ให้โอวาทคณะธุดงค์ธรรมจาริก ฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี


การเดินธุดงค์นี้ดีมาก เราจะได้ฝึกใจของเรา... กายร้อนใจอย่าให้มันร้อย กายเหนื่อยใจอย่าให้มันเหนื่อย กายมันหิวใจอย่าให้มันหิว กายมันดำใจของเราอย่าให้มันดำ กายมันคิดโน่นคิดนี้ใจก็อย่าไปคิด



วันนี้ท่านทั้งหลายได้ร่วมรวมกันเดินจาริกธุดงค์กรรมฐานเพื่อสร้างความดีเพื่อสร้างบารมีให้กับตนเอง และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาส ๒,๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและการสั่งสอนธรรมอันประเสริฐ


พระพุทธเจ้าเกิดมาในโลกนี้ท่านเกิดมาเพื่อที่จะมาช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้ออกจากทุกข์ออกจากวัฏฏะสงสาร...

การที่เราได้มาบรรพชาอุปสมบท ประพฤติปฏิบัติตามธรรมตามวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ประเสริฐมาก 

ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นสูตรตายตัวเป็นสูตรสำเร็จรูป ถ้าใครประพฤติปฏิบัติตามบุคคลผู้นั้นก็จะได้สำเร็จตามความมุ่งมาทปรารถนา

ทุก ๆ คน ญาติโยม พระเณร ไม่ต้องไปคิดค้นคว้าอะไรมาก เพียงแต่เราประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

ผู้ที่จะปฏิบัติธรรมที่เข้าถึงพระรัตนตรัยต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่าง เอาพระธรรมเป็นคำสอนเป็นเครื่องประพฤติปฏิบัติ เอาพระอริยสงฆ์เป็นแบบอย่าง

เรามาดูประวัติของพระพุทธเจ้าว่าท่านเป็นบุคคลเช่นไร...?

พระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้ที่สิ้นกิเลส สิ้นอาสวะ เป็นผู้ที่ละทุกสิ่งทุกอย่างทั้งกายทั้งใจ   ทั้งความรู้สึกนึกคิด ท่านไม่มีตัวไม่มีตนแล้วท่านก็ไม่มีข้าวของ ไม่มีเงินทอง ไม่มีลาภไม่มียศ ไม่มีนินทา ไม่มีสรรเสริญในจิตใจ ไม่มีได้ไม่มีเสีย ไม่มี ไม่เป็น ไม่เอา...

พระพุทธเจ้าตั้งแต่ออกบวชจนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ท่านไม่รับเงินรับรองหรือใช้ให้ผู้อื่นรับหรือตนเองรับ ท่านฉันอาหารวันหนึ่งมื้อเดียว พระบาทก็ไม่สวมรองเท้า เจอฝนตกแดดออกก็ไม่มีร่มกางกั้น ไม่ห่วงเรื่องอยู่เรื่องฉัน มีชีวิตอยู่ด้วยการเป็นผู้ให้ ให้ทั้งกาย ทั้งคำพูดให้ทั้งการกระทำ ท่านเป็นผู้ที่มีความสุขที่สุดในโลก เสวยวิมุตติสุขตั้งแต่ตรัสรู้จนกระทั่งเสด็จดับขันธปรินิพพาน...

เรามาบวช เรามาปฏิบัติ มาเดินตามรอยบาทของพระพุทธเจ้า... พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ให้เราเดินตามรอยของพระองค์ และให้เราปฏิบัติตามเหมือนกับท่าน เหมือนทั้งกาย เหมือนทั้งใจ...

การบวชก็แปลว่า การมาอบรมบ่มนิสัย สร้างความดี สร้างบารมี...

พระพุทธเจ้าท่านให้เราเน้นไปที่ตัวเจตนา คือความตั้งใจ อย่าไปกลัวอด กลัวทุกข์ กลัวไม่สบาย เพราะความทุกข์มันเป็นเรื่องของร่างกาย 


ร่างกายนี้เขาต้องเป็นทุกข์ เขาต้องบริโภคอาหาร เขาต้องการพักผ่อน ถึงเราจะอุปัฏฐากอุปถัมภ์อย่างไรเขาก็ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตายในที่สุด มนุษย์เราส่วนใหญ่อายุก็ไม่เกินร้อยปี มีเกินบ้างก็น้อยมาก

