หลังจากสอนทักษะการสื่อสารด้วยวิธีพูดแล้ว
ก็มาต่อด้วยทักษะการฟังบ้าง
อันนี้ เพื่อให้น้อง ๆ ให้เข้าใจความสำคัญของการฟัง เราให้ทำกิจกรรม A กับ B
เชื่อว่า หลายคนก็คงเคยทำแล้วบ้างนะ
คือให้ A อยู่ในห้อง
B ไปรอนอกห้องก่อน
แล้วเราก็เตี๊ยมกับน้อง ๆ A ว่า เดี๋ยวพอ B เดินเข้ามา เขาจะมาเล่าเรื่อง ๆ หนึ่งให้พวกเราฟัง ให้เราทำท่าไม่สนใจเขานะ จะทำอะไรก็ได้ เช่นหันไปคุยกับเพื่อน หรือเล่นโทรศัพท์ OK นะ ทุกคนก็พยักหน้าอย่างแข็งขัน ( ถนัดอยู่แล้วมั้งเรื่องแกล้งคนเนี่ยะ )
สำหรับ B เราก็บอกพวกเขาว่า เดี๋ยวเข้าไปในห้องนะ ให้พวกเราเล่าเรื่องที่เราภาคภูมิใจที่สุด ให้เล่าอย่างเต็มที่ เล่าเหมือนเราเกิดมาเพื่อจะเล่าให้เพื่อนฟังในวันนี้
แล้วเราก้ปล่อยให้ B มาเจอกับ A แล้วบรรยากาศในห้องก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
ก่อนที่เสียงจะดังกันไปมากกว่านี้ เราก็เชิญตัวแทนของ A และ B มาแสดงความรู้สึก ก็จะได้คำตอบที่เดาได้ว่า B รู้สึกว่า A ไม่ฟัง ก็เลยไม่อยากเล่า แต่ A รู้สึกสนุกทีได้แกล้งเพื่อน
เราต้องเฉลยให้ฟัง แล้วสรุปว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เราต้อง ให้ความสำคัญกับการฟังให้มาก เพราะการไม่ฟังทำให้คนที่พูดไม่อยากพูด
ต่อมาเราก็สอบถามน้องว่า การฟัง ใช้อวัยวะอะไรบ้าง และฟังอะไร
เราก็เฉลยให้ฟังว่า
เราใช้หู เพื่อฟังข้อมูล
ใช้ใจ เพื่อฟังน้ำเสียง
ใช้ตา เพื่อฟัง(มอง)ท่าทาง
ตามมาด้วยคำถามว่าน้อง ๆ คิดว่า เราควรให้ความสำคัญกับส่วนไหนมากที่สุด เมื่อเราฟังใครสักคน น้อง ๆ ก็พยายามตอบ แต่ไม่ใครถูกต้องสักคน ส่วนใหญ่เขาก็จะคิดว่า น้ำเสียงบ้าง เนื้อหาบ้าง แต่คำตอบที่ถูกก็คือ
ท่าทางสำคัญที่สุด ( 55 % ) รองลงมาคือ น้ำเสียง (38%) และที่สำคัญน้อยที่สุดคือเนื้อหา เพียงแค่ 7 % ซึ่งเป็นความรู้ที่น้อง ๆ ต้องให้ความใส่ใจระหว่างการฟังให้มากว่าอย่าฟังแค่เนื้อหาเท่านั้น เช่น เมื่อคน ๆ หนึ่งพูดว่า "ฉันไม่เป็นอะไร" แต่ท่าทางและน้ำเสียงเหมือนคนหมดแรง ซึ่งถ้าเราฟังแต่เพียงเนื้อหาเพียงอย่างเดียวเราก็อาจพลาดโอกาสในการช่วยเหลือเขาไปได้
เราให้เวลากับทักษะนี้ค่อนข้างมาก เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการเป็นเพื่อนที่ให้คำปรึกษา
แล้วเราค่อยมาฟังทักษะกันต่อในตอนหน้านะคะ
ทุกวันนี้ คนจะฟังกันน้อยลง เพราะมีโลกส่วนตัวสูงมาก กิจกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ ค่ะ