การรักษาโรคหน้ายางตายนึ่งนั้นค่อนข้างทำได้ยากถ้าไม่สามารถทราบต้นเหตุที่แท้จริงได้
ราคายางพาราถึงแม้ว่าจะตกต่ำร่วงลงหล่นลงมาแต่ก็ยังไม่สามารถสร้างปัญหาทำให้เกษตรยกเลิกการปลูกการกรีดไปได้เพราะกว่าจะปลูกจะกรีดได้ก็ใช้เวลาหลายปี (7 ปีขึ้นไปจึงจะเหมาะสมที่สุด)จะให้โค่นทิ้งทันทีเหมือนปลูกข่าปลูกบวบคงไม่ได้ เพราะต้นทุนที่ลงไปทั้งค่าแรง ค่าปุ๋ยค่ายาและต้นพันธุ์ ก็ทุ่มลงไปแบบไม่อั้นเพื่อให้ได้ผลงานดีมีคุณภาพสามารถเป็นอาชีพที่สร้างรายได้หลักเลี้ยงครอบครัวกันต่อไปตราบเท่าที่ยังไม่มีอาชีพอื่นใดที่ดีกว่ามาทดแทนได้ จึงต้องก้มหน้าก้มตาแก้ไขปัญหานานาชนิดที่พุ่งมุ่งใส่เข้ามา
ต้นยางที่ขาดการดูแลบำรุงรักษาอย่างที่ควรจะเป็นก็จะมีโอกาศอ่อนแอเกิดโรครุมเร้าเข้าทำลายได้ง่าย อีกทั้งในช่วงที่เริ่มปลูกขาดการตรวจวัดกรดด่างของดินเป็นกรดหรือด่างจัดเกินไปทำให้ต้นยางได้รับสารอาหารแบบขาดๆเกินๆดูแลแบบให้เทวดาเลี้ยง เพราะคิดว่าต้นยางยังเล็กไม่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ตนเอง ส่งผลทำให้เกิดต้นยางเป็นโรคต่างๆเข้าทำลายโดยเฉพาะโรคฮอตฮิตอย่างโรคหน้ายางตายที่ค่อนข้างมีอาการและสาเหตุของการเกิดโรคนี้ที่หลากหลาย เพราะสามารถเกิดจากจากสภาพต้นที่อ่อนแอ ขาดสารอาหาร ดินเป็นกรด ดินเป็นด่าง เชื้อราและแบคทีเรียเข้าทำลายทำให้เปลือกแห้ง แตก เปราะกะเทาะล่อนเพราะขาดสารอาหารเข้าไปบำรุงเนื่องด้วยท่อน้ำท่ออาหารถูกทำลาย
การรักษาโรคหน้ายางตายนึ่งนั้นค่อนข้างทำได้ยากถ้าไม่สามารถทราบต้นเหตุที่แท้จริงได้ เพราะส่วนใหญ่จะเกิดได้จากหลายๆกรณี หลักการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือต้องดูแลบำรุงรักษาให้ต้นยางมีความอุดมสมบูรณ์อยู่สม่ำเสมอเพื่อให้ต้นยางสามารถผลิตน้ำยางได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอต่อปริมาณที่ถูกกรีดออกไปไม่ละโมบโลบใช้สารหรือเคมีเร่งน้ำยาง สังเกตุช่วงเวลาที่ควรหยุดให้ต้นยางพักตัวสะสมอาหารผลิตน้ำยางไม่หลับหูหลับตากรีดแบบไม่บันยะบันยัง มีปัญหาดินไม่กินปุ๋ยจากสภาพกรดก็ต้องแก้ไขใช้กลุ่มวัสดุปูน (ปูนมาร์ล, โดโลไมท์,ฟอสเฟต). มีปัญหาดินด่างใช้กลุ่มปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก, ภูไมท์ซัลเฟตถุงสีแดง, น้ำปุ๋ยหมักชีวภาพเข้มข้น มีปัญเรื่องขาดสารอาหารก็ต้องบำรุงมุ่งใส่ทั้งอาหารหลัก รองและเสริม (ปุ๋ยเคมี46-0-0, 15-15-15, สารปรับปรุงบำรุงดิน พูมิชซัลเฟอร์, อาหารเสริมทางใบใช้ฉีดพ่น ซิลิโคเทรซ (จุลธาตุ+ ซิลิคอน) ฉีดพ่นให้ทั่วทั้งต้นและใบถ้าสามารถฉีดพ่นได้ถึง และถ้าสาเหตุมาจากปัญหาเรื่องเชื้อราและบัคเตรีก็ต้องพึ่งจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติยับยั้งป้องกันอย่างไตรโคเดอร์ม่าและบีเอสพลายแก้วสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันฉีดพ่นก็จะผ่านพ้นปัญหาได้ไม่ยาก
มนตรี บุญจรัส