เรื่องความทุกข์มันเป็นเรื่องของกาย ถ้าใจของเรามีความเห็นถูกต้องแล้วก็มีสมาธิ ใจของเราจะไม่มีความทุกข์เลย

ทุกวันนี้เราพากันติดในความสุขติดในความสบายในทางร่างกายและทางวัตถุ ติดในเรื่องสมมุติ เขาสมมุติให้เราเป็นหญิงเป็นชาย เป็นเด็ก เป็นคนหนุ่มคนสาว คนกลาง   คนแก่ เป็นสมณะชีพราหมณ์ เป็นคนจนคนรวย คนป่วยคนพิกลพิการ เราทุกคนเลยพากันแบกพากันหาม ทั้งในเรื่องร่างกายที่เป็นเรื่องสมมุติ แบบนี้ชื่อว่าเราเป็น “คนติด”                คนติดมันก็ไปไม่ได้เพราะว่ามันติด...

คนติดเป็นคนที่ไม่เข้าถึงปัจจุบันธรรม  อยู่แต่ในเรื่องอดีต หลงในเรื่องอดีต หลงในตัวในตน สำคัญกว่าเราดีกว่าเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา สำคัญตัวว่าด้อยกว่าเขา “มันติดนะ”   คนติดก็คนมีปัญหานะ ไม่ว่าติดอะไรก็มีปัญหาทั้งหมด...

การที่เรามาบวช มาปฏิบัติตามรอยของพระพุทธเจ้านี้ก็เพื่อที่จะมาฝึกปล่อย ฝึกวาง พยายามมาละตัวละตน ละสักกายทิฐิ คือความเข้าใจผิด คิดผิด เห็นผิด 

คนจะละได้ปฏิบัติได้ มันต้องอาศัยความอดความทน อาศัยความเพียร ความตั้งใจพิเศษ ถ้าเราไม่อดไม่ทน ถ้าเราไม่หนักแน่นเข้มแข็ง ไม่พยายามขวนขวาย พยายามละพยายามวาง ทุก ๆ คนก็รู้ผิดรู้ถูก รู้ว่าดีว่าชั่ว แต่มันละไม่ได้เพราะไม่มีความอดความทนไม่มีความพรากเพียร เรามันจึงยังละไม่ได้ซักที  “เราต้องอดมากทนมากเพียรมาก ถึงแม้จะตายก็ต้องยอม...”

ถ้าไม่ทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ ใจของเรามันก็เย็นไม่ได้ สติสัมปชัญญะมันไม่สมบูรณ์ สมาธิมันเกิดไม่ได้

พระพุทธเจ้าท่านถึงสอนเราว่า ถ้ามันไม่ถูกต้อง มันอยากไปเราก็ไม่ไป ถ้ามันไม่ถูกต้องมันอยากคิดเราก็ไม่คิด ถ้ามันไม่ถูกต้องมันอยากพูดเราก็ไม่พูด...

ธรรมะเป็นสิ่งที่ทวนกระแส ทวนจิตทวนใจ ทวนอารมณ์...

อย่างเราอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อนอย่างนี้ มันหลายหัวจิตหัวใจ หลายความคิด

พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เอาแต่หัวจิตหัวใจของตัวเอง ให้กลับมาหาหัวจิตหัวใจของพระพุทธเจ้า ให้มาหาพระพุทธเจ้าทั้งหมด 

เน้นความสามัคคีเป็นหลักเป็นใหญ่ เป็นคนไม่มีหัวจิตหัวใจ พระพุทธเจ้าท่านเอาอย่างไรก็ให้เราเอาอย่างนั้นแหละ...

อย่างเราพากันมาจาริกธุดงค์ เราก็พากันเอาพระธรรมเอาพระวินัยมาเป็นหลัก    “ทุกท่านทุกคนอย่าให้ผิดธรรมผิดวินัย...”


ผู้ที่บวชเก่าบวชนาน ก็ให้เอาธรรมเอาพระวินัย ผู้บวชใหม่ก็เอาให้ธรรมเอาพระวินัย โดยอาศัยประธาน พระผู้ใหญ่ พระเถระ...

พระเถระนี้ พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนเรา ปฏิปทาทุกอย่างให้ได้รูปแบบ ให้ได้มาตรฐาน อย่าให้มันมีกิเลส อย่าให้มีตัวตน ถึงแม้ว่ายังมีอยู่เราก็ไม่เอาตามกิเลส ไม่ตามตัวตนของเรานะ นำทำข้อวัตรปฏิบัติ อย่าไปอ่อนแอ เพราะว่าพระผู้ใหญ่ พระผู้นำนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ 

ประเทศชาติเรานี้ คนสำคัญก็คือในหลวงฯ รองลงมาคือนายกรัฐมนตรี ทุกอย่างมันอยู่ที่ผู้นำ...

อย่างเราได้พระพุทธเจ้าเป็นผู้นำอย่างนี้ พระธรรมคำสั่งสอนอยู่ยาวนานมา ๒,๖๐๐ ปีก็ยังตั้งอยู่ได้ เพราะเราได้ผู้นำดี 

วัดหนึ่ง ๆ สำคัญอยู่ที่เจ้าอาวาส ประธานสงฆ์ 

คณะสงฆ์สำคัญอยู่ที่ผู้นำ ครอบครัวหนึ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ โรงเรียนก็สำคัญที่ผู้อำนวยการ พระพุทธเจ้าท่านให้ทุก ๆ คนพากันคิดอย่างนี้...

ทุก ๆ คนย่อมมีศักยภาพ มีความเก่งเหมือนกันหมด ถ้าได้ตัวอย่างที่ดี แบบพิมพ์ที่ดี จึงจะได้เกิดศรัทธาความเลื่อมใส ความเคารพ ความไว้วางใจ 

ทุก ๆ คนที่เคารพคนอื่น เคารพกันด้วยอะไร...?

เราเคารพบุคคลผู้นั้นว่าเป็นพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระอนาคามี พระสกิทาคามี พระโสดาบัน เราเคารพผู้นั้นเพราะว่าเขาเป็นผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เอาพระธรรม  เอาพระวินัยเป็นใหญ่ ไม่เป็นบุคคลที่ติดสุขติดสบาย ติดฟรีสไตล์ ว่าอะไรก็ได้ ตั้งใจเอาพระธรรมวินัยเป็นใหญ่ เอาความดีความถูกต้องเป็นประธาน 

เราอยู่ในฐานะเป็นนักบวช เป็นปูชนียบุคคล ยังมีลมหายใจยังเดินได้ พระพุทธเจ้าท่านให้เราทุกคนทุ่มเทชีวิตจิตใจปฏิบัติให้มันดี ให้มันเต็มที่ 

การเดินธุดงค์นี้ดีมาก เราจะได้ฝึกใจของเรา... 

กายร้อนใจอย่าให้มันร้อย กายเหนื่อยใจอย่าให้มันเหนื่อย กายมันหิวใจอย่าให้มันหิว กายมันดำใจของเราอย่าให้มันดำ กายมันคิดโน่นคิดนี้ใจก็อย่าไปคิด

พยายามให้ใจอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ต้องส่งใจไปเที่ยวที่นั่นเที่ยวที่นี่ มันอยากคุยมากเราก็ไม่ต้องให้มันคุยมาก เราคุยมามากแล้ว ไม่ได้คุยบ้างมันก็ไม่ตายหรอก 

พยายามกลับมาหาข้อวัตรปฏิบัติ พยายามทำวัตรสวดมนต์ให้ดึกหน่อย บางวันได้ทำหัวค่ำ บางวันได้ทำดึก บางวันเดินทางมาเหนื่อยตอนเช้าพยายามตื่นให้มันได้ กายมันเหนื่อยอย่าให้ใจมันเหนื่อย 

ใครเขาจะปฏิบัติดีหรือจะปฏิบัติชั่วก็เรื่องของเขา พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เรารับเอาเรื่องดีเรื่องชั่วมาใส่ใจของเรานะ มันเป็นบาป เป็นอกุศล


เราเดินไปเราก็อย่าไปคิดมาก ให้จำไว้ดี ๆ ...

พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราคิดมาก คิดมากมันบาป คิดมากไปก็ไม่ได้สิ่งดีอะไร ได้แต่โรคปวดหัว 

คนไม่ตายก็ต้องคิด... พระพุทธเจ้าท่านให้เรารู้จักความคิด เรื่องไม่ดีให้เรารู้จักเปลี่ยนอารมณ์คิดใหม่ ส่วนใหญ่สามัญชนเรานี้ มันชอบคิดแต่เรื่องที่มันหลงใหล ที่มันรัก มันชอบ มันหลง โกรธ เกลียด ชอบคิดแต่อย่างนั้นแหละ

พระพุทธเจ้าท่านสอนเราอย่าไปคิด ถ้าเราหยุดคิดไม่ได้ให้เราเปลี่ยนเรื่องคิด ให้คิดเรื่องดี ๆ อันไหนไม่ดีอย่าไปคิด

การรักษาศีลของพวกเรา... พระพุทธเจ้าท่านให้เราเน้นมาหาตัวเจตนา ถ้าเราไม่มีเจตนาส่วนใหญ่เราก็ไม่ผิดศีล ผิดพระวินัย ถ้ามันสงสัยอยู่อย่าไปทำ ถ้าทำผิดศีลแน่

พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราตีพระวินัยเข้าข้างตัวเอง มันอยากมันต้องการ ถ้าตีธรรมวินัยว่า พระองค์นั้นก็ทำ องค์โน้นก็ทำ ไม่ได้...! ให้เราถามพระพุทธเจ้าเลยว่า พระพุทธเจ้าท่านทำไหม เอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ อย่าเอาครูบาอาจารย์องค์นั้นองค์โน้นเป็นสรณะ ถ้าคิดอย่างนั้นเราจะเป็นคนเสียศูนย์ เป็นคนไม่มีหลักมีเกณฑ์ การปฏิบัติของเราจะไปได้ไม่ค่อยไกล การเผยแพร่ไปได้ไม่ไกล เพราะเราไปปฏิรูปพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทำให้ของสะอาดของสูงส่งต้องตกต่ำ มัวหมอง 

คณะพระธุดงค์นี้เป็นพระรุ่นใหม่ไฟแรง มีศรัทธาแรงกล้า พากันเดินตามรอยของพระพุทธเจ้า ให้จับหลักพระพุทธเจ้าไว้ดี ๆ เพราะในประเทศเราหรือประเทศอื่น ๆ ทุกวันนี้เอาพระธรรมเอาพระวินัยแปลเข้าข้างความต้องการของตัวเอง มันมีมาก ให้พวกเราพากันปล่อยวางมันไป เอาพระพุทธเจ้าไว้เป็นหลัก “เขาจะปฏิบัติดีปฏิบัติชั่วก็เรื่องของเขา พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราไปว่าคนอื่น ถ้าเราไปว่าคนอื่นแล้วมันบาป...” 

การปฏิบัติธรรม... พระพุทธเจ้าท่านสอนเราให้เรากลับมาปฏิบัติที่ตนเอง ทั้งเรื่องความคิด คำพูด และการกระทำ เพราะปัญหาต่าง ๆ มันไม่อยู่ที่คนอื่น มันอยู่ที่จิตใจของเราไปรับเอาสิ่งต่าง ๆ มาทำให้เรามีทุกข์มีปัญหาเอง

อย่าไปดูคนอื่น อย่าไปเรียบเทียบคนอื่น ให้มาดูตัวเอง ต้องแก้ไขตัวเอง อย่าเอากระบวนการของสังคม ถึงเทคโนโลยีเกิดขึ้นใหม่ ๆ ก็ตาม เราพยายามแก้ที่ใจของเรา เพราะใจของเรายังมีปัญหา

ทุกอย่างต้องมีปัญหา... “สังคมความเป็นอยู่ในโลกนี้เราอยู่ก็เป็นอย่างนี้แหละ เราดับไปมันก็เป็นอย่างนี้แหละ”

พระพุทธเจ้าท่านให้เรามารู้แจ้งโลก เพื่อจะได้ทำความดี สร้างบารมี ไม่ใช่มาแก้โลก แก้ที่คนอื่น ให้โทษตัวเราไม่ใช่โทษพระองค์นั้นองค์โน้น โยมคนนี้มีปัญหา มันเป็นเรื่องของเขา เรามันมีปัญหาไปรับเอาปัญหามา ถ้าเรามีกิเลสอัตตาตัวตน เราต้องมีปัญหาแน่...


ความเป็นพระของทุก ๆ คนมันอยู่ที่ใจ มันไม่ได้อยู่ที่กาย... 

กายของเรานี้มันเป็นพระสงฆ์เป็นสมมุติสงฆ์ ใจของเรามีสิทธิ์เป็นพระอริยสงฆ์ 

พระอริยสงฆ์นี้ ทุกท่านทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเป็นได้ ถ้าทุกท่านทุกคนปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์แปด 

อริยมรรคมีองค์ ๘ ทั้ง ๘ ข้อ ให้ละอัตตาตัวตนทั้งหมด 

ถ้าเรายังมีตัวตนอยู่ จะไปพระนิพพานได้อย่างไร...? เพราะพระนิพพานคือสิ่งที่ปราศจากตัวตน ปราศจากสมมุติบัญญัติ พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า “ถ้าใครปฏิบัติละตัวตนได้ ผู้นั้นจะสัมผัสกับพระนิพพานเอง...” ไม่มีใครที่จะมาแต่งตั้งได้ นอกจากการประพฤติปฏิบัติของเราเอง 

เรารักษาศีลทุกข้อเพื่อเข้าถึงทางสายกลาง ได้แก่ ความไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ถ้ายังมีความโลภ ความโกรธ ความหลงอยู่ การรักษาศีลของเราก็ยังไม่สะอาด ไม่บริสุทธิ์ 

การทำสมาธิก็เหมือนกัน... สัมมาสมาธิได้แก่ ความปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ถ้าเราอยากให้เป็นสมาธิอยู่ มันไม่เป็นหรอก เพราะสมาธิปราศจากนิวรณ์ทั้งหลายทั้งปวง 

เดินสมาธิ นอนสมาธิ การปฏิบัติสมาธิ คือการที่เราได้มาเสียสละ ไม่เอา ไม่มี ไม่เป็น...

เรามีหน้าที่สร้างเหตุปัจจัย มีหน้าที่เสียสละ 

การเดินจงกรมของเราก็เหมือนกัน เราอย่าไปต้องการอะไร ก้าวขาขาวก็รู้ ก้าวขาซ้ายก็รู้ ให้ใจอยู่กับเนื้อกับตัว

คนเรานี้มันต้องมีเครื่องอยู่ ถ้าเราทำงานอยู่ให้ใจของเราอยู่กับเนื้อกับตัว มีความสุขกับการที่เราได้เสียสละ มีเครื่องอยู่กับการเสียสละ อย่าไปเผาตัวเองด้วยการไม่อยากไม่ได้เสียสละ ถ้าเราไม่มีเครื่องอยู่ใจจะกระจุยกระจายได้...

พระเรานี้ ต้องมีงานเดินจงกรม นั่งสมาธิ ท่องหนังสือ ถ้าว่างงานใจมันไม่มีเครื่องอยู่  พระอรหันต์งานของท่านองค์ท่านเข้าสมาบัติ

คนเราไม่อยากทำงาน ถ้าเราไม่ทำงานเราก็ไม่ได้เสียละ... 

ทุกคนก็ต้องทำงาน... มันต้องสะอาดทั้งกาย สะอาดทั้งใจ หมายถึงศีลนี้แหละ ศีลคือความสะอาดทั้งกายทั้งใจ ที่อยู่อาศัยต้องสะอาด ห้องน้ำ ห้องนอนต้องสะอาด เรียบร้อย ไม่ใช่มักง่าย คนติดสุขติดสบายยินดีแต่การคุย ยินดีแต่การเล่น อย่างนี้เขาเรียกว่าไม่ถูกต้อง เขาเรียกว่าไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับตัวเองด้วยการที่ไม่ได้เสียสละ ทุกคนก็ไม่รัก ไม่ชอบ ไม่นับถือ 

ถ้าเราเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เอาธรรมเอาวินัย เราก็เคารพนับถือกราบไหว้ตัวเองได้ ใจของเราก็สงบก็เย็น เพราะใจของเรามีความดี เราอยู่ที่ไหนเพื่อนพระก็เคารพนับถือ ญาติโยมเคารพนับถือ ญาติโยมก็สบาย เพราะตัวเราเองนี้แหละนำตัวเราเอง นำชีวิตที่เริ่มต้นจากบุคคลที่มันไม่มีอะไรเลย เป็นบุคคลจนทั้งกายจนทั้งใจ จนได้กลายมาเป็น “เศรษฐีธรรม”


พระพุทธเจ้าท่านอนุโมทนากับคณะจาริกธุดงค์ทุกท่าน ที่ได้เสียสละที่ได้เดินตามรอยของพระองค์

ให้ทุกท่านทุกคนคิดดูตัวเอง ว่าตัวเองขาดตกบกพร่องอันใดที่ตัวเองยอมรับตัวเองไม่ได้ มีอะไรบ้างจะได้แก้ไข คนดีต้องแก้ไข คนประเสริฐต้องปรับปรุงตัวเอง เพราะชีวิตนี้เราได้น้อมถวายพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ไปแล้ว “เราตามใจตัวเอง ตามอารมณ์ตัวเองมันก็มีแต่ฉิบหายล่มจน มีแต่ความเสื่อม...”

ต้องตั้งใจใหม่ ตั้งใจให้ดี ถือว่าผิดที่ผ่านมาก็เป็นครู เราจะตัดกรรมตัดเวรโดยที่ไม่ทำอย่างนี้อีก ถือว่าผิดเป็นครู เราก็ต้องทำความดีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

หวังว่าเพื่อนสหธรรมมิกทุกท่าน จะสมาทานเอาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปประดิษฐานไว้ในดวงจิตดวงใจ เพราะอนาคตในวันข้างหน้า เราก็จะได้เป็นผู้ใหญ่เป็นผู้นำ 

คนเราจะได้ดีก็ต้องอดทน รับผิดชอบดี ๆ ต้องเสียสละ ไม่อ่อนแอ คนเราส่วนใหญ่สติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ ไม่แข็งแรง ต้องตั้งใจสมาทานไว้ โลกธรรมมันย้อมใจเรา วัตถุสิ่งของต่าง ๆ มันย้อมใจของเรา หัวใจของเรามันจะถูกสิ่งต่าง ๆ กระชากไปได้เหมือนเด็กตัวน้อย ๆ มันยังเข้าไม่ถึงทางสายกลาง มันยังรักยังชอบ มันยังยินดียินร้ายอยู่

พระพุทธเจ้าของเราท่านให้เราเข้าถึงธรรมะ ละทั้งที่สุดสองทางที่บรรพชิตไม่ควรข้องแวะ ทั้งรักทั้งเกลียดไปเสีย อย่าไปกลัวว่าละแล้วจะไม่มีความสุข

พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า พระโสดาบันละได้ขนาดนั้นท่านมีความสุขมาก  เพราะความสุขแท้จริงอยู่ที่รู้จักรู้แจ้ง ไม่ใช่จิตใจที่ลุ่มหลง

พยายามแก้จิตใจตัวเอง ปรับจิตใจตัวเอง การทำความเพียรของเรานะ ไม่ทำเดี๋ยวนี้ จะบรรลุเดี๋ยวนี้นะ มันอาจจะหลายเดือนหลายปี พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าให้ต่อเนื่องอย่าให้มันขาด อย่าได้พากันหลงมัวเพลิน ไม่ต้องอยากได้บรรลุธรรม ให้เราเสียสละให้มาก ๆ ความเข้าใจของเราอาจจะเข้าใจอยู่แต่การปฏิบัตินี้เราต้องเอามาประพฤติปฏิบัติ เหมือนกับพระภิกษุใบลานเหล่า มีความรู้เข้าใจหมดแต่ยังขาดการประพฤติปฏิบัติ

ต้องเอาความรู้ความเข้าใจนั้นไปปฏิบัติ 

ต้องปฏิบัตินะ... อย่าไปเก่งแต่พูด เก่งแต่คุย เก่งแต่อวด ส่วนใหญ่คนจนมันชอบอวด “ของจริงนั้นนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ส่วนใหญ่มันไม่จริง...”

เน้นปฏิบัติให้มาก ๆ เพราะพ่อเราแม่เราญาติโยมประชาชนเขารอความหวังจากเรา...



พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยายให้แก่คณะธรรมจาริกธุดงค์พุทธชยันตีฯ

ค่ำวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖


 โครงการธุดงค์ธรรมจาริก ฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี โดย ศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ในสังฆราชูปถัมภ์ เดินทางจากอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ถึงศูนย์ปฏิบัติธรรมธุดงคสถานเฉลิมพระเกียรติวังม่วง ตำบลลำมูล อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 10 ธันวาคม 2555 ถึง 31 มกราคม 2556


หมายเลขบันทึก: 516980เขียนเมื่อ 21 มกราคม 2013 08:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม 2013 08:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท