สวมใจผู้ให้ ได้ใจผู้รับบริการ
เมื่อวานได้มีโอกาสไปฟังประชุมวิชาการสาธารณสุข เขต 6 หัวข้อหนึ่งที่น่าสนใจ และได้รับความรู้ดี ดี คือการบรรยายสไตล์ทอล์ค เรื่อง สวมใจผู้ให้ ได้ใจผู้รับบริการ โดยอาจารย์สุรวงศ์ วัฒนกูลซึ่งคิดว่าหลายคนคงรู้จักอาจารย์ดี อาจารย์เป็นนักพูด ฝีปากกล้า และเนื้อหาที่ได้รับ ก็น่าสนใจมาก อยากนำมาเล่าสู่กันให้ฟัง
เคล็ดลับที่อาจารย์ให้
อ.บอกว่าไปสอนเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว แล้วผู้เข้าอบรม ยกมือถามว่า อ.ไม่มีครอบครัวมาพูดเรื่องนี้ได้อย่างไร อ.ก็ตอบกลับไปว่า คุณเป็นหมอรักษามะเร็ง แต่ไม่เคยเป็นมะเร็งรักษาได้ยังงัย
แต่คนที่อ.ถามวันนั้น เป็นคนใหญ่คนโต เรื่องที่เกิดขึ้นเลยทำให้ อ.เสียสิทธิ์ในการเป็นวิทยากรในครั้งต่อไป
อ. ก็เลยให้หลักว่า ให้ทุกคนตระหนักในหน้าที่การงานของตน ท่องไว้ในใจเสมอ ว่า เรามาทำงาน ไม่ได้มาหาเรื่อง ให้ทำงานของเราไป คิดถึงข้อนี้ไว้เยอะ ๆ แล้วชีวิตนี้จะมีสุข
อันนี้ตรงกับวิธีผ่อนคลายความเครียด ตามหลักวิชาการเลยนะ เพราะเวลาคนเราเครียด ยิ่งคิดเรื่องนั้น ก็ไม่ช่วยอะไร เหมือนกบอยู่ในกะลาครอบ มองไม่เห็นอะไรเลย แม้แต่ความสามารถของตัวเราที่ก็เคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วก็ผ่านมันมาได้แล้ว เพราะฉะนั้นต้องหยุดการคิดเรื่องนั้น โดยพาตัวเราไปทำอะไรก็ได้ที่เราชอบ ให้ใจเราสบายก่อน แล้วค่อยกลับมาคิดพิจารณาเรื่องที่ปัญหานั้นอีกครั้ง ด้วยใจที่สงบ แล้วใช้หลักการแก้ปัญหา ( คิดทางเลือก พิจารณาทางเลือกที่ดีที่สุด ณ ขณะนั้น แล้วสุดท้ายก็ตัดสินเลือก และปฏิบัติตามทางที่เลือกไว้ จบ )
เราว่าเรื่องนี้ เป็นปัญหาใหญ่มากนะในสังคม โดยเฉพาะที่ทำงาน เพราะการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน ไม่พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา หรือคิดไปเองว่าอีกฝ่ายเข้าใจเหมือนเรา โดยไม่คุย ( คิดไปเองคนเดียว ) เนี่ยเป็นปัญหาสำคัญมาก ๆ และเป็นสาเหตุให้คนเราเป็นทุกข์ได้มากเลย
i. อย่าทักจุดด้อย หรือจุดอ่อนของผู้อื่น ให้เฉย ๆ หรือมองข้ามไปเลย
ii. อย่าทักคำว่า “จำหนูได้มั้ยคะ” ให้ใช้วิธีชงเรื่อง เช่น บอกว่าเราชื่ออะไร เมื่อวันนั้นเราเป็นอย่างไร เราทำอะไรบ้าง เพื่อจะได้มีเรื่องพูดต่อกันได้
เพราะเมื่อเราเข้าใจตรงกันแล้ว ต้องมีความพอใจต่อกันด้วย เช่นเวลาหัวหน้ากำลังโม้อะไร ให้ฟัง อาจจะพูดว่า “ขออนุญาตนะครับ/คะ ..เป็นมืออาชีพเลย.. ( เป็นการยกย่องเชิดชู ) ซึ่งทำให้เกิดความพึงพอใจ
ถ้าเป็นการบริการ ผู้ที่มีทั้ง 3 อย่างนี้จะเหนื่อย เพราะคนจะชอบ และจะเข้ามาหาเรามาก แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ
และ 3 องค์ประกอบนี้ เป็นหลักสำคัญของครอบครัวที่สำคัญเลยทีเดียว
เรื่องนี้อ.ยกตัวอย่างของตัวเอง ว่าอ.เป็นผู้ให้ มีน้ำใจกับผู้อื่น ทั้งการเป็นวิทยากรให้ฟรีถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรมะ วัด หรือ อ.จะให้เบอร์โทรศัพท์ตัวเอง เพื่อให้ผู้อื่นโทรศัพท์มาปรึกษาได้ตลอด และผลที่เกิดขึ้นก็คือตอนนี้อ.ได้มุขดี ดี จากเด็ก ๆ ที่โทรมาปรึกษาบ่อย ๆ เช่น
“รักเดียว ใจเดียว คนเดียว เดี๋ยวเดียว” และอื่น ๆ อีกมากมายกลับมา
ยังมีเรื่องราว และตัวอย่างมากมายระหว่างที่อ.บรรยาย สรุปได้ว่า ได้ทั้งสาระ และรอยยิ้มตลอดเกือบ 3 ชั่วโมง ( เพราะอ.เลิกตอนใกล้ 5 โมงเย็นแล้ว )
ลองนำไปพิจารณา ปรับใช้กันนะ จะได้มีความสุขเยอะ ๆ
ไม่มีความเห็น