จากการจัดการศึกษาแบบไทย ๆ ที่ผ่านมา พบว่าผลจากการปรับเปลี่ยนหลักสูตรการศึกษา มาหลายครั้ง ทำให้เกิดการพลิกเปลี่ยนโฉมหน้าระบบการศึกษาไปอย่างมากมาย เปรียบเทียบจากหลักสูตรเก่าที่เน้นคนเก่งวิชาการ แต่ไม่เก่งวิชาชีพ เก่งทฤษฎีแต่ไม่้เก่งปฎิบัติ ผลผลิตจึงล้นตลาดตกงานกันเป็นแถว ที่เก่งจริงก็ไหลไปทำงานต่างประเทศ(สมองไหล)เพราะค่าตอบแทนไม่เป็นที่น่าสนใจ มาสู่หลักสูตรปัจจุบันที่เน้นการรู้จริง ทำจริง รู้เรื่องใกล้ตัวมากกว่าเรื่องไกลตัวที่จับต้องไม่ได้มาสู่เรื่องที่จับต้องได้ในชีวิตจริง
จะเห็นว่าปัจจุบันสถานศึกษาผลิตเยาวชนคนรุ่นใหม่ป้อนสู่ตลาดแรงงานได้ตรงกับความต้องการมากขึ้น เด็กรุ่นไหม่เก่งเทคโนโลยี แต่ไม่เก่งทักษะสัมพันธภาพระหว่างคนด้วยกัน วัันๆแทบจะไม่ได้พูดกับใคร
ถ้าจะให้ดีควรเสริมหลักสูตรสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวกับการสื่อสัมพันธ์ในกลุ่ม ต่างกลุ่มโดยจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้พบปะกับเพื่อนนักเรียนสาขาเดียวกับต่างสถาบันกัน ภายใต้การดูแลของครูที่รับผิดชอบแต่ละโรงเรียนเฝ้าดูแลอย่างเท่าทัน อย่าให้เด็กหลอกได้นะครู (แก้ปัญหาเด็กเขม่นกัน ตีกันระหว่างสถาบันได้)
คิดว่าการศึกษาแบบไทย ๆ ทำได้ไม่ยาก เพียงปรับที่ผู้นำหลักสูตรไปใช้ก่อน(ครู-บุคลากรทางการศึกษา)ให้รู้เท่าทันหลักสูตร รวมถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่พัฒนาเปลี่ยนไปทุกวัน แล้วนำมาถ่ายทอดให้กับผู้เรียนต่อไปอย่างให้รู้จริง ถ่องแท้ให้สมกับวิทยฐานะเงินประจำตำแหน่งที่ลงทุนซื้อมา-จ้างมา/ทำมา แล้วมาเดินสวนไปมาในโรงเรียน ถ้าทำไม่ได้ก็ควรพิจารณาต้วเอง ซึ่งผู้ดูแลครูอีกเล่า ก็ควรมีมาตรการที่เข้มข้น ในการตรวจสอบการทำงานของครูให้เหมาะสมกับการมีรายได้ที่สูงขึ้นด้วย แค่นี้อนาคตของชาติก็วางใจได้แล้วว่าออกมาดีมีคุณภาพแน่ ๆ
เด็กเก่งเทคโนโลยี่ แต่ตก สังคม ตั้งแต่อยู่ในบ้าน เลยนะคะ
แทบจะไม่คุยกับพ่อแม่ ญาติๆเลยหละค่ะ
ขอบคุณ สำหรับบทความดีดีนี้นะคะ
แวะส่งต่อกำลังใจคะ พี่วราวัลย์
เล็งเห็นถึงปัญหานี้เช่นกันคะ
ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีทำให้
เกิดช่องว่าง ทั้งต่อคนในครอบครัวและคนรอบข้าง
น่าจะดีกว่านี้หากใช้อย่างพอดี และมีการส่งเสริมในการทำกิจกรรมร่วมกัน
ของคนในสังคม เสริมสร้างความรักความสามัคคีเพิ่มขึ้น
อะแง้ ๆ ...เพิ่งเปิดดูบทความเห็นข้อความและกำลังใจมาแล้วขอบคุณค่ะ
หายไปจากจอเรด้าร์หลายเพ-ลา...เพราะไปจัดโครงการอบรมทัศนศิลป์ให้เด็กนักเรียนประถม-มัธยมศึกษาตอนต้นค่ะ
ตอนนี้ข้าพเจ้าเป็นอิสระแล้ว ฮิ๊ววววววๆๆๆๆๆๆ
ขอแจมเพิ่มเติมนิ๊ดสสสส...นึงค่ะ จากการสังเกตเด็กนักเรียนของตนเอง และเด็กสถาบันต่าง ๆ ตามร้านเกม ในมุมต่าง ๆ ของบ้านเมือง น่าห่วงค่ะ พ่อแม่ผู้ปกครองสมัยนี้ส่วนใหญ่ ตามเด็กไม่ทัน เกิดอาการเทคโนโลยีถดถอย จึงเกิดช่องว่างระหว่างวัย ความคิด ความเห็น แทบจะพูดกันคนละภาษา ห่วงว่าจะถูกชักจูงไปในทางที่ไม่เหมาะสม อยากให้พูดสื่อสารกันให้มากขึ้น ขยันคิดกิจกรรมให้ทุกคนในครอบครัวมีส่วนร่วมด้วยช่วยกันมากขึ้นอาทิเช่นร่วมทำบุญ ร่วมปลูกต้นไม้ ร่วมบำเพ็ญประโยชน์ตามวัด โรงเรียน ฯลฯ และอีกหลาย ๆ กิจกรรมที่คิดจะสรรสร้างขึ้นมา น่าจะดีนะคะ