ผ้าขาวเปื้อนหมึก
กานนา สงกรานต์ กานต์ วิสุทธสีลเมธี

ประเพณีสงกรานต์ล้านนา


วันสงกรานต์

ปี๋ใหม่เมืองเฮา ตั้งแต่วันที่ 11-12 เมษายน ขึ้นไปคนเมืองเหนือของเราบ่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใด ก็จะพากัน (ปิ๊กบ้าน) กลับบ้านกันเพื่อไปเล่นน้ำปํใหม่ที่บ้านเกิดเมืองนอนของแต่ละคนตามประเพณี บ้านเราเมืองเหนือ
ถึงวันที่ 13 เมษายนของทุกปี ถือเป็นวันสงกรานต์ปีใหม่ของลานนา คือวันนี้สังขารล่อง

ถึงวันที่ 14 เมษายนย เป็นวันเนาว์ ทางล้านนาเรียกว่าวันเน่า

ถึงวันที่ 15 เป็นวันพระยาวัน วันดีสุดยอดของวันดี บ้านเราเรียกว่าวันพระยาวัน

ความยาวของวันสงกรานต์ (ปี๋ใหม่เมืองเรา) หมายถึง พระสุริยะอาทิตย์เคลื่อนจากราศีมีนสู่ราศีเมษ ระหว่างปีต่อปี เรียกว่าหัวเลี้ยวหัวต่อของปีใหม่และปีเก่ามาพบกัน มักจะมีฟ้าฝนและลมแรง บ้านเราเรียกว่า หมดหนาวเข้าร้อนเดือน 6 เป็ง บ้านเมืองเหนือฮ้องว่าฮ้อนเขาหนาวออก ในเดือนเมษายนนั้น ตกอยู่กลางฤดูร้อน ความร้อนจัดแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใต้ดวงอาทิตย์ อากาศร้อนจัดแม้แต่แม่น้ำก็จะแห้งอาหารของกินทิ้งไว้ข้ามคืนก็จะมีการบูด เน่าเหม็น กินไม่ได้จะทำให้ท้องร่วง ประชาชนจะต้องระวังให้มากประชาชนมักเจ็บหัวปวดท้องเพราะความแห้งแล้ง น้ำแห้งขอด มักมีไฟไหม้ป่าลุกลามไปตามภูเขา ป่าไม้ ไฟป่าก็คือไฟของคนเรา จุดเผานั้นแหละหาว่าไฟป่า

ฉะนั้น คนโบราณมรการสงเคราะห์ใหญ่ในวันที่ 16 เมษายน คือวันปากปี ชาวบ้านจะช่วยกันทำสะตวงใหญ่หรือสานแตะ กว้าง 1 เมตร ยาว 1 เมตร เอากาบกล้วยมาทำเป็นสี่เหลี่ยมวางบนไม้แตะที่สานนั้นแล้วชาวบ้านจะช่วยกัน จัดดาเครื่องบูชาสังเวยใส่ในสะตวง มีรูปสัตว์ต่าง ๆ เช่น เป็ด ไก่ หมู หมา ช้าง ม้า วัว ควาย และเครื่องปรุงแต่งมี แก๋งส้มแก๋งหวาน พริกเกลือ ข้าวสุก ข้าวสาร จิ้นปลา ผลไม้ต่าง ๆ เช่น มะพร้าว ตาล กล้วย อ้อย หมาก เหมี่ยง บุหรี่ เทียน ธูป ช่อธงสลับกันปักตามขอบสะตวงให้ครบทั้ง 4 ตลอดเทวบุตรเทวดาอารักษ์ มาช่วยปกปักรักษาให้ชาวบ้านหมู่บ้านทุกหลังคาเรือนให้พ้นจากโรคพระยาธิภัย พิบัติอุปัทวะอันตราย ขอให้ตกไปด้วยปีเดือนวันและยามดังนี้

เรียกว่าสงเคราะห์วันปี ใหม่ (สงกรานต์) ในวันที่ 16 เมษายน อาจารย์โอกาสเสร็จแล้วอารธนาพระสงฆ์สวดมนต์ และสวดเปิดถวายไทยทาน พระสงฆ์ให้พรนำสะตวงไปส่งเติมตามทิศและการยิงสินาท (คือยิงปืน) ไปตามทิศนั้น ๆ เป็นจบพิธี

วันที่ 14 เมษายน เรียกว่าวันเนาว์แต่เมืองเหนือลานนาเรียกว่าวันเน่า คือวันว่างงานเพราะเราทำมาปีหนึ่งแล้วถึงวันนี้หยุดพัก วันนี้โบราณห้ามด่าห้ามตีกัน จะช่วยกันห่อข้ามต้มขนมกันที่บ้าน พอได้เวลา 4 โมงเย็นก็จะแต่งตัวกันสวยสดงดงามตั้งแต่หนุ่มสาวจนถึงผู้เฒ่าผู้แก่ แม่หม้าย แม่ฮ้าง จะแต่งตัวกันสวยงามมาก มีดอกไม้คือดอกเอื้องผึ้งเป็นช่อนำมาปักมวยผม บางคนก็แต่งตัวแบบลานนามีสไบสีสันต่าง ๆ มีลวดลายต่างสี มีฆ้องมีกลอง แห่ฉิ่ง หม้อง ๆ ฟ้อน โจ๊ะโล๊ะดอกข่า ประแป้งอย่างแมวโพง แล้วก็ไปพบกันที่ท่าน้ำช่วยกันขนทรายมาทำเป็นแบบกองเจดีย์ทรายไว้ตามวัดต่าง ๆ พร้อมกับสาดน้ำกันเป็นการสนุกสนาน (ม่วนแต้ม่วนว่า)

วันที่ 15 เมษายน จะเป็นวันพระยาวันของเมืองเหนือเราเป็นประเพณีทำบุญ คือ เอาขันข้าวไปทาน คนโบราณว่าตานกัวะข้าว มีอาหาร ข้าวต้มข้าวหนม ผลไม้ น้ำไปทานอุทิศไปหาผู้ตายไปแล้ว มีมารดา บิดา พ่ออุ้ย แม่เฒ่า ลูกหลาน จัดเป็นกัวะไปตานตอนเช้าแล้วเลยทำบุญตักบาตรและมีตุงไจย ตัดตุงแขวนกับกิ่งไม้ คนโบราณตัดเองไม่ต้องไปซื้อหา นำไปปักที่เจดีย์ทรายและหาไม้ก้ำไม้ศรี (ค้ำต้นโพธิ์) นำมาถวายเป็นตานพร้อมกันแล้วนำไปก้ำต้นไม้ศรี ไม่ใช่ว่าเอามาถึงวัดแล้ว เอาค้ำเลยต้องนำไปถวายตานก่อนแล้วค่อยเอามาค้ำตามประเพณีขนบธรรมเนียมที่ดี งามของสาธุชนทั้งหลาย เพราะการขอขมาลาโทษและให้อโหสิแก่กันไปในตัว แต่ปัจจุบันนี้มุ่งแต่สนุกสนานเป็นส่วนใหญ่ จะมีก็ในวงศ์ตระกูลของใครของมันเท่านั้น พวกเกเรอันธพาลก็เมาสุรา ลวนลามแล้วก็มีเรื่องต่อกัน ทุบตีกัน อย่างนี้เรียกว่าเกินขนบประเพณีไป

วันที่ 16 เมษายน
เข้ามาเป็นวันขึ้นปีใหม่เราเรียกว่า วันปากปี ปากวัน ติดต่อกันสามวันต่อจากนั้นก็เป็นวันธรรมดา แต่มีประเพณีของพระสงฆ์สามเณรจะต้องไปขอขมาลาโทษดำหัวพระสงฆ์ผู้อาวุโสผู้ แก่พรรษาพระผู้ใหญ่ ตามวัดต่าง ๆ นำคณะพระเณรและศรัทธาไปคารวะเป็นวัด ๆ ไป แม้วันสงกรานต์ปีใหม่จะผ่านไปหลายวันแล้วก็ตาม แต่ประเพณีควรจะยังทำกันต่อไปอยู่ตลอด บางแห่ง จนหมดเดือนเมษายนเลยก็มี

ในบางแห่งวันปากปีจะมี การทำบุญสิบชะตา สะเดาะเคาระห์กันถือว่าทำต้นปีจะได้คุ้มครองไปตลอดปีนิยมกันมากนิยมฟังธรรม สารากริวิชาสูตร คือฟังธรรมสืบชะตา บางหมู่บ้านพระไม่ว่างเลยทั้งวัน

วันเนาว์ หรือวันเน่า

  “ วันเนาว์ ” เมืองเหนือเรียกว่า “ วันเน่า ” เป็นวันที่มีประเณีทางศาสนาคล้ายเช่นการขนทรายเข้าวัดและเล่นรดน้ำกันทั่ว ๆ ไป อย่างสนุกสนานเป็นวันที่หนุ่ม ๆ สาว ๆ ไปชุมนุมกันที่หาดทรายที่ใต้สะพานนวรัตน์ หรือที่แม่น้ำปิง และในตอนบ่ายวันเดียวกัน จะมีการจัดขบวนแห่พระพุทธรูปสำคัญประจำเมืองเชียงใหม่ คือ มีการ “ อัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์และพระเสตังมณี อันเป็นพระพุทธรูปสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ ไปตามถนนสายต่าง ๆ แล้ว เข้าสู่บริเวณพุทธสถานแล้วอาราธนาพระพุทธสิหิงค์ และพระเสตังมณี เข้าสู่ที่ประดิษฐานในประลำพิธีที่จัดไว้ ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหารเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้านมัสการสรงน้ำพระพุทธสิ หิงค์และพระเสตังมณีตลอดวัน และจะมีการเล่นรดน้ำกันตามถนนของหนุ่มสาวอย่างสุภาพชนกันจนกระทั่งเย็น

ในวันนี้จะถือว่าเป็นวัน สำคัญ เราจะไม่ทำอะไรที่ไม่เป็นมงคลจะไม่มีการด่าทอ โกรธกันทะเลาะวิวาทกัน โบราณถือว่าบุคคลใดถ้าด่าทอกันแล้ว ปากของบุคคลนั้นจะเน่า เพราะเป็นวันเน่า จะถือเคร่งที่สุด จะไม่ทำอะไรที่ผิดศีลห้า หากมีการทะเลาะกันในวันนี้จะถือว่าไม่เป็นมงคลตลอดปีเลยทีเดียว จะมีแต่การยิ้มแย้มแจ่มใสร่าเริงกัน ทั้งผู้ใหญ่ตลอดจนเด็ก ๆ การขนทรายเข้าวัดในวันนี้จะสนุกสนานกันมาก หนุ่มสาวชาวเหนือจะแต่งกายสวยงามกับแบบพื้นเมือง คือ ผู้หญิงนุ่งผ้าถุงใส่เสื้อคอกลมแขนกระบอก แขนสามส่วนหรือยาวถึงข้อมือ เหล้าผมมวยเหน็บช่อดอกเอื้องผึ้ง หรือ เอื้องคำ อันเป็นเครื่องแต่งกายของสุภาพสตรีชาวเมืองเหนือมาแต่โบราณกาลแล้ว ส่วนพวกหนุ่ม ๆ ก็จะมีการแต่งกายด้วยชุดเสื้อแบบม่อฮ่อมแต่หลากสี จะมีดอกมะลิร้อยเป็นพวงสวมคอ ถือขัน หรือสลุงร่วมกันขนทรายเข้าวัดเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งการแต่งกายแบบพื้นเมืองเหนือในวันนี้เพื่อเป็นการรักษาขนบธรรมเนียมของ เมืองเหนือของเราไว้เพื่อเป็นแบบอย่างให้เยาวชนทั้งหญิงและชายของเราได้ยึด ถือเป็น “ เอกลักษณ์ ” ของเมืองเหนือเราสืบต่อไป

วันเนาว์ หรือวันเน่า นอกจากจะเป็นวันขนทรายแล้วยังเป็น “ วันดา ” หมายถึง จัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ที่จะต้องจัดไปทำบุญใน วันพญาวัน หรือ วันเริ่มเปลี่ยนเป็นศักราชใหม่ จะมีการจัดอาหารขนมส่วนมากจะเป็นขนมของชาวเหนือเราจะมีขนมจ๊อก ข้าวเหนียวแดง ข้าวแตน ข้าวแคบ เป็นต้น วันพญาวันนี้ตอนเช้าจะมีการ “ ทานขันข้าว ” เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ ญาติมิตร บิดามารดา ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว

พิธีทางศาสนาของวันพญาวัน มีการทำบุญถวายแด่พระสงฆ์ แล้วมีการแสดงพระธรรมเทศนาตอนบ่าย เรียกว่า ธรรมอนิสงฆ์ ก๋องเจดีย์ทราย แล้วมีการสรงน้ำพระพุทธรูปที่เป้นองค์เล็กอยู่ในโบสถ์วิหารโดยอัญเชิญออกมา ให้คณะศรัทธาของแต่ละวัดให้นำน้ำขมิ้นส้มป่อย ไปสรงน้ำพระพุทธรูป เป็นอันเสร็จพิธีทาวศาสนาของวันพญาวัน

วันปากปี๋ หรือพิธีดำหัว สำหรับวันปากปีนี้เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญ เช่นเดียวกัน เพราะตามหัววัดต่าง ๆ ที่มีเจ้าอาวาสของวัดที่ยังมีอายุน้อยอยู่ ก็จะได้ร่วมกันกับคณะศรัทธาแต่ละวัดจัดเตรียมของเพื่อจะได้ไปดำหัวพระ ผู้ใหญ่ที่มีอาวุโสมาก ตามวัดต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเชียงใหม่ ของที่จัดทำเพื่อจะนำไปดำหัวพระผู้ใหญ่นั้น จะมีน้ำขมิ้นส้มป่อย ต้นดอก หมากสุ่ม จะมีเครื่องอัฐะบริขารอยู่บ้างพอสมควร ต่อจาก การดำหัวพระเถระแล้วก็จะมีการไปรดน้ำดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่ ปู่ย่า ตายาย บิดามารดา เป็นต้น ก็จะมีเตรียมข้าวของที่นำไปสักการะท่านผู้ใหญ่นั้นก็คล้าย ๆ กันกับที่จัดไปดำหัวพระผู้ใหญ่ตามวัดต่าง ๆ นั้นเอง

กรรมวิธีการขนทรายเข้าวัดเพื่อก่อเจดีย์ทราย
จะมีอุบาสกผู้มีอายุ หรือ ปู่จ๋านของวัด หรือพระภิกษุสามเณรภายในวัดช่วยกันทำโครงร่างเจดีย์โดยจะจัดหาไม้ไผ่มาสาน เป็นขั้นวงกลม ลักษณะเป็นพระเจดีย์ 3 ชั้นบ้าง 5 ชั้นบ้าง 7 ชั้นบ้าง จะทำกันในวันเน่าหรือวันดา

การบรรจุทรายลงบนเจดีย์
ทางวัดจะนำเอาฐานแรกมา วางไว้ก่อนให้คณะศรัทธาขนทรายมาใส่ให้เต็มฐานแรกโน้น ละก็จะนำฐานที่ 2 มาตั้งให้เททรายลงไปอีก เมื่อฐานที่ 2 เต็ม ก็จะนำฐานที่ 3-4-5 มาตั้งขึ้นไปตามลำดับ ก็จะได้เจดีย์องค์หนึ่ง วันพญาวันตอนเช้าที่ศรัทธาประชาชนทั้งหลายได้ตานขันข้าวแล้ว ก็จะนำช่อตุง หลากสีหลายแบบมาปักไว้บนเจดีย์ทรายในตอนบ่ายของวันพญาวัน ก็จะมีปู่อาจารย์ของวัดต่าง ๆ จะนำน้ำขมิ้นส้มป่อยใส่สลุงตั้งไว้หน้าพระประธานในวิหารพร้อมดอกไม้ธูปเทียน เมื่อถึงเวลาพระสงฆ์เจ้าอาวาสก็เป็นประธานขึ้นบนวิหาร ปู่อาจารย์ก็จะนำศรัทธาไหว้พระรับศีลแล้วอารธนาพระปริตรรพระสงฆ์เจริญพระ พุทธมนต์ แบบล้านนา คือ สูตรแบบย่อพอสมควรแก่เวลา บางวัดก็จะเทศนาธรรมอนิสงฆ์ปี๋ใหม่เมืองหนึ่งผูกจากนั้นปู่อาจารย์จะทำพิธี โอกาสเวนทานเจดีย์ทราย ก็เป็นเสร็จพิธีของวันพญาวัน หรือ วันเถลิงศกของปี๋ใหม่เมือง  

คำสำคัญ (Tags): #ปี้ใหม่เมือง
หมายเลขบันทึก: 495821เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2012 11:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 กรกฎาคม 2012 11:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ประเพณีสงกรานต์ล้านนา ==> ปี้ใหม่เมือง ... เมืองเหนือ ==> สนุกที่สุด ...

อนุรักษ์ ... สืบสาน... วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมดีดีนะคะ

 

ขอบคุณบทความดีดีนี้นะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท