รถไฟบิน..แนวคิดขนส่งมวลชนแบบใหม่โดยคนไทย(และเพื่อคนไทย..แต่จะโดยคนไทยหรือไม่ก็อีกเรื่อง)
แนวคิดนี้เป็นการเอาเครื่องบินมาผสมกับรถไฟ ทำให้ได้ข้อดีของทั้งสองอย่างคือ เร็วเหมือนเครื่องบิน (ทำความเร็วได้ ๔๐๐ กม. ต่อ ชม. ) และออกจอดสถานีได้บ่อยและง่ายเหมือนรถไฟ (ซึ่งเครื่องบินทำได้ยาก เพราะต้องการสนามบินราคาแพง และใช้เวลานานมาก)
รถไฟความเร็วสูงทุกวันนี้เน้นกันไปที่ระบบแม่เหล็กยกลอยตัว (magnetic levitation หรือ เรียกกันสั้นๆว่า mag lev ...แม็กเล็ฟ) หลายประเทศในยุโรป ญี่ปุ่น และ จีน ได้สร้างไปแล้ว แต่ข้อเสียของวิธีนี้คือ ราคาแพงมาก โดยเฉพาะตัวรางที่ต้องทำเป็นระบบแม่เหล็กไฟฟ้า
ข้อดีของการลอยตัวโดยล้อไม่สัมผัสรางคือ แรงต้านต่ำ ทำให้สามารถวิ่งได้เร็ว และยังช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย
วันนี้ผมขอเสนอแนวคิดใหม่ในการยกรถไฟด้วยแรงของอากาศ เหมือนกับเครื่องบินนี่แหละ ทั้งนี้โดยไม่ต้องมีปีกเหมือนเครื่องบิน แต่ทำตัวถังให้เป็นปีกเครื่องบินเสียเอง ขนาดกว้าง ๕ ม. ยาว ๑๐๐ ม. สามารถบรรทุกคนได้ ๔๐๐ คน วิ่งด้วยความเร็ว ๔๐๐ กม. ต่อชม. (วิ่งช้ากว่านี้ไม่ดี เพราะจะสร้างแรงยกไม่พอ)
ผมเชื่อว่านี่เป็นแนวคิดครั้งแรกของโลก แต่หากมีท่านใดคิดมาก่อนหน้านี้ก็ขอคารวะ และขอยืนยันว่าไม่ได้พบเห็นแนวคิดนี้มาก่อน (หรือแม้แต่ที่ใกล้เคียง)
สิ่งที่ยากที่สุดคือการออกแบบตัวถังดังกล่าวนี้ให้มีแรงยกรถไฟให้ลอยได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ในสภาวะรูปทรงแบบนี้ โดยเฉพาะมันเป็นปีกที่มี span สั้นกว่า chord 20 เท่า (ตรงข้ามกับปีกเครื่องบินที่มี chord สั้นกว่า span 20 เท่า) ซึ่งรูปทรงนี้จะทำให้แรงยกหดหายไปหมดจากปรากฎการณ์ wing tip vortex แต่ผมเชื่อว่าสามารถออกแบบแก้อาการนี้ได้ แถมเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสอีกต่างหาก (ขออุบไว้ก่อน เดี๋ยวคนเอาไปจดสิทธิบัตรกันหมด อิอิ)
จากการออกแบบใหม่นี้ ผมได้คำนวณตามหลักการอากาศพลศาสตร์พื้นฐานแล้วว่าทำได้ โดยในช่วงแรกตอนออกตัวจากสถานี ล้อยังสัมผัสราง แต่พอทำความเร็วได้สัก ๔๐๐ กม.ต.ชม. ภายในสัก ๒๐ วินาที ก็จะสร้างแรงลอยตัวเต็มที่ ล้อไม่สัมผัสราง แต่จะแตะประคองตัวเพื่อบังคับทิศทางเท่านั้น ซึ่งทำให้นุ่มนวล และ ประหยัดเชื้อเพลิงพร้อมกันไป (รวดเร็วอีกต่างหาก)
ระบบการประคองการลอยตัว การเข้าจอดที่สถานีเราสามารถบังคับด้วยกลไกระบบควบคุมอัตโนมัติได้หมด เพื่อความนุ่มนวลและปลอดภัย
ระบบนี้จะมีราคาถูกมาก เพราะรางรถไฟเป็นรางปกติธรรมดา ไม่ต้องติดตั้งระบบ mag lev อันแพงลิ่ว (ทำให้ค่าโดยสารแพงกว่าเครื่องบินเสียอีก)
ระบบขับเคลื่อนจะใช้เครื่องยนต์ไอพ่น แบบ High by-pass Turbofan (ที่ใช้ในเครื่องบินโดยสารข้ามทวีปส่วนใหญ่ในวันนี้) ซึ่งไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเสียงดัง ยิ่งพอเข้าสถานีเราเดินเบาก็ยิ่งไม่มีเสียงรบกวน หากผ่านบริเวณปชช.หนาแน่น ก็สร้างกำแพงบังเสียงช่วย ...เพียงแต่เราอาจต้องปรับเครื่องยนต์ให้เข้ากับความเร็วต่ำที่ ๔๐๐ กม/ชม. ในขณะที่เครื่องนี้ออกแบบมาให้บินเร็วที่ประมาณ ๙๐๐ กม/ชม.
