัยอยู่ห้องเล็กๆ ตรงข้ามบ้านหลังนี้  หลังจากนั้น นายชาญ สุจินดาได้ถูกจำคุกอีกหลายครั้ง และต่อมาบ้านหลังนี้ก็ได้ถูกขายไป  เมื่อนายชาญออกจากเรือนจำครั้งล่าสุดก็ได้มาอาศัยวัดสุนทรธรรมทาน (วัดแคนางเลิ้ง) รวมเวลาที่นายชาญถูกจำคุกทั้งหมดน่าจะเกิน ๓๐ ปี

ในปัจจุบัน ลุงตู่หรือนายชาญอาศัยอยู่ใต้ต้นโพธิ์ในวัดสุนทรธรรมทาน (วัดแคนางเลิ้ง)  และประกอบอาชีพ เป็นคนเก็บขยะให้ชุมชนมีรายได้จากชุมชน ๑,๐๐๐ ต่อเดือน

-----------

ปัญหาของลุงตู่

-----------

เนื่องจากนายชาญเป็นคนสูงอายุที่ประสบกับปัญหาสุขภาพหลายครั้ง และเพื่อให้ได้ใช้บริการตรวจสุขภาพ นางสุวัน แววพลอยงามในฐานะประธานชุมชนนางเลิ้ง ได้เคยพานายชาญไปขอทำบัตรประชาชนหลายครั้งตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ เพื่อให้ได้รับสิทธิตามที่คนสัญชาติไทยพึงได้รับ แต่ถูกปฏิเสธจากสำนักงานเขตหลายครั้ง โดยให้เหตุผลว่า ข้อมูลเครือญาติไม่เพียงพอ 

หมายเลขบันทึก: 521743เขียนเมื่อ 8 มีนาคม 2013 12:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มีนาคม 2013 13:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท