ภาพหญิงชราอายุแปดสิบกว่าๆหลังค่อมรูปร่างอุ้ยอ้ายกำลังเข็นเก้าอี้ที่เสริมล้อเล็กๆ บนเก้าอี้มีปิ่นโตอาหารที่จะนำมาถวายภัตตาหารในตอนเช้าที่วัดป่าแห่งหนึ่งของจังหวัดหนองคาย ทำให้ฉันมองด้วยความสนใจเมื่อครั้งมีโอกาสไปปฏิบัติธรรมเมื่อห้าปีที่แล้ว ที่ฉันเห็นคุณยายครั้งแรก ฉันหัวเราะคุณยายไม่ใช่เพราะขบขันกับกิริยาท่าทางของท่าน เพียงแต่คิดว่าเป็นภาพที่ดูน่ารักไม่ใช่ตลก
ทุกครั้งที่ฉันไปปฏิบัติธรรมที่นั่น เวลาเช้าของทุกวันเห็นภาพคุณยายจนชินตา กลายเป็นว่าเมื่อไหร่ที่ฉันไม่เห็นคุณยาย ฉันจะถามจากคนที่รู้จักว่าคุณยายท่านหายไปไหน คุณป้าคนหนึ่งก็แซวว่า สงสัยจะชอบคุณยาย เห็นขำทุกครั้ง ฉันก็ยิ้มขำเพราะขำจริงแล้วคราวนี้ ถามมาได้ความว่า คุณยายสุขภาพไม่ดี มีปัญหาเรื่องอาการปวดหลัง และหลังเร่มงอขึ้นทุกวัน ถ้าอาการดีขึ้น ก็จะมาวัดเหมือนเดิม
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ด้วยภาระ หน้าที่ การงาน ถ้ามีเวลาว่าง ฉันก็จะพยายามหาเวลาไปปฏิบัติธรรมเสมอ ส่วนหนึ่งมาจากการอยากพบเจอ พูดคุยกับคุณยายคนนั้นด้วย หัวข้อสนทนาส่วนมากก็ไม่พ้นเรื่องทั่วไป แค่เห็นคุณยายก็ทำให้มีความสุขได้ ยิ้มได้ ให้เห็นมุมมองใหม่ๆ และภาพเกี่ยวกับสังขารของคนเราที่กาลเวลาผ่านไปสภาพร่างกายก็ร่วงโรยไป คุณยายท่านนี้ทำให้รู้ว่า สังขารที่ร่วงโรย ไม่สามารถฉุดให้ไม่สามารถสร้างบุญกุศลได้
หลายท่านคงเคยได้ยินข่าวนี้ เพราะเป็นข่าวที่ดังมากเกี่ยวกับ ลุงเอี่ยม บุคคลที่มีร่างกายไม่ครบสามสิบสอง บริจาคเงินถึงหนึ่งล้านบาทในการทำบุญ นี่คือเรื่องจริง เงินจากคนที่เราเรียกกันว่า คนพิการ
อยากจะสื่อให้เห็นว่า หัวใจ ของคุณลุงเอี่ยม นั้นไม่ได้พิการตามร่างกายเลยเพราะอุปสรรคของการทำคุณงามความดีนั้นไม่ได้เจาะจงอยู่ที่ร่างกายแต่อยู่ที่จิตใจมากกว่า ความดีสามารถทำได้ง่ายมาก เริ่มต้นจากการคิดดี และหลังจากั้นก็จะทำสิ่งดีดีให้เกิดขึ้นตามมาอีกขั้น
บางทีร่างกายที่สวยงามก็ไม่ได้ช่วยอะไร ถ้าหัวใจ พิกลพิการ ทำไมถึงพิการ????? ก็พิการทางความคิดน่ะสิ คนเราถ้าลองได้คิดชั่ว ก็ทำแต่สิ่งชั่วร้ายพบเจอแต่ความมัวหมองไม่จบไม่สิ้น
แต่ถ้า คิดดี ทำดี สิ่งดีดีก็จะเข้ามาในชีวิต อาจจะมาช้าหน่อย แต่มาชัวร์
ขอให้ขยันทำความดีกันให้มากๆค่ะ ชีวิตจะพบเจอหนทางสว่าง เหมือนคำพูดที่ว่า ความดี คือ ประทีบส่องทางของชีวิต ^ ___ ^ อนุโมทนาค่ะ
ไม่มีความเห็น