จดหมายถึงลูก "เพรียง" ฉบับที่ ๖ ตอน ประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกทหารใหม่


จดหมายถึงลูก "เพรียง" ฉบับที่ ๖

 ตอน ประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกทหารใหม่


     (ครั้งหนึ่งของชีวิตลูก "พลฯ เพรียงพล" หนูทำได้เพราะความอดทนของหนูเองที่ทำให้มีรูปในวันนี้)

             ๒ เดือนเต็ม นับตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ที่ "น้องเพรียง" ลูกของแม่ ได้เข้าไปรับราชการทหารกองประจำการ ระหว่างนี้ ช่วงเกือบ ๑ เดือนที่เรา แม่ - ลูก ไม่สามารถติดต่อกันได้เลย แม้แต่โทรศัพท์ ทางการก็ไม่ให้นำติดตัวไป นอกจากเสื้อ - กางเกงที่หนูใส่ไปเท่านั้น...หนูถูกเก็บตัวอยู่ในค่าย เขาฝึกความอดทนให้กับลูกของแม่ ตอนแรกแม่คิดว่าหนูจะไม่มีความอดทนเสียแล้ว เพราะหนูจะไม่เหมือนกับพี่ภัคร หนูไม่เคยลำบาก...

            แต่การฝึกทหารใหม่ครั้งนี้ หนูได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า "หนูมีความอดทนมาก เรียกว่า มีความอดทนสูงมาก" เพราะจากที่หนูเล่าให้แม่ฟัง หนูบอกว่า "เกือบจะทนไม่ไหว คิดถึงแม่ คิดถึงเจ้าฟ้าคราม คิดถึงทุกคน"...ในความคิดของแม่ แม่ว่า...หนูรู้สึกตัวแล้วว่า ทุกคนเขาก็คิดถึงหนูเช่นกันเหมือนกับที่หนูคิดถึงทุก ๆ คนที่บ้าน...หนูบอกแม่ว่า...หนูนับวันที่จะฝึกเสร็จ แล้วทางการอนุญาตให้หนูกลับบ้านได้...ซึ่งค่ายแต่ละค่ายอนุญาตให้ทหารใหม่กลับบ้านได้ไม่เหมือนกัน...

              "หม่ำ" ที่เป็นเพื่อนของหนูแล้วเป็นทหารเหมือนกัน แต่เป็นทหารอากาศอยู่คนละค่ายกับหนูนั้น ได้กลับบ้านตั้งแต่วันที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๖ แล้ว แต่หนูเป็นทหารบก เขาฝึกประมาณ ๒ เดือนเต็ม จะอนุญาตให้กลับบ้านได้ก็วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๖ แม่ไปเยี่ยมหนูทุกสัปดาห์ตามที่ทางการอนุญาตให้ไปเยี่ยม พร้อมกับน้องอ้อม และเจ้าฟ้าคราม...หนูบอกแม่ว่า...หนูนับถอยหลังทุกครั้งที่แม่ไปหาว่า...ตอนนี้เหลือกี่วัน...มีเพื่อนบางคนก็ขีดปฏิทินว่าหมดไปแล้วอีก ๑ วัน เพราะตอนแม่ไปเยี่ยมหนู พวกเพื่อน ๆ ก็จะมาร่วมวงอยู่ด้วย...ในครั้งนี้ แม่เห็นถึงความเป็นเพื่อน หนูได้เพื่อนใหม่ที่โตขึ้น โตมาด้วยความยาก ลำบากจากการฝึกความอดทนด้วยกัน...เพื่อนหนูทุกคน เห็นแม่ แล้วก็ยกมือไหว้ เรียก "แม่" ว่า "แม่" กันทุกคน...ทำให้แม่เห็นถึงความที่หนูได้อยู่ร่วมกัน กินร่วมกัน นอนร่วมกัน สุขร่วมกันและก็ทุกข์ร่วมกัน หนูมีเพื่อนที่รักกัน เพราะหนูบอกแม่ว่า...เมื่อทางการอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว พวกเพื่อน ๆ จะไปเยี่ยมทุกคนที่บ้านจะได้รู้จักกันมากขึ้น...

