เอกสารหรือสื่ออ้างอิง (references) : http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1585&CatID=1
อ่านแล้วรู้สึกชอบมากเพราะทำให้เราคลายกังวลและเข้าใจสัจธรรมในชีวิตมากขึ้น
การที่จะหลุดพ้นนั้นต้องปล่อยวางเหรอครับ
@ อภิสิทธิ์ การที่จะปล่อยวางได้นั้น ก็เป็นผลมาจาก ปัญญาที่รู้เห็นตามความเป็นจริงว่าสรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป เมื่อเราบ่มปัญญาเช่นนี้อยู่เนืองๆแล้ว ปัญญาจะก่อให้เกิดญาณ ซึ่งญาณจะเป็นตัวนำพาให้หลุดพ้นตามลำดับของภูมิธรรมนั้นเองแต่การที่เราจะสามารถพัฒนาปัญญาให้คมกล้าพอที่จะตัดกระแสได้ ก็ต้องอาศัยสัมมาสมาธิ (ฌาน) แต่การที่เราจะดำรงสมาธิให้ตั้งมั่นได้ จิตใจของเราก็ต้องไม่กระสับกระส่ายจากเรื่องขุ่นมัวต่างๆ ซึ่งการที่เราจะมีจิตที่ไม่ขุ่นมัว ก็เพราะเราได้ประพฤติตัวมาดี(ศีล) จึงทำให้ไม่ต้องมีเรื่องคอยกวนใจมากนัก ซึ่งสรุปแล้วก็จะเห็นว่า ถ้าเรามี ศีลดีเราก็จะตั้งสมาธิได้ดี(สมถะ) เมื่อเรามีสมาธิดี เราก็จะมีกำลังพอในการตามรู้เห็นสิ่งต่างตามกฎไตรลักษณ์(วิปัสสนา) จนเกิดเป็น ญาณ(การเข้าใจลึกซึ้ง) ในการนำพาให้ออกไปได้
สัจธรรมแห่งชีวิต (*/*)
อ่านแล้วปลง :)
อ่านแล้วเข้าใจชีวิตมากขึ้นนา : ))
คงทำให้บรรลุยาก ครับท่าน เป็นคนที่ไม่ค่อยมีสมาธิ แต่ไม่สั้นครับ
@ คุณแว่นธรรมทอง อย่าเพิ่งท้อนะครับ ทุกๆครั้งที่ปฏิบัตินั้น เป็นการชำระสิ่งที่ไม่ดีออกจากใจเรา ก็เหมือนกับ น้ำที่มันหยดลงบนหินยิ่งหยดมากๆ บ่อยๆ สักวันมันก็ต้องแตก ครับ ขอเพียงคุณเชื่อมั่นในตัวเอง เมื่อคุณเห็นผล(มหาสติ)ที่มันเกิดขึ้นแล้ว ย่อมทำให้คุณอยากที่จะปรารถนาในภูมิธรรมขั้นสูงขึ้นไปครับ
บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอนถ้ามองจากตรงนี้
พวกเราทั้งหลายล้วนแต่ไร้ซึ่งชีวิต นับถือแต่กำเนิดมา มรณะทั้งหลาย ล้วนแต่อยู่เบื้องหน้าการก่อเกิด
หากกามีชีวิตคือการรับรู้ซึ่งบางสิ่งเรื่อยไปแล้วไซร้ สิ่งซึ่งเราจักได้รับรู้ในห้วงสุดท้ายนั้น ก็มิใช่สิ่งอื่นใดนอกจากมรณะ ได้ค้นพบมรณะ ได้รู้แจ้งถึงมรณะ นั่นแหละไซร้คือมรณะ อิอิ ^^
ดีมากฮะ