ฝากบอกบุญมายังหน่วยงานรัฐบาลทั้งหลาย หน่วยใดสนใจสนับสนุนทุนวิจัย โปรดแจ้ง (รอไปเถอะ..อิอิ) แต่ถ้าเกิดสนใจจริงๆ เราสามารถทดลองหุ่นต้นแบบขนาดเล็กกว้าง ๑ ม. ยาว ๑๐ ม. เพื่อทดสอบว่าทำได้จริง โดยใช้พื้นที่อันกว้างใหญ่ของบริเวณ ม. ของเราให้เป็นประโยชน์ (ขนาดเล็กกว่านี้ไม่น่าทำได้ เพราะมันจะเกิด scale effect ที่มากมหาศาลจนไม่อาจนำไปขยายผลสู่ขนาดใหญ่ได้อย่างน่าเชื่อถือ)
โครงการวิจัยพัฒนาระดับและขนาดนี้ถ้าให้ สรอ. ยุโรป หรือ ญี่ปุ่นทำ ไม่น่าต่ำกว่า ๕ หมื่นล้านบาท แต่เราเชื่อว่าเราทำได้ในราคาแบบไทยๆ ที่ ๕๐๐ ล้านบาท โดยได้ผลงานคุณภาพเทียบเท่า ๕ หมื่นล้าน
ถ้าเราทำได้ ประเทศไทยจะเปิดตัวในเวทีโลก อย่างมีศักดิ์ศรี กำไรแบบทุนนิยมจะมาอีก ๑๐๐ เท่า และ สิ่งดีๆ ที่เหลือเชื่อ ที่ประเมินราคามิได้จะตามมาอย่างที่ไม่คาดฝันอีกมากหลาย เชื่อไหม (เช่น เด็กไทยจะหายแว้นไปได้มาก การย้อมผมสีทองจะน้อยลงหรือหมดไป เป็นอาทิ เมียเช่าริมหาดพัทยา ป่าตอง จะลดลงฮวบฮาบ)
คนไทยเราตามก้นฝรั่ง และต่างชาติอื่นมานาน นี่เป็นโอกาสหนึ่งที่เราจะนำฝรั่งได้ โปรดช่วยกันคิดและทำต่อไปด้วยนะ มีอะไรอีเมล์ต่อกันได้ ...วิชานั้นไม่หวงสำหรับคนดี หวังดีต่อชาติ แต่ที่ยังอุบไว้เพราะเกรงใจเทวดา กลัวว่าจะมีคนเอาไปสวมสิทธิ์ เหมือนรับจำนำข้าวน่ะครับ
...คนถางทาง (๑๓ ธค. ๕๕)
ปัญหาคืองานใหญ่เช่นนี้ต้องทำเป็นทีมใช่ไหมครับ ชาวไทยเรามีชื่อเสียงว่าไม่ค่อยชอบทำงานเป็นทีมเสียด้วย
ว้าว เคยนั่งแต่รถไฟความเร็วสูง แต่ถ้าได้แบบบินได้ด้วยนี่ -- สุดยอดเลยอ่ะ โคราช -เชียงใหม่ แป๊บเดียว เร็วมากๆ เออ.. เหมือน การปรากฏตัว และ การหายตัวของแม่มดเลยอ่ะ ฮู้.. เร็วเหมือนขี่ไม้กวาด ก็โอหน่ะ ท่านอาจารย์ แต่ใครจะเป็นคนลงทุนสร้างน๊า -- ไม่ใช่ไทยแน่นอน คริคริคริ
เป๊ะมากคราบอาจารย
ดร. ธ. ครับ นี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่จะเป็นผลพวงของโครงการนี้ ถ้าทำได้สำเร็จเราก็จะได้เลิกว่ากันเสียทีว่าคนไทยทำงานเป็นทีมไม่ได้ (ยกเว้นโกงเป็นทีม) ๕๕๕
อืมม.... จริงๆ ทำงานเป็นทีมก็ได้ครับ แต่พิธีกรรมในการทำงานเป็นทีมของเราเยอะมาก จะทำอะไรทั้งทีก็ต้องจัดสัมมนาในโรงแรมใหญ่ เชิญผู้ทรงคุณวุฒิมาทั่วประเทศไทย ตอนเช้าผู้ทรงคุณวุฒิสูงสุดพูดเสียครึ่งวันให้นโยบายฝันกลางอากาศ ตอนบ่ายคนกำลังจะหลับ (และกลับไป shopping) ก็พยายามหาความคิดเห็น
ก่อนหน้านี้ผมกับ อ.จัน เจอแบบนี้บ่อยมาก เดี๋ยวนี้ไม่เคยไปกันอีกเลย เอาเวลามาปั่นจักรยานรู้สึกจะคุ้มค่ากว่าครับ
ใช่ ๆ ผมก็เบื่อ ผู้ทรงฯ ก็หน้าเดิมๆ เวียนกันมาไม่กี่คน ประเด็นเดิมๆ สู่สากล ตอนนี้ก็คง AEC ...อ้วก