           ช่วงแรก ๆ ครูฝึกไม่ให้ใช้โทรศัพท์เลย พวกเราจึงติดต่อกันไม่ได้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หนูได้ขึ้นกองร้อยแล้ว อยู่กองพันเสนารักษ์ มีเพื่อนร่วมรุ่นประมาณ ๕๕ คน แต่ละคนที่แม่เห็นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกหนูเย้าหยอกกันอย่างสนิทสนม บางคนก็อายุมากห่างจากหนูประมาณ ๕ ปี เพราะผ่อนผันมาเรื่อย ๆ มาปีนี้เลยถูกมาเป็นทหาร บางคนก็พ่อ-แม่มีฐานะดี แต่ก็ต้องถูกมาเป็นทหาร ในสายตาของแม่ แม่ว่า เพื่อนของหนูอัธยาศัยดีมาก หรือว่า "พวกหนูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น รู้จักความอดทน รู้จักความลำบากมากขึ้น" จึงทำให้พวกหนูรู้ว่าอะไรควร ไม่ควร...เพราะแม่สังเกตในตอนก่อนที่หนูจะเข้าไปอยู่ในค่าย หนูมีกิริยาที่แตกต่างจากนี้มาก หรือว่า ครูฝึกเขาฝึกให้พวกหนูมีวินัยมาก จึงทำให้ลูกของแม่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น...เรียกว่า..."ดีขึ้นกว่าเดิม เยอะเลยทีเดียว" แม้แต่แม่ไม่เคยได้ยินคำว่า "จะบวชให้แม่" เมื่อมาอยู่ค่าย หนูก็บอกแม่ว่า "เมื่อออกจากทหารแล้ว หนูจะกลับไปบวชให้กับแม่" ซึ่งแม่ก็ไม่คิดแล้วว่าแม่จะได้ยินกับคำ ๆ นี้...มันเป็นความรู้สึกของหนูเอง...แสดงว่าหนูคิดได้ด้วยตัวเอง...

           สำหรับสัปดาห์นี้ หนูใช้โทรศัพท์ได้แล้ว พร้อมกับเงินที่อยากกินอะไรก็ซื้อกินได้ที่ 7 eleven ในตอนแรก ๆ เงินก็ใช้ไม่ได้ ห้ามไปซื้อของกิน ซึ่งอะไร ๆ หนูก็ถูกห้ามไปหมดเพราะมันคือ กฎของทหารใหม่นั่นเอง

           หนูบอกแม่ว่า เขาอนุญาตให้กลับบ้านได้ประมาณ ๑๘ วัน เสร็จแล้วหนูก็ต้องกลับมาเรียนรวมเหล่าอีกประมาณ ๒ เดือน เพื่อฝึกในเรื่องของการรักษาพยาบาล เพราะหนูอยู่กองเสนารักษ์ เรียกว่า "หมอทหาร"...แม่ว่า...ก็ดี หนูจะได้ฝึกความรู้ที่หนูไม่เคยรู้เลยจะได้เป็น เพราะสิ่งนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะเป็นกันได้ง่าย ๆ...เรื่องทหารเสนารักษ์ แม่อยากบอกหนูว่า "พ่อเวศน์" (ลุงของแม่) ก็เคยเป็นทหารเสนารักษ์ และก็สามารถฉีดยาและรู้จักเรื่องยาดี เหมือนหมอคนหนึ่ง เพราะพ่อเวศน์เก่งภาษาอังกฤษ...จำชื่อยาได้หมดว่า คือ ยาอะไร ใช้อย่างไร...ตอนแม่เป็นเด็ก ๆ แม่ยังเห็นคนมาให้พ่อเวศน์ฉีดยาให้ เพราะที่บ้านพ่อเวศน์จะมีเข็มฉีดยา กาน้ำร้อนที่ถูกหลักอนามัยไว้ที่บ้าน...เรียกว่า มีเขตที่เก็บรักษายาและเครื่องมือไว้สำหรับการรักษาโดยเฉพาะ คล้าย ๆ กับที่โรงพยาบาลเลยเชียวแหล่ะ...ในตอนแรก ๆ แม่ก็ไม่รู้หรอกว่าคืออะไร จนมาถึงคราวที่หนูมาเป็นทหารเสนารักษ์นี่แหล่ะ แม่จึงจำได้ว่า "พ่อเวศน์" ก็เคยเป็นทหารเสนารักษ์ด้วย...

                                               (เจ้าฟ้าคราม)

           แม่ว่า...หนูจงภูมิใจในหน้าที่ที่หนูได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่เถอะ...เพราะเมื่อผ่าน ๒ เดือนที่หนูบอกว่า "ฝึกหนัก" ไปแล้ว ตอนนี้ก็เบาแล้ว เพราะส่วนใหญ่จะฝึกหนักในตอนแรก ๆ...สำหรับเจ้าฟ้าครามไปเยี่ยมหนูกับแม่ทุกสัปดาห์ จนเจ้าฟ้าครามจำอาการที่หนูเห็นครูฝึกแล้วต้องทำความเคารพว่า "ครับ" ได้แล้วตัวเจ้าฟ้าครามก็นำมาทำกับตนเองด้วย ทำให้แม่และทุก ๆ คนที่เห็นอาการที่เจ้าฟ้าครามทำ อดนึกขำไม่ได้ แสดงว่าเจ้าฟ้าครามมันเริ่มที่จะเรียนรู้ว่า "ทหาร" เขาทำกัน...ขนาดเห็นรูป ท ทหาร เจ้าฟ้าครามก็จำได้ บอกว่า "หาร" แล้วก็บอกว่า "เพรียง" แสดงว่าเจ้าฟ้าครามรู้ความหมายของรูปภาพทหารแล้ว ซึ่งเป็นการเรียนรู้เบื้องต้นของเด็กเล็ก ๆ...

          เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม่กลับบ้านคนสุดท้ายอยู่จนเวลา ๑๖.๐๐ น. แม่เป็นคนขับรถยนต์ น้องอ้อมกับเจ้าฟ้าครามอยู่คู่กับแม่ น้องอ้อมเปิดกระจกรถยนต์เจ้าฟ้าครามก็ทำอาการบ้าย บายกับทหาร คือ ทำท่าบ้าย บายให้กับพวกหนูซึ่งยืนฝึกอยู่ พวกหนูก็บ้าย บายตอบเจ้าฟ้าคราม ทำเอาบรรยากาศ Happy กันใหญ่ เพราะตามจริงแล้วเขาไม่ให้ทหารใหม่ยกมือบ้าย บายใครหรอก แต่นี่!!! เป็นแม่ฟ้าครามทำท่าบ้าย บาย ก็เลยตอบรับให้...เรียกว่า พวกเพื่อน ๆ หนูทุกคนรู้จัก เจ้าฟ้าคราม กันทุกคน เพราะเจ้าฟ้าครามก็ใช่ย่อย ทำท่าสวัสดีให้กับทุกคน...


