เพลงหน้าพาทย์กับการไหว้ครูดนตรีไทย
การไหว้ครูดนตรีไทยนั้นมีหลายอย่าง เวลาก่อนนอนเราสวดมนต์ไหว้พระไหว้ครูบาอาจารย์ด้วย นี่ก็เป็นการไหว้ครูโดยปกติวิสัย เราไหว้ทุกวัน แต่ถ้าเป็นการประกอบพิธีไหว้ครูที่เป็นพิธีรีตอง มีเครื่องสังเวยมีครูผู้เป็นหัวหน้าอ่านโองการตามแบบแผนอย่างนี้ จะต้องทำในวันพฤหัสบดีเท่านั้น เพราะถือว่า พระพฤหัสบดีเป็นครูทุกวิชา บ้านใดมีเครื่องปี่พาทย์มีผู้บรรเลงเป็นหมู่คณะ มักจะประกอบพิธีไหว้ครูเป็นประจำทุกปี ส่วนคณะที่เป็นอดิเรก เช่น มหาวิทยาลัยหรือธนาคาร สถาบันใดๆ ก็ตามมักจะเลือกทำตามโอกาสที่อำนวย
เนื่องจากไทยเราเป็นพุทธมามกะ พิธีไหว้ครูจึงมักจะเริ่มด้วยพิธีสงฆ์ก่อน คือในวันพุธตอนเย็นก็จะมีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ รุ่งเช้าวันพฤหัสบดีถวายอาหารบิณฑบาต เมื่อพระสงฆ์เสร็จภัตกิจแล้วจึงจะเริ่มพิธีไหว้ครู แต่พิธีสงฆ์นี้ไม่ได้อยู่ในระเบียบว่าจะต้องมีบ้านใดหรือคณะใดไม่สะดวกจะไม่มีก็ได้ คือเริ่มด้วยการไหว้ครูในวันพฤหัสบดีที่เดียว ซึ่งจะต้องทำในตอนเช้า
สถานที่ประกอบพิธีไหว้ครูควรให้มีที่กว้างพอที่ศิษย์ผู้ร่วมพิธีจะนั่ง สิ่งที่จะตั้งสำหรับไหว้จะต้องมีที่ตั้งพระพุทธรูปและเครื่องบูชา พร้อมไว้ทางหนึ่ง ส่วนอีกทางหนึ่งจะตั้งเครื่องดนตรีไทยต่างๆ ให้เป็นระเบียบและสวยงาม โดยไม่ต้องจัดเป็นวง และจะต้องมีตะโพนลูกหนึ่งตั้งอยู่ด้วยเพราะในทางดนตรีไทยถือว่าตะโพนสมมุติแทนองค์พระปรคนธรรพ แต่ถ้ามีโขนตั้งด้วยก็ได้ หน้าโขนที่ควรจะตั้งคือ หน้าฤษี พระปรคนธรรพ พระวิษณุกรรม พระปัญจสี่ขร พระพิราพ แต่ถ้าจะเพิ่มหน้าพระอิศวร พระนารายณ์ พระพรหม พระคเณศอีกด้วยก็ยิ่งดี ส่วนเครื่องบูชากระยาบวช หากว่าในพิธีนั้นไหว้พระพิราพก็ต้องมีเครื่องดิบอีกชุดหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งคือ ขันกำนล ซึ่งเป็นขันล้างหน้าใส่ดอกไม้ธูปเทียนผ้าเช็ดหน้าเงิน๖บาท
ครูผู้ทำพิธีจะนุ่งขาวห่มขาว เมื่อได้จุดธูปเทียนบูชาเสร็จครูจะทำน้ำมนต์ ขณะนั้นผู้ร่วมพิธีจุดธูปเทียนบูชา แล้วผู้ทำพิธีเริ่มอ่านโองการ ซึ่งเริ่มด้วยการบูชาพระรัตนตรัย ซึ่งครูแต่ละอาจารย์จะผิดแปลกต่างไปบ้าง แล้วปี่พาทย์จะบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ตามที่ผู้ประกอบพิธีจะเรียก ต่อจากนั้นก็กล่าวถวายเครื่องสังเวย ต่อจากนั้นครูผู้ประกอบพิธีก็จะประพรมน้ำมนต์ เจิมเครื่องดนตรีและหน้าโขน จากนั้นก็พรมน้ำมนต์เจิมศีรษะผู้ร่วมพิธี เป็นอันเสร็จพิธี
มีประโยชน์มาก