(ต่อจากสู่เส้นทางชุมชน ๔ บันทึก)
การพัฒนาระบบงานทันตกรรมในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
โดย ทพญ.นฤพร ชูเสน โรงพยาบาลพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด
คุณหมอตั๊กของชาวพนมไพร (โดยกำเนิด) นำเสนอกรอบกิจกรรม ๗ หมวด
ในการพัฒนาระบบงานทันตสาธารณสุขในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งจังหวัดร้อยเอ็ดเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ ได้แก่ กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพช่องปากในกลุ่มเป้าหมาย
๑. กลุ่มหญิงตั้งครรภ์
๒. เด็ก ๐ – ๒ ปี
๓. กลุ่มผู้สูงอายุ
๔. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก / อนุบาล
๕. โรงเรียนประถมศึกษา
๖. ในชุมชน
๗. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
ประชากรที่ CUP (Contracting Unit for Primary Care) พนมไพร – หนองฮี รับผิดชอบประมาณ ๑ แสน ๕ พันกว่าคน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ๓๖ แห่ง โรงเรียนประถมศึกษา ๖๖ โรงเรียน มีทันตแพทย์ ๓ คน ทันตาภิบาล รวม ๘ คน สามารถขยายบริการทันตกรรมประเภทการใส่ฟันเทียม (ฟันปลอม) จนถึง รพ.สต. ลดการเดินทางของประชาชน ไม่จำเป็นต้องนั่งรถมาถึงตัวอำเภอที่ตั้งโรงพยาบาลพนมไพร
และที่เป็นจุดเด่น คือ การออกแบบระบบข้อมูลเอง จัดเก็บข้อมูลที่ต้องใช้เหมือนกันทั้ง ๒๒ รพ.สต. นำมาวิเคราะห์ เห็นทิศทางที่จะพัฒนาระบบงานให้ดีขึ้น นิเทศงานใน รพ.สต.สม่ำเสมอ
ใช้ข้อมูลเป็นฐานในการวางแผน ตัดสินใจ ออกแบบกระบวนการทำงานอย่างสอดคล้องกับปัญหาของพื้นที่ และสมดุลกับจำนวนทันตบุคลากรที่มี
ผลงานที่ภาคภูมิใจ “การพัฒนาระบบบริการทันตกรรมใน รพ.สต.” ได้นำเสนอในเวทีระดับประเทศ ๒ ปี ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๕ จัดโดยสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย
อีกรางวัล รองชนะเลิศระดับเขต CUP ดีเด่นด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปากแม่และเด็ก ปี ๒๕๕๕
ในระดับอำเภอเอง ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดผลงาน CQI (Continuous Quality Improvement) เรื่อง ฟันสวยด้วยมือเรา จากการดำเนินงานโรงเรียนเครือข่ายเด็กไทยฟันดี
ย้ำความเชื่อว่า การพัฒนาระบบการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง จัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ทำให้เห็นปัญหาชัดเจนขึ้น แก้ปัญหาได้ตรงจุด
^_,^
ถึงวันนี้ที่เป็นพี่น้องในเครือข่ายทันตแพทย์ผู้นำสร้างเสริมสุขภาพช่องปาก รู้จักน้องตั๊กมา ๓ ปีกว่า พัฒนาการก้าวกระโดดมากมาย น้องตั๊กบอกเอง “ปีแรกมีงานกลุ่มเดียว เดี๋ยวนี้ตั๊กมีทุกกลุ่มแล้วนะคะ”
ได้ยินน้ำเสียงแห่งความสุขชัดเจน แววตาฉายชัดระยับพราวด้วยความภูมิใจ นี่สิรางวัลที่สัมผัสได้....ด้วยตนเอง เติบโตจากภายใน
สัดส่วนจึงควรเป็น “ผู้ให้” มากกว่า “ผู้รับ” แล้วไงคะ
สอดคล้องกับ AAR ที่น้องตั๊กเขียนและกล่าวในวันสุดท้าย
“สิ่งที่ทำให้ตัวเองได้เรียนรู้มากที่สุดในการมาประชุมครั้งนี้ คือ การสัมภาษณ์คุณลี (อายุ จือปา)
ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะตัวเองเคยเข้าร่วมการประชุมในลักษณะนี้มาหลายครั้ง ความแปลกใหม่ของสิ่งที่ได้เรียนรู้จึงค่อย ๆ ลดลง
แต่ทุก ๆ ครั้ง ก็ยังคงเป็นการเติมไฟแห่งฝัน เติมพลังแห่งศรัทธาในการจะก้าวเดินต่อไปบนทางสายนี้...ไม่มีเปลี่ยนแปลง
บทสัมภาษณ์เพียงช่วงเวลาชั่วโมงเศษ ๆ เพียงการเล่าเรื่องราวอย่างเรียบง่ายจากชายหนุ่มอายุเพียง ๒๗ ปี แต่สามารถสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ สู่สังคมมากมาย
สามารถเติมไฟแห่งฝัน สามารถปลุกพลังศรัทธาต่อสิ่งที่เรียกว่า “ความดี” ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
....อยากขอบคุณ.....คุณลี.... ที่ทำให้เราได้หันกลับมามอง..ทบทวนตัวเองอีกครั้งว่า เราเดินทางมาถูกทางแล้วหรือยัง..
เพลิดเพลินกับสองข้างทางมากเกินไปหรือเปล่า..สนุกกับทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามา จนทำให้การก้าวเดินไปข้างหน้าช้าลงกว่าที่เคย?
..... คุ้มกันหรือไม่กับการพยายามเรียนรู้ ใส่ใจในทุกรายละเอียด จนทำให้..จุดหมายปลายทางยังคงห่างไกล ทั้ง ๆ ที่ถ้าตั้งใจเดินก็คงจะถึงได้ในไม่ช้า..
เรารออะไรอยู่..เราอยากเรียนรู้รายละเอียดในระหว่างทางอีกมากเท่าไหร่
“สมดุลของชีวิต” อยู่ตรงไหน? แค่ไหนที่เรียกว่าพอดี..
หรือเพียงแค่เราพอ..ทุกอย่างก็จะดี พอ ณ จุดตรงนี้ เพื่อที่พร้อมจะก้าวต่อไป เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ โดยใส่ใจรายละเอียดเท่าที่จำเป็น ต่อก้าวย่างต่อไป?
เรา.....ต้องใช้เวลาเรียนรู้อีกนานแค่ไหน จึงจะรู้ว่า..อะไรคือความ “สมดุล” ของชีวิต..
หรือคำ ๆ นี้ ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการ “สมมุติ” ขึ้นในแต่ละช่วงขณะของชีวิต
จุดสมดุลของชีวิตในวันนี้กับวันพรุ่งนี้ ต้องเหมือนกันหรือไม่.. หรือเป็นเพียงการสมมุติไปในแต่ละวัน
เหมือนเส้นเหลืองกลางถนนที่คดเคี้ยวไปตามถนน
แต่ถนนนั้น ก็พาเรามุ่งไปยังจุดหมาย..เพียงรอเราก้าวไป..”
^_,^
แล้วจะมีบันทึกถึงคุณลี อายุ จือปา โดยเฉพาะอีกต่างหากนะคะ
แม้จะต่างกันตรงจุดเริ่มประเด็นที่ทำ แต่มีความเหมือนกับน้องตั๊กที่ชอบพัฒนาถิ่นฐานบ้านของเรา เมืองไทยของเรา
ทุก ๆ ที่ ทุกแห่ง ๆ คนเล็กเคลื่อนโลกได้
สวัสดีนะคะ
ดีจังเลย ทำ CQI ลงสู่ชุมชนเลยนะคะ เยี่ยมมากๆๆ เลยนะคะ
ลงชุมชน เพื่ิอชุมชน โดยชุมชน ของชุมชน คนชุมชน ร่วมด้วย ช่วยกัน นะคะ
ขอบคุณค่ะ
..... คุ้มกันหรือไม่กับการพยายามเรียนรู้ ใส่ใจในทุกรายละเอียด จนทำให้..จุดหมายปลายทางยังคงห่างไกล ทั้ง ๆ ที่ถ้าตั้งใจเดินก็คงจะถึงได้ในไม่ช้า..
เรารออะไรอยู่..เราอยากเรียนรู้รายละเอียดในระหว่างทางอีกมากเท่าไหร่
“สมดุลของชีวิต” อยู่ตรงไหน? แค่ไหนที่เรียกว่าพอดี..
หรือเพียงแค่เราพอ..ทุกอย่างก็จะดี พอ ณ จุดตรงนี้ เพื่อที่พร้อมจะก้าวต่อไป เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ โดยใส่ใจรายละเอียดเท่าที่จำเป็น ต่อก้าวย่างต่อไป?
เรา.....ต้องใช้เวลาเรียนรู้อีกนานแค่ไหน จึงจะรู้ว่า..อะไรคือความ “สมดุล” ของชีวิต..
หรือคำ ๆ นี้ ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการ “สมมุติ” ขึ้นในแต่ละช่วงขณะของชีวิต
จุดสมดุลของชีวิตในวันนี้กับวันพรุ่งนี้ ต้องเหมือนกันหรือไม่.. หรือเป็นเพียงการสมมุติไปในแต่ละวัน
เหมือนเส้นเหลืองกลางถนนที่คดเคี้ยวไปตามถนน
แต่ถนนนั้น ก็พาเรามุ่งไปยังจุดหมาย..เพียงรอเราก้าวไป..”
.....................................
อืมม... กำลังภายในคุณหมออ้อ...เพียบบบ
ความเข้าใจทีม ทะลุทะลวงทั่วถึง ...
ขอเชียร์เลยหละ
"หรือเพียงแค่เราพอ..ทุกอย่างก็จะดี พอ ณ จุดตรงนี้ เพื่อที่พร้อมจะก้าวต่อไป เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ โดยใส่ใจรายละเอียดเท่าที่จำเป็น ต่อก้าวย่างต่อไป?"
ฮูลา ฮูลา เฮ่ เฮ่ :)))
สาธุค่ะ :)
ขอบคุณค่ะพี่เปิ้น กำลังใจมาไวดีจัง
การได้ไปอบรม หรือประชุมกับผู้ที่ทำงานด้วยกัน.. ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ให้เรามากมายนะคะคุณหมออ้อ
ใช่เลยค่ะคุณรพี
kunrapee |
เราจะอบอุ่น รู้สึกว่าแม้ตัวจะห่างกัน
แต่เรามีเพื่อนร่วมเดินทาง ที่มีจุดหมายเดียวกันเสมอ
เพื่อชุมชน เพื่อถิ่นฐานบ้านเรา เพื่อคนไทยด้วยกัน
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