- วัดมุจลินทาราม เดิมชื่อ วัดหนองจิก เพราะแต่เดิมในบริเวณวัดเคยมีหนองน้ำและต้นจิกใหญ่ขึ้นอยู่ริมหนอง
ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อวัดเป็น “วัดมุจลินทาราม”
ให้สอดคล้องกับภาษาบาลี(มุจลินท์ หมายถึง ต้นจิก, อาราม หมายถึง วัด)
หนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่มที่ ๒๓ กล่าวว่า วัดมุจลินทารามตั้งขึ้นในปีพ.ศ.๒๓๔๐
แต่เดิมวัดตั้งอยู่ที่ตำบลทุ่งตะไคร ต่อมาในปีพ.ศ.๒๔๙๖ ได้มีการย้ายวัดไปที่ตำบล ช่องไม้แก้ว
ห่างจากที่ตั้งเดิม ๗๐๐ เมตร ส่วนที่ตั้งเดิมคงเหลือเพียงพระเจดีย์องค์เดียว
และปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนวัดมุจลินทาราม
- พระเจดีย์หรือพระธาตุมุจลินทร์ เป็นเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมจัตตุรัส ขนาด
๒.๒๐X๒.๒๐ เมตร
ชั้นล่างเป็นฐานเขียงรองรับฐานสิงห์ย่อมุมไม้สิบหก มีท้องไม้ลักษณะคล้ายเรือนธาตุ
โดยทำเป็นประตูหลอกทั้ง ๔ ด้าน มีปูนปั้นทำเป็นรูปยักษ์เฝ้าประตูด้านละ ๒ ตน
ซุ้มหน้าบันเป็นลายปูนปั้นรูป ราหูอมจันทร์อยู่บนฐานที่ทำเลียนแบบกับเรือนธาตุรองรับบัวปากระฆังรูปสี่เหลี่ยม
องค์ระฆังเป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบหก
คอระฆังหรือบัวคอเสื้อเป็นปูนปั้นรูปบัวซ้อนกลีบ ๓ ชั้น
ถัดขึ้นไปเป็นลูกแก้วรองรับบัวกลุ่มเถาซึ่งหักเหลือบัวกลุ่มเพียงชั้นเดียว พระธาตุมุจลินทร์มีลักษณะเป็นศิลปกรรมท้องถิ่น
สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีอายุประมาณ ๑๕๐ – ๒๐๐ ปีมาแล้ว
ชาวบ้านในแถบนี้ยังนิยมเรียกพระธาตุมุจลินทร์ว่า “พ่อท่านในกุฎิ”
เนื่องจากเชื่อกันว่า เป็นที่เก็บอัฐิของพระสงฆ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์
แต่ไม่ทราบว่าเป็นของผู้ใด(พ่อท่านในภาษาถิ่นใต้ หมายถึง พระภิกษุผู้ทรงสมณศักดิ์)
- จากการขุดค้นทางโบราณคดีในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑
สามารถสรุปได้ว่ามีการสร้างและต่อเติมพระธาตุมุจลินทร์อย่างน้อย ๔ สมัย คือ
สมัยที่หนึ่งสมัยของการสร้างเจดีย์ กำหนดอายุราวสมัยรัชกาลที่ ๓ สมัยที่สองการต่อเดิมเจดีย์
ซึ่งน่าจะห่างจากสมัยแรกไม่นานมากนัก สมัยที่สามการซ่อมแซมเจดีย์ น่าจะอยู่ในช่วงรัชกาลที่
๖-๗ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการนำปูนซีเมนต์มาใช้กันอย่างแพร่หลาย และสมัยที่สี่ในปีพ.ศ.๒๕๕๓
กลุ่มอนุรักษ์ พระธาตุมุจลินทร์ร่วมกับกรมศิลปากร
ดำเนินการบูรณะพระธาตุมุจลินทร์ดังที่ปรากฎในปัจจุบัน
-
พระธาตุมุจลินทร์ ตำบลทุ่งตะไคร อำเภอทุ่งตะโก
ได้รับการประกาศให้เป็นโบราณสถานของชาติ ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๑๕ ตอนพิเศษ
๐๘๓ ง วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑
ขอบคุณข้อมูลจาก
กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๑๔ นครศรีธรรมราช