ผมพิศวงมาก ต่อการ “คิดใหญ่” ของหน่วยงานเล็กๆ อย่าง HITAPที่จะพัฒนาขีดความสามารถด้าน HITA (Health Intervention and Technology Assessment) ให้แก่สังคมไทย
นี่คือกลไกอย่างหนึ่งที่ทำให้ระบบสุขภาพไทยยืนอยู่บนฐานของ “ข้อมูลหลักฐาน” (evidence-based) ไม่อยู่บนฐานของการคาดเดา หรือการกล่าวอ้าง
การกล่าวอ้างแสดงเหตุผล (โดยไม่มีหลักฐานยืนยัน) มักใช้โดยกลุ่มผลประโยชน์ ที่เล็งประโยชน์ส่วนกลุ่ม หรือคนส่วนน้อย แต่อ้างผลประโยชน์ของประเทศ การทำงานวิชาการ HITA จึงช่วยลดมายาคติเหล่านี้ และช่วยรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของบ้านเมือง
นี่คือชนิดหนึ่งของการวิจัย ที่พุ่งเป้าไปที่เทคโนโลยี หรือวิธีบำบัดรักษา (หรือป้องกัน) โรคใดโรคหนึ่ง ว่าจะได้ผลต่อสังคมคุ้มกับทุนที่ลงไปหรือไม่ เป็นการวิจัยเพื่อหาหลักฐานความคุ้มทุน มองที่ภาพใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่มองที่กรณีพิเศษเป็นรายคน
ผลการวิจัยนี้จะเป็นหลักฐานประกอบการตัดสินใจเชิงระบบ ว่าจะลงทุนให้บริการที่ใช้เทคโนโลยีนั้นหรือไม่ ในลักษณะที่รัฐเป็นผู้จ่าย ซึ่งหมายความว่า ไม่เกี่ยวกับกรณีที่ผู้ใช้เทคโนโลยีที่จ่ายเอง เพราะตนกระเป๋าหนัก และตนใช้วิธีคิดคนละชุด
ที่จริงบันทึกนี้ต้องการบอกความพิศวงในใจของผม ต่อท่าทีของ HITAP ในการพัฒนาขีดความสามารถ (Capacity Building) ด้าน Health and Technology Assessment ในสังคมไทย ว่าต้องการพัฒนาขีดความสามารถด้านนี้ให้แก่หน่วยงานวิชาการ คือโรงเรียนแพทย์ ถึงกับดำเนินการขอเงินทุนสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี และสร้างศักยภาพในการดำเนินการเรื่องนี้ให้แก่โรงเรียนแพทย์ ผลคือ พบว่าโรงเรียนแพทย์ส่วนใหญ่ไม่เห็นคุณค่าของการดำเนินการเรื่อง HITA
ในปัจจุบัน การดำเนินการสร้างขีดความสามารถด้าน HITA ให้แก่โรงเรียนแพทย์ จึงได้ผลในระดับปัจเจก คือเฉพาะอาจารย์แพทย์เฉพาะราย ไม่เกิดความเอาจริงเอาจังระดับสถาบัน
หน่วยงานที่เห็นคุณค่าของ HITA คือหน่วยงานดูแลระบบสุขภาพ ที่ต้องการข้อมูลการตรวจสอบความคุ้มค่าของเทคโนโลยี และวิธีการบำบัดรัก ไษาแบบต่างๆ ว่าในบริบทไทยเรา มีความคุ้มค่าแค่ไหน หน่วยงานนี้คือ สปสช., กระทรวงสาธารณสุข และ สสส.
ที่จริงงานแบบนี้สร้างมูลค่า แก่สังคมไทยมากมาย คือช่วยลดการดำเนินการแบบสูญเปล่าหรือไม่คุ้มค่าต่อสังคม ลดการดำเนินการที่ใช้เงินมาก ได้ผลน้อย ที่มีอยู่ดาดดื่นในสังคม
นอกจากนั้น การทำงาน HTIA ช่วยให้เราคิดบริการเชิงรุกได้อย่างรอบคอบ ช่วยให้ระบบประกันสุขภาพของประเทศไทย เป็นระบบที่ก้าวหน้า ให้สิทธิประโยชน์แก่คนไทยได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเรามั่นใจว่าเป็นชุดสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าเมื่อมองจากภาพใหญ่ของสังคมจริงๆ ถ้าไม่มีกิจกรรม HTIA ช่วยเหลือ ระบบชุดสิทธิประโยชน์ของบริการสุขภาพก็จะถูกผลักดันโดยกลุ่มผลประโยชน์ หรือระบบผลประโยชน์ ซึ่งเมื่อมองจากภาพใหญ่แล้ว กลายเป็นระบบที่เราทุกคนขาดทุน แต่เมื่อมองจากบางมุม ดูเหมือนเป็นกติกาที่ดี
งาน HITA จึงเป็นงานวิจัยลดมายาคติ เป็นวิชาการเพื่อลดความสูญเปล่าของสังคม ในด้านระบบสุขภาพ หน่วยงานในระบบสุขภาพทุกหน่วยงานจึงควรมีขีดความสามารถด้านนี้
หน่วยงานในระบบสุขภาพ ที่ได้รับความนับถือ และมีอิทธิพลมากที่สุดต่อสังคมหน่วยงานหนึ่งคือโรงเรียน แพทย์ ดังนั้น โรงเรียนแพทย์จึงควรมีขีดความสามารถด้าน HITA เพื่อตรวจสอบอย่างเป็นวิชาการว่า เทคโนโลยีและบริการสุขภาพที่มีให้บริการในโรงเรียนแพทย์นั้น ควรจัดให้บริการแก่คนทั่วไปหรือไม่ มิฉนั้น ผู้คนจะทึกทักเอาเอง ว่าเมื่อมีบริการที่โรงเรียนแพทย์ ก็ควรมีให้บริการในระบบประกันสุขภาพโดยทั่วไปด้วย เพื่อความเป็นธรรมด้านสุขภาพ
วิจารณ์ พานิช
๗ ต.ค. ๕๕
ไม่มีความเห็น