          เรื่องบางเรื่องก็เหมือนสอนให้แม่รู้มากขึ้น กับสิ่งที่แม่ไม่เคยรู้หรือไม่เคยพบปะเจอเจอมา แม่รู้แต่สิ่งที่ไม่ผ่านเข้ามาในประสบการณ์ชีวิตของแม่ เพียงแต่ได้รับรู้เรื่องราวจากผู้อื่น ซึ่งอาจจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง เช่น เรื่องการที่ชายไทยโดนถูกทหารเขาจะเรียกว่า ทหารเกณฑ์ ซึ่งทางการมาเกณฑ์ให้ชายไทยไปเป็นทหาร แม่รับรู้เรื่องเหล่านี้เพียงเท่านี้ และบริบทของสังคมไทยแต่เดิมนั้น คล้ายกับดูถูก เหยียดหยามชายไทยใดที่ถูกทหารเหมือนคนไม่มีค่า ไม่มีความรู้ ทำให้หลาย ๆ คน คิดว่า ทหารเกณฑ์เป็นคนที่ต่ำต้อย ต้องมาคอยรับใช้เจ้านาย...แต่เมื่อระบบศักดินากำลังจะเปลี่ยนแปลงไป จริงอยู่ที่ยังไม่หมดสิ้นเสียทีเดียว ในความเป็นจริง ก็ทำให้แม่รู้ว่า...การที่ชายไทยได้เข้ามาเป็นทหารนั้นก็มีเรื่องราวอีกลักษณะหนึ่ง สำหรับชีวิตมนุษย์ที่ได้เกิดการเรียนรู้ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาสังคม การพัฒนาประเทศชาติตามมา...แม่ขอขอบคุณลูกของแม่และทางการที่ทำให้แม่รู้เรื่องราวของการที่ลูกจับใบแดงได้มาเป็นทหาร หรือมารับราชการทหาร ทำให้แม่เกิดความคิดและรับรู้ รับทราบถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ของระบบทหารซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนนั้น แม่บอกตรง ๆ ว่า "แม่ไม่ชอบทหาร"...บอกไม่ได้ว่าเพราะเหตุใด...พี่ภัครยังแซวแม่เลยว่า...เป็นเพราะแม่เกลียดทหารไง? น้องเพรียง ลูกของแม่จึงได้ต้องมาเป็นทหาร...เอ!!! หรือจะจริงหว่า??? คนเราเกลียดอะไรมักจะได้กับสิ่งนั้น...จริงหรือเปล่า??? ...ยังดีน่ะ ที่แม่ไม่ได้พ่อของหนูที่รับราชการทหาร อิอิ...รอดไป...ไม่รู้ตัวว่า ไม่ชอบเพราะอะไร? หรืออาจเป็นเรื่องกำลัง + อำนาจ ก็ได้กระมัง...

          แต่ความรู้สึกของแม่ไม่ได้คิดแบบพี่ภัคร แม่คิดว่า...ชาติแล้วน้องเพรียงคงได้เป็นทหารของพระนเรศวรมากกว่า ชาตินี้เลยต้องกลับมาเป็นทหารอีก...เริ่มตั้งแต่แรกแล้ว สัสดีแซวน้องเพรียงว่า...หุ่นแบบนี้ ทหารชอบ...(เนื่องจากน้องเพรียงสูง เกือบ ๑๘๐ ซ.ม.) ทำให้แม่ก็ไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ เพราะตอนแรกใจของแม่ก็ไม่อยากให้น้องต้องมาเป็นทหารอยู่แล้ว...แต่พอเมื่อได้มาเป็นแล้ว ทำให้ลูกของแม่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีระเบียบมากขึ้น แม่ว่า...ก็ดีน่ะ สำหรับลูกผู้ชายที่เกิดมาชาติหนึ่งแล้วได้มาปฏิบัติหน้าที่ที่เรียกว่า..."รับใช้ประเทศชาติ" เป็นภาระอันยิ่งใหญ่ ที่ใคร ๆ ก็ไม่ได้เป็นกันได้ง่าย ๆ สมกับที่ได้เกิดมาเป็นลูกผู้ชายกับเขาในชาตินี้...น้องเพรียงเคยบอกแม่ว่า..."มีใบดำตั้งเยอะ แถมได้จับคนแรก ๆ ซึ่งคนแรก ๆ เขาจังได้ใบดำกัน แต่ทำไม??? ตัวเองต้องมาจับได้ใบแดงด้วยอ่ะ???..."...ก็ดวงของลูกแม่จะต้องไปเป็นทหารไง เลยจับได้ใบแดง...คริ ๆ ๆ...เอาเถอะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เมื่อเป็นแล้วก็ต้องเป็นต่อให้ครบเวลาที่เขากำหนด ๒ ปี เท่านั้นเอง เดี๋ยวเราก็ได้กลับมาอยู่บ้านของเราแล้ว นี่ยังดีที่หนูได้อยู่ที่พิษณุโลก ถ้าไปจังหวัดอื่น เช่น ลพบุรี ชลบุรี ล่ะ แม่ว่า...ยิ่งแย่กว่านี้ใหญ่ เพราะว่า ลูกของแม่ขึ้นรถเมล์ไม่เป็น...ก็น่าขำเหมือนกัน เป็นเด็กผู้ชายแต่ไม่เจนจัดในเรื่องขึ้นรถเมล์เลย...เวลาจะไปไหน มาไหน ก็ต้องให้แม่ไปรับ ไปส่ง...เป็นทหารกับเขา หนูจะได้หัดช่วยเหลือตัวเองได้บ้างล่ะ...


อ่านจดหมายถึงลูกทุกฉบับ ไดัจากที่นี่...จดหมายถึงลูก. ..


 

ภาพกิจกรรมที่พวกหนูได้ปฏิบัติกันระหว่างมาอยู่ที่ค่ายทหาร ฯ




พิธีซ้อมสวนสนาม พลฯ เพรียงพล  แสงเงิน เข้าร่วมด้วย



หมายเลขบันทึก: 515607เขียนเมื่อ 8 มกราคม 2013 21:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มกราคม 2013 08:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

 ขอบคุณจดหมายฉบับนี้มากๆ กำลังเตรียมใจที่น้องป่านอาจจะได้เป็นทหารค่ะ

 น้องฟ้าครามทำให้ทุกคนมีความสุขก่อนจากได้อย่างน่ารักมากๆค่ะ

ขอบคุณค่ะ พี่ดา Ico48

ค่ะ ความจริงในตอนแรก ๆ น้องก็กลัวและเป็นห่วงลูกมาก กลัวจะทนกับความลำบากไม่ไหว แต่พอมาเห็นเข้าจริง ๆ ทางการเขาฝึกความอดทนให้กับทหารใหม่ค่ะ ให้รู้จักระเบียบ วินัย การวางตัว บุญคุณพ่อ แม่ ความรักชาติ บ้านเมือง ความรักกันในหมู่พวกเดียวกัน การรู้จักตรงเวลา ความรับผิดชอบ อีกมากมายที่พวกเขาจะได้รับค่ะ...มีบางท่านบอกว่า บางคนตอนแรก ๆ ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ พอมาเป็นทหารกลับออกไปเป็นคนละคนเลยค่ะ เรียกว่า ไปได้ดีค่ะ

การที่เราได้เข้ามาในวงการทหารทำให้เราทราบความจริงที่ไม่เป็นดั่งที่เราคิดตอนที่เรายังไม่ได้เข้าสัมผัสหรอกค่ะ นึกถึง เรื่อง "สัจธรรม" จริง ๆ ค่ะ คนเราถ้าไม่ได้พบ ได้เจออะไรกับตนเอง ก็อย่ารีบไปสรุปตัดบทว่ามันไม่ดีก่อนค่ะ จนกว่าเราจะพบ จะเจอด้วยตนเอง เราจึงจะรู้ว่าความจริงมันคืออะไรไงค่ะ

ค่ะ เจ้าฟ้าครามช่างเรียนรู้มากมายค่ะตอนนี้ รู้ไปหมด แม้แต่ได้ยินเสียงเพลงที่ทำนองเร้าใจ แม่ฟ้าครามยกมือสูงขึ้นเหมือนกับทำลีลาหางเครื่องเลยค่ะ พอย่าหันไปมอง แม่ฟ้าครามอายเลยไม่ทำให้เห็นค่ะ แต่พอลืมตัวอีกก็ทำอีกค่ะ สงสัยเลือดศิลปินแรงค่ะ คริ ๆ ๆ

ขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจจาก พี่ดา Ico48 และคุณลุง  ด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะ

ไม่ๆด้เข้ามาอ่านจดหมายถึงน้องๆ นานแล้วค่ะ กลับมาอ่านอีกที รู้สึกอบอุ่นใจเหมือนเดิม

การฝึกทหารช่วยฝึกวินัยในตนเองได้ดีมากเลยทีเดียวนะคะ 


ขอบคุณมากค่ะ

ขอบคุณค่ะ คุณปริม Ico48

ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยม ค่ะ ลูก ๆ ของพี่โตขึ้นและมีความรับผิดชอบกันขึ้นเยอะเลยค่ะ โดยเฉพาะน้องเพรียง นึกว่าจะเป็นคนไม่เอาไหนกับเขาสะแล้ว...รอดมาได้ก็เพราะระเบียบ วินัยของทหารนี่แหล่ะค่ะ

 มาอ่านทีไร  ก็ปลื้มใจแทนค่ะ


ขอบคุณค่ะ คุณแจ๋ว Ico48

นึกว่าไม่เอาถ่านกับเขาเสียแล้ว สำหรับน้องเพรียง ทำให้เรารู้ได้เลยนะคะว่า ชีวิตคนเราอาจจะทุกคนผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มา แต่ก็จะพ้นปัญหา อุปสรรคไปได้ด้วยการอาศัยเวลาเข้ามาเป็นตัวช่วยค่ะ 

ขอบคุณที่แวะมาค่ะ และก็ขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจด้วยนะคะ

 ค่ะเราเลี้ยงลูกให้สบายไปเสียทุกอย่าง พอจะไปเป็นทหารเราเองเกิดความวิตกกังวลมากกว่าลูกเสียอีก  น้องป่านพึ่งได้รถโฟล์คเต่า (สีน้ำเงิน)มาขับอยากตั้งชื่อ ชอบชื่อ ฟ้างาย ฟ้างาม ถามแม่ว่าดีไหม พี่ดาเสนอว่า ชื่อ ฟ้าคราม ดีไหม น้องป่านบอกชื่อเพราะจัง ก็เลยเล่าเรื่องน้องฟ้าครามแบบบย่อๆให้น้องป่านทราบ  เดี๋ยวรอคุณย่านำภาพน้องฟ้าครามเต้นน่ารักๆมาฝากแล้วจะให้น้องป่านดูอีกครั้ง ขอบคุณมากนะคะ

ค่ะ พี่ดา Ico48 น้องเองก็ต้องโทษตัวเองเหมือนกัน ความที่เราห่างลูกมากไป ไม่อยากแก้ตัวว่าเป็นเพราะทำงานหาเงินหรอกค่ะ แต่บางครั้ง เราก็ได้บทเรียนกับเรื่องนี้ทำให้เราต้องมาแก้ไขด้วยการให้ความอบอุ่น ดูแล พวกเขามากขึ้น ปัจจุบันก็ดีขึ้นค่ะ...บางครั้ง ลูกผู้ชาย เราให้เขาดำเนินชีวิตด้วยตัวเขาเองก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้แกร่งขึ้น เข้มแข็งขึ้น ยามที่เขาไม่มีเรา เขาก็จะได้อยู่ได้ให้เขารู้จักอดทนบ้าง บางครั้งความเป็นแม่ ในใจก็รู้สึกสงสาร ใจหาย เป็นห่วงเขาเสมอ เขาไม่รู้หรอกว่า แม่ คิดเช่นไร ขอเพียงเขารู้จักตัวเขาเองดีขึ้นเท่านั้นก็คงพอค่ะ

             ค่ะ รออีกนิดจะนำมาให้ดูค่ะ ขอบคุณค่ะ ตอนนี้เจ้าฟ้าครามกำลังเริ่มเรียนรู้มากมายเลยค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท