16. สนามบินผู่ตง (2)


ขอชมการตรวจพาสปอร์ตของสนามบินสุวรรณภูมิรวดเร็วขึ้นมาก หากเทียบกับที่ผมเดินทางครั้งก่อนหน้านี้ เมื่อเช้ามืดของต้นเดือนพฤษภาคม 2555 คราวนั้นช้ามาก (ไม่อยากบอกเลยว่าเจ้าหน้าที่นอกจากจะไม่ยิ้มแล้ว ยังเอื่อยเฉื่อยอีกด้วย)


การตรวจกระเป๋าก็พลอยรวดเร็วไปด้วย ผมและภรรยาหลุดเข้าสู่อาณาจักรสินค้าปลอดภาษีโดยใช้เวลาเร็วกว่าที่เคยมากแทบไม่น่าเชื่อ



ก่อนถึงประตูขึ้นเครื่องเราเจอสุภาพสตรีท่านหนึ่งนั่งอยู่คนเดียว ภรรยาผมจำได้ว่าเธอไปขึ้นตั๋วช่องเดียวกันกับเรา จึงแวะเข้าไปทักทาย ทราบว่าเธอจะไปลงเครื่องที่ลอสแองเจลิส แล้วสามีของเธอจะนำรถยนต์มารับเพื่อเดินทางต่อไปลาสเวกัส ซึ่งเธอกับสามีอาศัยและทำงานที่นั่น


China Eastern Airlines ทะยานขึ้นจากสุวรรณภูมิตรงเวลา เราได้ที่นั่งริมหน้าต่างตามที่ร้องขอ แต่ไม่ได้ดูวิวหรอกครับ เพื่อการเป็นส่วนตัวเท่านั้น เพราะพอเก็บสัมภาระที่นำขึ้นเครื่องเข้าที่ นั่งและรัดเข็มขัดแล้ว ภรรยาผมก็หลับตา ส่วนผมแอบถ่ายรูปแอร์โฮสเตส เธอสวยมากแต่ภาพออกมาไม่สวยครับ เพราะเธอง่วนกับการทำงาน และผมก็ตั้งโหมดกล้องถ่ายบุคคลปกติ เมื่อเธอไม่นิ่งภาพก็เลยเบลอนิดๆ (ดูจากเน็ตดีกว่านะครับ)




อาหารมื้อแรกบนเครื่องของผมเป็นข้าวหมูหมัก ผัก ผลไม้ ขนมปัง และไวน์แดง 1 แก้ว ส่วนของภรรยาเป็นก๊วยเตี๋ยวน่ากินทีเดียว ซึ่งเธอก็กินหมด ผมเองก็ทานซะเกลี้ยงอร่อยครับ (สงสัยเพราะไวน์แดง)


ก่อนที่เครื่องจะร่อนลงสนามบินผู่ตงแอร์โฮสเตสก็แจกข้าวอีกรอบ คราวนี้เป็นอาหารเบาๆ แต่ก็ยังมีข้าว ผมยังไม่หิวเลย แต่เมื่อนึกขึ้นว่ากว่าจะได้ทานข้าวกลางวันอีกก็หลายชั่วโมง จึงคิดว่าทนกินดีกว่า แต่พอตักเข้าปากรสชาติอร่อยดี จึงหมดถาดอย่างง่ายดาย


<img src="http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/000/867/264/default_china-eastern3.png?1357801513" redactor"="">


เครื่องร่อนลงสนามบินผู่ตงก่อนเวลาเล็กน้อยอย่างนิ่มนวลแทบไม่กระเทือน เราเดินตามผู้โดยสารชาวจีนจากประตูที่เข้ามาในอาคารไม่ไกลนัก ราว 500 เมตร ก็มาถึงเคาน์เตอร์บริการผู้โดยสารของ China Eastern Airlines ซึ่งขณะนั้นมีผู้เข้าไปติดต่อประมาณ 7-8 คน
เรายื่น boarding pass และ passport ให้เจ้าหน้าที่สุภาพบุรุษ เขาดูแว๊บหนึ่งก็เขียนหมายเลขประตูขึ้นเครื่องลงที่ boarding pass แล้วยื่นกลับให้เราพร้อมกับชี้มือบอกทางไปให้เรา

ทางไปประตูขึ้นเครื่องที่จะต่อไปลอสแองเจลิส มีเจ้าหน้าที่ชาวจีนและป้ายบอกทางตลอด ไม่หลงแน่นอนครับ
เราเดินไม่ไกลก็ลงบันไดเลื่อนเตี้ยๆ แล้วเลี้ยวขวา เจอคนที่มาก่อนเรายืนเข้าคิวกันอยู่ เขากำลังรอการตรวจกระเป๋า สแกนตัวก่อนเข้าไปในอาคารขาออกนั่นเอง เครื่องตรวจมีเครื่องเดียว แต่เราก็รอไม่นาน เพราะมีผู้โดยสารไม่มาก เจ้าหน้าที่จีนแม้ไม่ยิ้มแย้ม แต่ก็ทำงานอย่างกระปรี้กระเปร่า

<img src="http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/000/867/265/default_%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%87.jpg?1357801836" "="">

เราไปถึงประตูขึ้นเครื่องแปดโมงนิดหน่อย นั่นคือ ใช้เวลาจากที่ออกจากเครื่องที่มาจากสุวรรณภูมิ ถึงประตูขึ้นเครื่องที่จะต่อไปลอสแองเจลิส ประมาณ 1 ชั่วโมง เราไปถึงยังไม่มีใครเลย ที่นั่งว่างเปล่า
จากนี้ก็รอ นอนรอ นั่งรอเวลาขึ้นเครื่องตอนบ่ายโมงเศษ ภรรยาผมไม่สนใจอะไร หาทำเลเหมาะๆ นอนอย่างสบาย ส่วนผมเดินเที่ยวถ่ายรูป พอกระหายน้ำก็ใช้เงินหยวนที่เหลือเมื่อครั้งเที่ยวปักกิ่งกดน้ำมาดื่ม
ใกล้เที่ยงผู้โดยสารก็ทะยอยมา สุภาพสตรีที่จะไปลาสเวกัส ก็มาถึงตอนเที่ยงเศษๆ เธอบอกว่าเธอใช้บริการ Wheelchair พอออกจากเครื่องก็มีพนักงานนำรถเข็นมารับ พาเธอไปพักผ่อนยังที่ต้อนรับของสายการบิน พอใกล้เวลาเธอก็นั่งรถเข็นมาที่เกทสบายเลย


อ่านตอนต่อไป คลิกที่นี่ครับ

อ่านตอนที่แล้วคลิกที่นี่ครับ



หมายเลขบันทึก: 515764เขียนเมื่อ 10 มกราคม 2013 14:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 ตุลาคม 2015 15:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท