การศึกษาไทยในปี 2020


การศึกษาไทยในปี 2020

"การศึกษาไทยในปี 2020"

        เข็มนาฬิกายังคงเดินผ่านตัวเลขเดิมๆไปทุกวันๆ พระอาทิตย์ก็ยังคงทำหน้าที่เหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน คือ ขึ้นและลง นาฬิกาก็ยังคงเดินวนเวียนอยู่ดังเดิม แต่ทำไมคนเรานี่สิ กลับเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ใยไม่เหมือนเดิมเลย อย่าว่าแต่ผู้คนเลย สิ่งที่อยู่รอบๆตัวเรายังเปลี่ยนแปลงไปเลย

        คนที่เปลี่ยนไป ก็เหมือนกับการศึกษาที่นับวันก็ยิ่งพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งเทคโนโลยีมากมาย ที่เรารู้จัก และไม่รู้จัก บางสิ่งบางอย่าง เราไม่เคยเห็นมันด้วยซ้ำ หากมองย้อนไป ในรุ่นพ่อ รุ่นแม่ ในสมัยที่ท่านยังเดินทางไปโรงเรียนด้วย เท้าทั้งสองข้างของท่านเอง ท่านเคยเล่าว่า พ่อและแม่ของท่าน มีบุตรหลายคน เวลาไปโรงเรียนแต่ละที แม่ให้เงินไปโรงเรียน 50 สตางค์ ต้องหารกันตั้งสามคน ในสมัยนั้น ก๋วยจั๊บ ก๋วยเตี๋ยว ก็ไม่แพงอย่างทุกวันนี้หรอก แค่ไม่กี่สตางค์เอง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นแล้ว เมื่อได้มาหนึ่งถ้วย ก็ต้องให้น้องคนเล็กกินก่อน กว่าจะมาถึงพี่คนที่โตที่สุด เหลือน้ำให้ซดบ้างก็บุญโขแล้ว สมัยก่อนนั้นท่านบอกว่าถ้าแม่ของท่านให้เงินไปโรงเรียน 1 บาทในวันนั้นดีใจแทบดิ้นตาย คิดๆดูแล้วก็น่าขำดี เมื่อหันกลับมามองดูเราในยุคการศึกษาของทุกวันนี้ ลองให้เงินเราไปโรงเรียนหนึ่งบาทดูสิ เราดิ้นตายแน่ๆ ไม่ใช่ดีใจแทบดิ้นตายหรอก แต่จะดิ้นตายเพราะมันได้น้อย ก็อย่างว่าในสมัยก่อนอะไรอะไรก็ถูกไปหมด เทียบกับสมัยนี้ ถนนหน้าบ้านยังใช้งบเป็นแสน การศึกษาไทยก็เหมือนกัน พอลูกเริ่มเข้าโรงเรียนก็มาแล้ว ภาระหน้าที่ของพ่อแม่ เปิดเทอมแรก เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ต้องใหม่หมด ถ้าให้ของที่คนอื่นให้มา หรือตกทอดมาจากบรรพบุรุษรุ่นไหนๆ คุณลูกก็ไม่อยากใส่ ร้องไห้ใหญ่เลย ยิ่งลูกบางคนถ้าให้เข้าโรงเรียนบ้านนอกๆหน่อยก็ไม่เอา มันไม่หรู ไม่ไฮโซ ไม่คิดดูบ้างเลยว่าวันๆลูกไปโรงเรียนที่ไฮโซๆ แต่พ่อแม่ หิวโซอยู่ที่บ้าน เมื่อคุณลูกโตขึ้นภาระก็เริ่มมีมากขึ้นเพราะ โรงเรียนในประเทศเรา หรือประเทศอื่นๆก็ตามแต่ ต้องมีการเปลี่ยนชุดในแต่ละระดับเสมอ มีทั้ง อนุบาล ประถม มัธยม แล้วก็หนักสุด ระดับปริญญา ยิ่งทุกวันนี้การศึกษาไทยก้าวหน้าไปมาก ก็นับว่าโชคดีที่ไทยเราพัฒนาไปพร้อมกับประเทศอื่นๆ ไม่ล้าหลังจนเกินไป เหมือนประเทศอื่นเขามีแท็บเล็ท เป็นสื่อการเรียนการสอน ไทยเราก็เริ่มมีการนำเข้ามา และเริ่มมีใช้แล้วในบางโรงเรียนที่ดูดีกว่าบางแห่ง แล้วเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองทั้งนิดหน่อย มาก ถึงมากที่สุดล่ะ เขาจะเรียนกันยังไง แต่ก็ยังดีที่ไทยเราเริ่มมี 3G เข้ามาใช้แพร่หลายในประเทศแล้ว โรงเรียนที่ทุรกันดารหน่อย หรืออยู่บนดอยเลย ก็เลยยังพอมีสื่อการเรียนที่ให้เขาได้รับรู้เรื่องการศึกษาบ้าง ทุกวันนี้สื่อการเรียน การสอนไทย ก็ก้าวล้ำไปมาก ไม่เหมือนแต่ก่อน พอให้เด็กนักเรียนทั่วทั้งประเทศมีไอคิวสู้ชาวต่างชาติได้บ้าง เมื่อเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาก็มีทั้งข้อดี และข้อเสียอยู่แล้ว ทุกวันนี้ ประเทศไทยเรา การศึกษาของเด็กไทยเราก็ยังเท่านี้แล้วในอนาคต พวกเขาจะเป็นอย่างไร ในยุค 2020 เราอาจจะมีห้องเรียนบนท้องฟ้าก็ได้ ประมาณว่า นั่งเรียนบนก้อนเมฆ เป็นการเรียนเพื่อสำรวจธรณีวิทยาอะไรทำนองนั้น ในยุคนั้นนักเรียนเราอาจเก่งติดอันดับโลก เพราะคนไทยก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าชาติใด บางครั้งนักเรียนที่เรียนอยู่บนดอย หรือพื้นที่ห่างไกลความเจริญ เขาอาจจะมี โรงเรียนอินเตอร์ที่สวยที่สุดก็ได้ โลกอนาคตนั้นไม่มีใครคาดคิดได้อาจจะสวยงามไปทุกอย่าง หรือเทคโนโลยีอาจจะทำให้การศึกษามีการคดโกงกันมายิ่งขึ้นก็ได้

           ความเจริญของวัตถุนั้น ต่อให้เจริญไปเช่นไร แต่ถ้าจิตใจคนในสังคม ไม่ได้พัฒนาขึ้นในทางที่ดีเลย เทคโนโลยีที่ทันสมัยก็คงไร้ประโยชน์ ถ้าการศึกษาไม่ได้แทรกซึม เข้าไปในจิตสำนึก ของบุคคลที่เรียนเลย ถ้าบุคคลในสังคมนั้นๆนำไปใช้ไม่ถูกทาง เฉกเช่น เราใช้เทคโนโลยี และความรู้ที่เรามี พัฒนาปรมาณู ถ้าเราใช้วัตถุนั้น ปกป้องบ้านเมือง ก็คงดี หากเราใช้มันทำลายล้างมนุษย์ที่ร่วมโลกเดียวกัน ความรู้ที่ได้มานั้น คงสูญเปล่า

หมายเลขบันทึก: 494304เขียนเมื่อ 10 กรกฎาคม 2012 14:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 กรกฎาคม 2012 10:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบคุณ คุณอริษา แสงอ่อน มากเลยน่ะค่ะ ที่มาให้ดอกไม้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท