คอรออู


ตอนที่ ๑

คอรออู

ท้องฟ้าใสไร้เมฆหมอก เมื่อมองผ่านเส้นทางลาดยางขึ้นไปบนท้องฟ้า  ที่สองฟากฝั่งถนนรายรอบไปด้วยมะพร้าว ดูเสมือนวางเรียงกันเป็นทิวแถว  สูงตระหง่านเสียดขอบฟ้า มองลอดไประหว่างต้น มีบ้านหลังเดี่ยวอยู่กลางสวน  ปลูกติดกับพื้น รอบบ้านปลูกดอกไม้ดูแล้วไม่เหมือนที่เคยเห็น  มีใบยาวดอกเหมือนลำโพงแต่ละดอกแยกเป็นทิศทางดูเรียบง่าย 

       รถกระบะ บรรทุกคนและของเต็มรถวิ่งไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดหมายแรกที่กำหนด เพื่อรายงานว่านี่คือฉันเริ่มต้นชีวิตของคอรออูแล้ว

       เมื่อถึงจุดหมายแรก  ฉันจะต้องทำอะไรบ้าง  ฉันไม่รู้ ต้องไปติดต่อกับใคร ฉันก็ไม่รู้  แต่ฉันยังอุ่นใจที่วันนี้มีพี่ชายมาด้วย  พี่ชายคนเดียวที่เราไม่ค่อยจะลงรอยกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว  (ตั้งแต่เกิดมาจำความได้โน่นแน่ะ...)

       มึงไปสิ  ไปรายงานตัว   ...พี่ชายพูด

       แล้วกูจะไปรายงานกับใครวะ  รายงานยังไงวะ  ใช้อะไรบ้างก็ไม่รู้   (คิดในใจ) เราทำน่าแหยๆ

       ไอ้เล็กนั่นแหละพามันไป  เป็นครูแล้วนี่น่าจะรู้ดี  .....พี่สาวคนหนึ่งบอก

        ไป...มึงนี่ยุ่งจัง  ...พี่ชายสุดที่รักตอบรับ

การรายงานตัวก็เริ่มขึ้นจากการแนะนำของเจ้าหน้าที่ใจดี  ที่รู้ดีว่า คนที่จะมาเป็นครูไม่เคยกรอกประวัติครู  ก็ยังไม่เคยเป็นจะกรอกได้อย่างไร  แต่หลายชุดก็เลยทำให้พี่ชายหงุดหงิดเพราะเรามัวแต่บรรจง  ด้วยความใจดีเช่นกัน 

        ให้พี่ช่วยกรอกก็ได้นะคะ  ....เจ้าหน้าที่บอก 

        แล้วพี่ชายสุดที่รักก็เริ่มกรอกข้อมูลช่วยเรา  เราก็เลยได้ลายมือพี่ชายสุดที่รักไว้เป็นที่ระลึกของการเป็นคอรออู

       แล้วเราจะไปโรงเรียนได้อย่างไรหล่ะ  เราคิดในใจ  แต่ยังไม่ทันได้คิดต่อ  เจ้าหน้าที่แสนน่ารัก  ถามขึ้นมาทันที

       ไปโรงเรียนถูกไหมคะ ...เจ้าหน้าที่ถาม

       ไม่ถูกค่ะ  ตอนทันทีโดยไม่ต้องคิด  เพราะคิดอยู่แล้วว่าไปไม่ถูก

       เจ้าหน้าที่บอกทางลัดให้ พร้อมกับทางถนนสายหลัก  เฮ้อ  ทางลัดหลงแน่ ๆ  ....

       แล้วเราก็ตกลงว่า เราไปทางถนนหลักดีกว่า  ไกลหน่อยแต่ชัวร์

       โชเฟ่อร์ก็ทำหน้าที่พาเราไปยังจุดหมายสุดท้ายคือโรงเรียนบ้านแซนสุวรรณ 

       ระหว่างทางที่รถวิ่งพาเราไปจุดมายสุดท้าย  มือข้างหนึ่งของฉันจับเหล็กของกระบะไว้แน่น สายตามองสอดส่ายดูโรงเรียนที่อยู่สองข้างทาง  แล้วคิดว่าโรงเรียนของฉันจะมีสภาพเช่นไรนะ   หลังจะเล็กหรือใหญ่  ห้องเรียนมีฝาหรือเปล่า  เด็กนักเรียนจะมากน้อยแค่ไหน สักพักใหญ่รถก็เลี้ยวลงทางแยก 

ป้ายบอกทางอีก สิบกว่ากิโล  ฉันไม่รุู้หรอกว่ามันอีกยาวไกลแค่ไหน  แต่มองไปข้างหน้า ถนนสีส้มกว้างพอสมควร  เป็นสัญญานบอกให้รู้ว่า  ฉันไม่ได้อยุู่สุขสบายแน่   มันเป็นถนนลูกรัง  ไม่เท่าไหร่ ก็คงเหมือนบ้านเรามั้ง (ใจคิด)  แต่โรงเรียนนี่สิจะเป็นยังไงหนอ......

      รถวิ่งมาได้พักหนึ่งชักใจแป้ว 

      เฮ้ย!   ไหนบ้าน  ไม่เห็น  

      เฮ้ย!  ไหนโรงเรียน  ไม่มี  ....ฉันคิดในใจ

     เฮ้ย ! มันยังไงกันวะ  พี่สาวพูดพร้อมกับหัวเราะ  

     ฉันคิดในใจ.....พี่เราก็คิดเหมือนกันแฮะ  เพราะสองข้างทางไม่ใช่ไร่มันแต่เป็นต้นอะไรก็ไม่รู้ ใบคล้ายใบมะพร้าว   ลูกเป็นกลุ่มใหญ่เต็มพื้นที่เป็นป่าเลยทีเดียว  มองไม่ทะลุ ไม่เห็นอะไรเลย  รถก็ยังคงวิ่งต่อไปเพื่อให้ถึงจุดหมาย  แล้วโรงเรียนของฉันจะอยู่ในดงนี้หรือ........

    สักพักหนึ่งรถวิ่งพ้นดงป่าเข้าสู่เขตวัด มองดูใหญ่พอสมควร  เสียงรถเบาลง รถเขย่าเล็กน้อยเหมือนเหยียบบนอะไรสักอย่าง  อ้อรางรถไฟ  มัวแต่มองวัดเพลิน  มีทางรถไฟ ข้างหน้าเป็นตลาด  แล้วรถก็เพิ่มความเร็ว  ทำให้เราสังเกตเห็นแต่เพียงว่า  มีร้านขายผักสด  ขายของชำอยู่สองร้าน  ก็ยังไม่ถึงอีกนะ  ถามชาวบ้านโรงเรียนฉันอยู่ไหน  เขาบอกอยู่ไม่ไกล  คราวนี้พอเห็นบ้านคนบ้าง  แต่ก็อยู่ในดงมะพร้าว  แต่ละหลังอยู่ห่างกัน  คงจะเป็นสวนใครก็ปลูกบ้านในสวนนั้นกระมัง  ไม่ทันได้คิดไกลไปกว่านี้  รถก็วิ่งเข้าหมู่บ้านอีกหมู่บ้านหนึ่ง  มีร้านค้าเช่นเดียวกัน แล้วก็เห็นโรงเรียนของฉัน   โรงเรียนที่ฉันได้เกิดเป็นคอรออู  มีป้ายปูนเก่าๆ รั้วปูนเก่า ๆ เตี้ย ๆ ด้านหน้า มีต้นมะม่วงใหญ่อยู่ปากทางเข้าดูร่มรื่นดี  อาคารเรียนเป็นไม้ชั้นเดียวกับพื้นยกสูงด้วยดินเล็กน้อย น่าสงสารจัง  โรงเรียนเราหรือนี่   เงียบจัง  ไม่มีใครเลย  เพราะเย็นแล้ว นักเรียนคงกลับบ้านกันหมด  ครูก็ไม่มีคงกลับบ้านเช่นกัน เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์  

พี่สาวเอ่ยด้วยความกังวลใจ   " แล้วจะอยู่ยังไงหล่ะ ไม่มีคนเลย "

ใจฉันนึกตอบว่า  "ต้องอยู่ ฉันต้องอยู่ให้ได้ เพราะเราเป็นคอรออูแล้ว"  

แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เดินตรวจตราดูบริเวณโรงเรียน ร่มเย็นน่าอยู่ ที่ชอบที่สุดก็คือมะพร้าวต้นเตีัย  ๆ  ลูกดกเต็มคออยู่ในโรงเรียนด้วย เสร็จเราแน่  คงได้กินทุกวันเลยเรา                                                          

        สักพักก็มีครูเก่าเข้ามาบ้านพักที่เขาพักอยู่แล้ว  ข่าวดีสำหรับเราคือ บ้านพักเต็ม  ทำอย่างไรดี นี่คือปัญหาใหญ่ที่เราไม่เคยคิดมาก่อน...........

                                                               

หมายเลขบันทึก: 512668เขียนเมื่อ 19 ธันวาคม 2012 12:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มีนาคม 2013 16:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เขียนต่อนะคะ จะรออ่าน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท