วัดถ้ำญาณสังวร 2


วัดถ้ำญาณสังวร 2

นายอานนท์ ภาคมาลี (หมอแดง)

สวดถอน คำว่า สวดถอน ตามนัยเดิม เป็นสังฆกรรมเกี่ยวกับการกำหนดสมานสังวาสสีมา และ ติจีวราวิปปวาสสีมา ซึ่งผู้อ่านอาจไม่เข้าใจ แต่ถ้าบอกว่าเป็นพิธีกรรมเกี่ยวกับการสร้างโบสถ์ คิดว่าหลายคนคงพอจะจินตนาการได้ แม้ว่าจะไม่เข้าใจตามพระวินัย เมื่อจะกำหนดสถานที่สร้างโบสถ์ ก็ต้องสวดถอนติจีวราวิปปวาสสีมาและสมานสังวาสสีมาพื้นที่นั้นเสียก่อน.. แล้วจึงจะสวดสมมุติเป็นสมานสังวาสสีมาและติจีวราวิปปวาสสีมาอีกครั้ง เพื่อไม่ให้สถานที่นั้นเกิดความคาบเกี่ยวกันของสีมา พิธีกรรมสวดถอนตามพระวินัยทำนองนี้

จากตามพระวินัยข้างต้น มีการประยุกต์นำมาใช้ในพิธีปัดรังควานตามความเชื่อของคนบางกลุ่ม ซึ่งเรียกว่า การสวดถอน เหมือนกัน เพียงแต่มิใช่การสวดถอนในการสร้างโบสถ์ตามพระวินัยเท่านั้น บางคนต้องการสร้างบ้านใหม่ จำเป็นต้องตัดไม้ใหญ่ข้างบ้าน แต่มีความเกรงกลัวต่อรุกขเทวดาหรือนางไม้ที่ประจำอยู่กับต้นไม้นี้ จึงไปปรึกษาหลวงพ่อหรือหลวงตาที่ตนนับถือ  ท่านจึงแนะนำว่า ต้องสวดถอนเสียก่อนจะตัดต้นไม้ นี้คือ การสวดถอน ที่ต้องการจะนำมาเล่า

วิธีการก็คือ ใช้ตาปู ๘ ดอก ตอกไปที่พื้นดินรอบๆ ต้นไม้ที่จะตัด... แล้วก็เอาด้ายสายสิญจน์เวียนรอบต้นไม้... โดยใช้สายสิญจน์ผูกโยงไว้กับตาปูแต่ละดอก หลังจากนั้นพระคุณเจ้า ๔ รูป ก็จะยืนล้อมต้นไม้ข้างสายสิญจน์ประจำที่... ต่อจากนั้น พระคุณเจ้ารูปหนึ่งก็สวดถอนติจีวราวิปปวาสสีมา และสวดถอนสมานสังวาสสีมาจนจบเมื่อจบรอบหนึ่งก็ถอนตาปูออกดอกหนึ่ง จนครบหมดทั้ง ๘ ดอก จึงเป็นอันว่าเสร็จพิธี

พิธีกรรมการสวดถอนทำนองนี้ เป็นความเชื่อของคนบางกลุ่มว่าสามารถแก้อุปัทวะ หรือเสนียดจัญไร ที่จะพึงบังเกิดจากรุกขเทวดาหรือนางไม้นั้นได้ ประมาณนี้

การสวดถอนปัดรังควานทำนองนี้ มิใช่ใช้เฉพาะต้นไม้ใหญ่เท่านั้น... ถ้าบางบ้านรู้สึกว่าไม่สบายใจ มีเภทภัย หรือคนในบ้านเจ็บป่วยอยู่เรื่อยๆ ก็จะค้นหาดูว่ามีอะไรบ้างในบ้านหรือข้างบ้านที่อาจให้โทษได้ ก็มักจะทำพิธีสวดถอน เช่น ตอไม้เก่า บ่อน้ำเก่า ศาลพระภูมิเจ้าที่เก่า ฯลฯ

ทำไมต้องถอนโบสถ์ ถอนเสมา

อชิตะ หลายท่านคงได้ยินคำว่า น้ำมนต์ถอนโบสถ์ ถอนเสมากันมาบ่อยๆ  รู้กันในความหมายที่ว่า น้ำมนต์ที่ขับไล่ปัดเป่าคุณผี คุณคน คุณไสย สิ่งไม่ดีต่างๆ ออกไปจากตัวแต่เรื่องราวความเป็นมาจริงๆ นั้น ไม่มีน้ำมนต์ครับ เป็นแค่การสวดถอนเขตเสมา ยกเลิกที่เก่า และลงมติใช้ที่ใหม่เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า วัด ถือเป็น นิติบุคคล ประเภทหนึ่ง   วัดหนึ่งวัด มีโบสถ์ได้เพียง ๑ หลัง วัดราษฎร์เรียกเป็นทางการว่า อุโบสถ  ไม่มีคำว่าพระนำหน้า วัดหลวงหรือพระอารามหลวง เรียกว่า พระอุโบสถ  เรียกรวมๆ ภาษาบ้านๆ ว่า โบสถ์ ละกันครับ โบสถ์จะสร้างได้ต้องได้รับพระราชทา วิสุงคามสีมา จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยกให้เป็นพุทธอาณาจักร แต่ในทางพระวินัย คณะสงฆ์ต้องมีการประชุมพระสงฆ์  ตั้งญัตติและหารือ ลงความเห็นว่า จะยกเว้นเขตโบสถ์เดิม และอนุมัติพื้นที่ใหม่สร้างโบสถ์ เพียงแต่การหารือและตั้งญัตติ ต้องกล่าวเป็นภาษาบาลี เรียกว่า กรรมวาจาสอนถอนติจีวราวิปวาสและสมานสังวาสสีมา เป็นการแจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงการถอนและการตกลงพื้นที่กำหนดนิมิตให้เป็นโบสถ์ โดยสมบูรณ์ และคำกรรมวาจาหรือบทสวดนี่ละครับ ที่ ถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ เพราะถอนเขตเสมาได้ก็ต้องถอนสิ่งไม่ดีต่างๆได้หมด เวลาที่พระสงฆ์ประกอบสังฆกรรมถอนเขตหรือยกเลิกเขตเสมาพื้นที่เก่า ถ้ามีนำน้ำไปไว้ในเขตเสมานั้นก็ถือกันว่าเป็นน้ำมนต์ถอนเสมา ดีทางถอดสิ่งไม่ดี อัปมงคล ที่เกิดกันคนเราให้ออกหมดไป
เนื้อแท้ของที่มา ไม่ได้ต่างอะไรจากการที่คนเรานำพระเครื่องไปใส่บาตร นาคตอนบวชพระ ด้วยเข้าใจว่า คนยังบวชเป็นพระพระสวดญัติ พระเครื่องถ้าเสื่อมหรือจะเพื่อความขลังสวดญัติฯแล้วจะขลังดังเดิมหรือยิ่งกว่าก็ว่ากันไปครับ
ส่วนคาถาถอนโบสถ์ ถอนเสมา ก็คัด ตัดตอนมาจากบทสวดหารือของพระสงฆ์ท่านละครับ เพียงแต่พระเกจิอาจารย์ท่านมีสมาธิจิต เสกคาถา ว่าอาคม จนน้ำมนต์ขลัง
เพราะฉะนั้นเรื่องน้ำมนต์ถอนโบสถ์ถอนเสมาจึงมีสองนัย
๑. น้ำมนต์ที่ได้จากสังฆกรรม ถอนโบสถ์กันจริงๆ ทำกันที่เขตโบสถ์จริงๆ มีพระสงฆ์ร่วมเป็นสักขีพยานจริงๆนับร้อยรูป  ถือเป็นน้ำมนต์ที่ผ่านพิธีกรรมที่ถูกต้องตามวินัย
๒. น้ำมนต์ที่พระเกจิอาจารย์ภาวนาคาถาถอนโบสถ์ ถอนเสมา ในกุฎิท่าน แล้วทำให้กับเราถือว่าขลังตามแต่เกจิอาจารย์นั้นจะร่ำเรียนมาแต่โดยเนื้อแท้แล้ว ความหมายคือยกเลิกเขตเก่าเพื่อไปกำหนดเขตใหม่ครับ
คาถาหลายๆบท ท่านถึงไม่ให้แปล  แปลแล้วเป็นธรรมะ หรือคำหารือ ทั้งนั้น
อย่างคาถาไล่ผี  คัจฉะ อมุมหิ โอกาเส ติฎฐาหิ ฯ จริงๆ ก็คือ คำบอกให้เณรไปยืนหน้าประตูโบสถ์ตอนบวชพระ ประมาณว่า เธอจงออกไปยินตรงโน่น หรือ จงออกไป แค่เนี๊ยไล่ผีได้แล้วครับ ไม่แปลขลังดีครับ   

ความหมายของลูกนิมิตทั้ง 9 ลูก
ลูกนิมิตทั้ง ๙ ลูกนั้นจำนวน ๑ ลูก ซึ่งถือเป็นนิมิตเอกนั้นจะตั้งอยู่กลางอุโบสถเพื่อถวายการบูชาพระพุทธเจ้า
ส่วนจำนวน ๘ ลูก ถูกจัดให้อยู่ตามทิศต่าง ๆ โดยรอบอุโบสถ ซึ่งทิศที่อยู่รอบอุโบสถนั้นเรียกว่าทิศทั้ง ๘ มี
ความหมายที่เป็นมงคล คือ เพื่อเป็นสัญลักษณ์หรือองค์แทนพระอรหันต์สาวก และเพื่อเป็นการบูชา พระอรหันต์สาวกผู้ใหญ่ประจำทิศ หรืออีกนัยหนึ่งนั้นเป็นองค์แทนพระอรหันต์สาวกที่รักษาอุโบสถหรือเขตพุทธาวาสของพระพุทธเจ้า และเป็นการบูชาเทพนพเคราะห์ทั้ง ๙ ให้เกิดบุญและสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว โดยแต่ละลูกมีความหมายดังนี้

 ๑. นิมิตลูกเอก เป็นลูกที่มีความสำคัญมาก ถือเป็นประธานของลูกนิมิตทั้งหมด ฝังไว้บริเวณใจกลางอุโบสถ หรือบางท่านเรียกว่า สะดือโบสถ์ ก็มี รายล้อมด้วยลูกนิมิตอีก ๘ ลูก เป็นการถวายการบูชาพระพุทธเจ้า  ผู้เป็นพระบรมศาสดาเอกของพระพุทธศาสนาผู้เป็นพระประมุขแห่งสงฆ์ เป็นการอัญเชิญและบูชาพระเกตุ  เทพผู้คุ้มครองสถานที่ส่วนกลางของอุโบสถ
 ๒. ทิศตะวันออก(ทิศบูรพา)   ลูกที่อยู่ด้านหน้าของอุโบสถ ถือเป็นลูกบริวารที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ  เป็นลูกแรกที่ต้องเริ่มนับ ยกเว้นลูกกลางสะดือโบสถ์ ดังนั้น จึงเปรียบนิมิตลูกนี้เหมือนปฐมสาวก หรือ  พระสาวกองค์แรกของพระพุทธเจ้า คือพระอัญญาโกณฑัญญะพระอัครสาวกผู้ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะผู้รู้ราตรีกาลนาน คือ มีความรู้มาก ผ่านโลกมามาก เนื่องจากท่านเป็นผู้เดียว  ที่เมื่อยังเป็นดาบสที่ทำนายพระราชกุมารคือพระพุทธเจ้าเมื่อมีพระประสูติกาล และทำนายว่าพระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และพระดาบสก็เฝ้ารอการบรรพชาของพระองค์เพื่อจะได้ออกบวชตามพระองค์ และถวายตัวเป็นพระอัครสาว การฝังลูกนิมิตไว้ด้านทิศตะวันออกเพื่อเป็นการบูชาพระอัญญาโกณฑัญญะ เป็นการอัญเชิญและบูชาพระจันทร์เทพผู้คุ้มครองสถานที่ส่วนด้านหน้าของอุโบสถ
 ๓. ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ทิศอาคเนย์)  หรือด้านหน้าฝั่งขวาของอุโบสถ การฝังลูกนิมิตไว้ทางทิศนี้  เพื่อบูชา พระมหากัสสปะเถระ พระอัครสาวกผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะผู้ทรงธุดงค์คุณ ซึ่งต่อมาได้เป็นประธานสงฆ์ทำสังคายนา เป็นการอัญเชิญและบูชาพระอังคารเทพผู้คุ้มครองสถานที่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอุโบสถอีกองค์หนึ่ง
 ๔. ทิศใต้ (ทิศทักษิณ)  เป็นลูกนิมิตที่อยู่ด้านขวาของอุโบสถ เป็นการบูชาพระสารีบุตรพระอัครสาวก ฝ่ายขวา พระอัครสาวกผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะผู้เลิศในทางปัญญา เป็นการอัญเชิญและบูชาพระพุธ เทพผู้คุ้มครองสถานที่ด้านทิศใต้ของอุโบสถ
 ๕. ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ทิศหรดี)  หรือทิศด้านหลังฝั่งขวาของอุโบสถ การฝังลูกนิมิตทางด้านทิศนี้ เพื่อบูชาพระอุบาลีเถระ พระอัครสาวกผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะผู้เลิศในทางวินัย  และเป็นการอัญเชิญและบูชาพระเสาร์ ซึ่งเป็นเทพหนึ่งในนพเคราะห์ทั้ง๙คือเทพผู้ดูแลคุ้มครองสถานที่ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอุโบสถ
 ๖. ทิศตะวันตก(ทิศประจิม)  เป็นลูกนิมิตที่ฝังอยู่ด้านหลังของตัวอุโบสถ เป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายของเงา ซึ่งเปรียบได้กับพระเถระที่เป็นพุทธอุปัฏฐาก คอยเฝ้าติดตามดูแลปรนนิบัติรับใช้พระพุทธองค์
  เหมือนเงาตามตัว ดังนั้น การฝังลูกนิมิตทางทิศนี้ เพื่อเป็นการบูชา พระอานนท์เถระพระอัครสาวกผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะผู้เลิศในทางพหูสูตและเป็นมหาพุทธอุปัฎฐาก แด่พระพุทธเจ้า และอัญเชิญบูชาพระพฤหัสบดี เทพคุ้มครองทิศตะวันตก
 ๗. ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ(ทิศพายัพ)  การฝังลูกนิมิตที่ฝังอยู่ด้านหลังฝั่งซ้ายของอุโบสถทางด้านทิศนี้ เป็นการบูชา พระควัมปติเถระ พระอัครสาวกผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะผู้เลิศ ในทางลาภสักการะและรูปงาม ท่านเป็นพระอรหันต์องค์ที่ ๑๐ ของโลก และเป็นสหาย ๑ ใน ๔  ของพระยสะกุลบุตรอีกทั้งเป็นบุตรของนางสุชาดาผู้ถวายข้าวมธุปายาสในวันก่อนที่พระพุทธเจ้าจะได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ  และอัญเชิญบูชาพระราหู ซึ่งเป็นเทพประจำทิศนี้
 ๘. ทิศเหนือ(ทิศอุดร)  ลูกนิมิตที่ฝังทางด้านทิศนี้ถือเป็นลูกที่มีความสำคัญอีกลูกหนึ่ง ซึ่งอยู่ด้านซ้าย  ของตัวอุโบสถ เพื่อเป็นการบูชา พระมหาโมคคัลลานะ พระอัครสาวกฝ่ายซ้ายของพระพุทธเจ้า ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะผู้เลิศในทางแสดงฤทธิ์และอัญเชิญบูชาพระศุกรเทพคุ้มครองรักษาประจำทิศนี้
 ๙. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ(ทิศอีสาน)  ลูกนิมิตที่ฝังอยู่ด้านหน้าฝั่งซ้ายของอุโบสถทางทิศเหนือนี้  เป็นสัญญลักษณ์แห่งความผูกพัน มีผลทางด้านจิตใจ ถือเป็นทิศสุดท้ายเพื่อเป็นการบูชา พระราหุลเถระ ซึ่งเป็นพระโอรสของเจ้าชายสิทธัตถะ พระอัครสาวกผู้ได้รับการ ยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะผู้เลิศในทางการศึกษา และอัญเชิญบูชาพระอาทิตย์ เทพผู้คุ้มครองรักษาประจำทิศ    

อานิสงส์ของการฝังลูกนิมิต
ด้วยเหตุที่ในสมัยก่อน การที่จะสร้างอุโบสถได้หลังหนึ่ง ๆ หรือแม้จะซ่อมแซมอุโบสถเก่าให้สวยงามขึ้นมิใช่เรื่องง่าย ๆ และต้องใช้ระยะเวลานานมาก ดังนั้น จึงเชื่อกันว่า หากใครได้มีโอกาสทำบุญ “ฝังลูกนิมิต” หรือว่าได้ร่วมสร้างอุโบสถไว้ในพระพุทธศาสนาเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา คือ การบูชาคุณของพระพุทธเจ้า และเป็นการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้พระได้ใช้ทำสังฆกรรมนั้น จะมีอานิสงส์ถึง ๖ ประการด้วยกัน คือ

  • ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บทุกชาติ ปราศจากอุปัททวะ ทั้งหลาย
  • ไม่เกิดในตระกูลต่ำ
  • หากเกิดในมนุษย์โลก ก็จะเกิดเป็นท้าวพระยามหากษัตริย์
  • หากเกิดในเทวโลก ก็จะเกิดเป็นท้าวสักกเทวราช
  • จะสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง มีผิวพรรณผ่องใส และ
  • มีอายุยืนนาน

นอกจากนี้  ในพิธีผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิตนั้นนิยมจะใส่สมุด  ดินสอ  เข็ม  และด้าย  เป็นต้น 
ลงไปในหลุมที่ฝังลูกนิมิตด้วย  ทั้งนี้เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นนิมิตหมายแห่งความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ได้สร้างบุญ ซึ่งขอนำมาอรรถาธิบายโดยสังเขป  ดังนี้

  • เข็ม หมายถึง ความเป็นผู้มีปัญญา สามารถรู้แจ้งแทงตลอดอย่างทะลุปรุโปร่ง
  • ด้าย หมายถึง  ความเป็นผู้มีอายุยืนยาวตราบเท่าอายุขัย
  • ธูป หมายถึง พระคุณของพระพุทธเจ้า  ๓  ประการ คือ พระบริสุทธิคุณ พระปัญญาธิคุณ  และพระมหากรุณาธิคุณ ที่เราทั้งหลายน้อมรำลึกถึงอยู่  ธูปจึงเป็นสัญญลักษณ์แห่งการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
  • เทียน หมายถึง  พระธรรมอันแสดงถึงความสว่างไสวประดุจดังประทีปส่องสว่าง  ฉะนั้น  เทียนจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการบูชาพระธรรม
  • ดอกไม้ หมายถึง  ความสวยงาม  ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ดอกไม้จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการบูชาพระสงฆ์ ซึ่งดอกไม้หลากสีสัน เมื่อนำมาใส่แจกันจัดเป็นดอกไม้จึงทำให้เกิดความสวยสดงดงาม อุปมาดังหมู่สงฆ์ที่มาจากต่างตระกูล ต่างครอบครัวเมื่อมาอยู่ร่วมกันในร่มพระพุทธศาสนาแล้วก็ก่อให้เกิดความงดงามอย่างยิ่ง
  • แผ่นทอง หมายถึง ธรรมดาว่า ทองคำ  เป็นคุณชาติที่สูงค่าที่นำมาปิดองค์พระ ลูกนิมิต ช่อฟ้า เป็นเครื่อง แสดงให้เห็นถึงความยกย่อง เชิดชูบูชาด้วยใจที่สูงส่ง ผลานิสงส์ย่อมอำนวยผลให้ได้ผลสำเร็จในสิ่งที่เป็น ความงามโดยประการทั้งปวง
  • สมุด,แผ่นกระดาษ ดินสอ สำหรับจดบันทึกจารึกสิ่งต่าง ๆ ไว้ หมายถึง ความเป็นผู้ทรงจำดี  ไม่มีหลงลืมเลือน

อันที่จริงแล้ว การฝังลูกนิมิต เพื่อกำหนดเขตทำสังฆกรรม หรือปัจจุบันก็คือ การกำหนดเขตที่เป็นอุโบสถนั้น  เป็นกิจของสงฆ์โดยเฉพาะ ฆราวาสหรือชาวบ้านไม่ได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่เนื่องจากปัจจุบันอุโบสถมิเพียงแต่จะเป็นสถานที่ที่สงฆ์ใช้ทำสังฆกรรมเท่านั้นแต่ยังเป็น ศาสนสถานที่พุทธศาสนิกชนใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมอื่น ๆ ด้วย  อีกทั้ง ไม่ว่าจะสร้างหรือซ่อมแซมอุโบสถขึ้นใหม่จำเป็นต้องมีการผูกสีมาใหม่ทุกครั้ง  ดังนั้นทางวัดต่าง ๆ จึงมักจะประกาศเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชนได้มาทำบุญสร้างกุศลเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และยังเป็นการยกย่องบูชาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ อีกด้วย

หวายลูกนิมิต ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคล ที่เป็นของดีพุทธคุณสูง และราคาถูก
วัดไหนก็ได้ มีความศักดิ์สิทธิ์เชื่อว่าเหมือนกันหมด ทั้งนี้วัดส่วนใหญ่จะตัดแจกฟรี สำหรับผู้ไปร่วมบุญวันสุดท้ายของงาน ด้วยคุณสมบัติที่มีความเหนียวและความคงทนของหวาย ดังนั้นพระเกจิอาจารย์ทั้งยุคเก่า แม้กระทั่งยุคใหม่หลายๆ ท่าน ก็นิยมนำมาสร้างเครื่องรางของขลังปลุกเสก เพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหานำไปใช้ติดตัวเพื่อเป็นสิริมงคลกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีคติความเชื่อว่า หวายที่ได้โอบอุ้มลูกนิมิตไว้ จึงถือว่าหวายมีความศักดิ์สิทธิ์ เทียบเคียงเดียวกันกับลูกนิมิตด้วย ถึงแม้จะไม่มีพระเกจิอาจารย์ดังๆ มาปลุกเสกโดยตรง แต่เชื่อว่า จิตภาวนาอธิษฐานจากผู้คนทั่วๆ ไป นับหมื่นนับแสนคน ที่มาร่วมกันปิดทองกับลูกนิมิตนั้นได้แผ่จิตที่เป็นเมตตาภาวนาแต่สิ่งที่ดีๆ เพื่อเป็นสิริมงคลทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้เอง หวายลูกนิมิต ของวัดวัดหนึ่งจะมีรุ่นเดียว
ไม่เหมือนวัตถุมงคลชนิดอื่นๆ ที่ออกกันมามาก ชนิดที่เรียกว่า นับจำนวนไม่ถ้วนเลยทีเดียว หวายลูกนิมิต ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคล ที่เป็นของดีพุทธคุณสูง และราคาถูก
วัดไหนก็ได้ มีความศักดิ์สิทธิ์เชื่อว่าเหมือนกันหมด ทั้งนี้วัดส่วนใหญ่จะตัดแจกฟรี สำหรับผู้ไปร่วมบุญวันสุดท้ายของงาน ด้วยคุณสมบัติที่มีความเหนียวและความคงทนของหวาย
ดังนั้นพระเกจิอาจารย์ทั้งยุคเก่า แม้กระทั่งยุคใหม่หลายๆ ท่าน ก็นิยมนำมาสร้างเครื่องรางของขลังปลุกเสก เพื่อให้ ลูกศิษย์ลูกหา นำไปใช้ติดตัวเพื่อเป็นสิริมงคลกัน
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีคติความเชื่อว่า หวายที่ได้โอบอุ้มลูกนิมิตไว้ จึงถือว่าหวายมีความศักดิ์สิทธิ์ เทียบเคียงเดียวกันกับลูกนิมิตด้วย ถึงแม้จะไม่มีพระเกจิอาจารย์ดังๆ มาปลุกเสกโดยตรง แต่เชื่อว่า จิตภาวนาอธิษฐานจากผู้คนทั่วๆ ไป นับหมื่นนับแสนคน ที่มาร่วมกันปิดทองกับลูกนิมิตนั้นได้แผ่จิตที่เป็นเมตตาภาวนาแต่สิ่งที่ดีๆเพื่อเป็นสิริมงคลทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้เอง หวายลูกนิมิต ของวัดวัดหนึ่งจะมีรุ่นเดียว
ไม่เหมือนวัตถุมงคลชนิดอื่นๆ ที่ออกกันมามาก ชนิดที่เรียกว่า นับจำนวนไม่ถ้วนเลยทีเดียวในงานปิดทอง ฝังลูกนิมิต จะมีมีดมาเกี่ยวข้องด้วย 2 ประเภทครับ
1.มีดที่ใช้ตัดหวายลูกนิมิตจริงๆแต่ละพิธีจะมี9เล่มครับ
2. มีดที่สร้างขึ้นมาในพิธี .. จะมีกี่เล่มก็ได้ครับ .. สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นมีดหมอ มีดมงคล มีดลงอาคมสำหรับมีด 9 เล่ม ที่ใช้ตัดหวายลูกนิมิต จะแบ่งออกตามทิศต่างๆ ครับ  ซึ่งแต่ละเล่ม ก็จะมีความวิเศษแตกต่างกันเล็กน้อยโดยเล่มที่จัดว่าดีที่สุด คือเล่มที่อยู่ตรงกลาง หรือเล่มที่ใช้ตัดหวายลูกนิมิต ลูกที่อยู่ในพระอุโบสถ ส่วนเล่มที่รองๆ ลงมาก็จะเป็นเล่มทางด้านทิศเหนือทิศตะวันออกเฉียงเหนือทิศตะวันออก
มีดที่ใช้ตัดหวายลูกนิมิต เป็นของสูงครับ ถ้ามีวิชาและใช้เป็น ก็สามารถทำอะไรได้หลายอย่างไม่ว่าจะขับคุณไสย ไล่ผี ขจัดสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ถึงแม้จะไม่มีวิชา หรือใช้ไม่เป็นแต่ถ้ามีเก็บไว้ในบ้านก็เป็นสิริมงคลแก่บ้าน หรือติดตัวไปก็เป็นมงคลหลายด้านครับแต่ต้องระวังหน่อยเพราะมักจะมีขนาดใหญ่โดยทั่วไปจะมีใบมีดยาว 9 นิ้วครับ

หมายเลขบันทึก: 515618เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2013 04:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม 2013 04:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท