ระหว่างนั่งฟังการประชุม PMAC 2013 "A World United Against Infectious Diseases : Cross - Sectoral Solutions" สายวันที่ ๓๑ ม.ค. ๒๕๕๖ ที่ที่นั่งด้านหลังที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตน์ ผมได้ตระหนักในโอกาสและความร่ำรวยที่รอยต่อ
รอยต่อระหว่างต่างระบบ ต่างวิชาชีพ ต่างรัฐชาติ ต่างสถาบัน รอยต่อระหว่างความคิดกับการกระทำ รอยต่อระหว่างสัตว์กับคน
ที่รอยต่อเป็นที่ที่โอกาสเกิดสิ่งใหม่มีสูง ในการประชุมนี้มีโปสเตอร์ผลงานวิจัยรอยต่อระหว่างค้างคาวหมูและคน เป็นเส้นทางนำไข้หวัดใหญ่จากค้างคาวสู่คนผ่านหมู
รอยต่อจึงเป็นพื้นที่แห่งนวัตกรรมทั้งนวัตกรรมที่เราชอบและนวัตกรรมที่เราไม่ชอบหรือเรากลัว คือโรคติดเชื้อชนิดใหม่ที่ระบาดใหญ่ง่าย
ผมไม่ชอบคำ "against" ผมชอบ "harmony" มากกว่า มนุษย์เราควรเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติ เราควรเน้นการอยู่ร่วมมากกว่าการต่อสู้เอาชนะ อย่างที่ผมอยู่ร่วมกับโรคอย่างมีสุขภาพดีอยู่ในขณะนี้
ที่จริงเรามอง“รอยต่อ”เป็นปัญหาก็ได้ มองเป็นโอกาสก็ได้
โอกาสใช้“รอยต่อ”อย่างหนึ่งที่คนไทยฉวยไม่เป็น คือโอกาสสร้างสรรค์วิชาการ วงการวิชาการไทยเราพอใจที่จะทำงานและจัดองค์กรให้คนในสาขาวิชาเดียวกันอยู่ด้วยกัน เป็น comfort zone พูดภาษา (วิชาการ) เดียวกันพูดรู้เรื่องง่าย เป็นสภาพที่เหมาะสำหรับ“ใช้ความรู้” แต่“สร้างความรู้ใหม่”ยาก
วงการวิชาการไทยไม่ต้องการมีรอยต่อ ต้องการแต่ comfort zone จึงทำงานสร้างสรรค์วิชาการยาก นักวิชาการท่านใดออกไปจากcomfort zone ไปทำงานวิชาการที่รอยต่อกับสาขาวิชาอื่นศาสตร์อื่นบริบทอื่นที่แตกต่างจากความคุ้นเคย จะสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ได้ง่ายสร้างนวัตกรรมได้ง่าย
วิจารณ์ พานิช
๑๒ ก.พ. ๕๖
รอยต่อที่ปรากฏอยู่ตามธรรมชาติมีความซับซ้อนงดงามน่าเรียนรู้ เช่น รอยต่อระหว่างน้ำจืดและน้ำเค็ม คือน้ำกร่อยที่มีความลงตัวตามธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ รอยต่อระหว่างน้ำทะเลและแผ่นดินคือหาดทรายที่มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์มากมาย รอยต่อเหล่านี้มีน้อยมากจึงเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่ง บทความของอาจารย์ช่วยเปิดมุมมองแก่ดิฉันว่า “รอยต่อ” ยังมีมิติอื่นๆอีกมากมาย ควรค่ายิ่งที่จะทำความเข้าใจ