การเตือนการระบาดศัตรูพืช
หลักการและเหตุผล
ในการป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่ได้ผล ประหยัด และคุ้มค่านั้น สิ่งสำคัญคือการดูแลพืชทุกระยะการเจริญเติบโต ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจตรวจนับอย่างต่อเนื่องเป็นระบบสามารถนำมาใช้วางแผนเตือนการระบาดและป้องกันกำจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์ และหากได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องหลาย ๆ ปี สามารถนำไปพยากรณ์การระบาดล่วงหน้าได้
การพยากรณ์ หมายถึง การคาดการณ์ล่วงหน้าว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อไร การคาดการณ์ที่แม่นยำจะต้องมีข้อมูลหรือประวัติย้อนหลังหลายๆปี (Historical profile) ซึ่งการเก็บข้อมูลจะต้องมีอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยหรือหลายๆปัจจัยบางครั้งการคาดการณ์ก็อาจจะผิดได้
การเตือนการระบาดศัตรูพืช หมายถึง การบอกให้รู้ล่วงหน้าในระยะสั้นๆว่าจะเกิดอะไรขึ้นในฤดูกาลนั้น ๆ (Seasonal profile) ซึ่งการเตือนการระบาดนี้จะได้จากประสบการณ์หรือในการเก็บข้อมูลในปีที่ผ่านมาโดยปกติแล้วการเตือนการระบาดของศัตรูพืชจะพิจารณาตามระยะของการเจริญเติบโตของพืชซึ่งศัตรูแต่ละชนิดมักจะเลือกเข้าทำลายตามช่วงที่มันชอบ ยกเว้นศัตรูพืชบางชนิดจะทำลายได้ตลอดฤดูการเพาะปลูก
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายจะเจริญเติบโตได้ดี หรือแพร่พันธุ์ได้มากน้อยแค่ไหนจะต้องเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ มากมาย และตามความต้องการของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ ปัจจัยที่คิดว่าน่าจะมีอิทธิพลมากได้แก่
1. พันธุ์พืช เป็นอาหารของศัตรูพืช พืชที่ไม่สามารถทนทานหรือต้านทานต่อการเข้า
ทำลายของศัตรูพืชได้ก็จะได้รับความเสียหายและสูญพันธุ์ไปการพิจารณาพันธุ์พืชจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญประการแรก
2.ความชื้น ความชื้นในที่นี้หมายถึงความชื้นสัมพัทธ์ซึ่งความชื้นสัมพัทธ์จะมีความสัมพันธ์กับฤดูกาลมากเช่น ฤดูฝนมักจะพบว่ามีความชื้นสัมพัทธ์สูง กว่าฤดูกาลอื่นๆ ความชื้นสัมพัทธ์ที่เกิน 80 % จะส่งผลให้เกิดโรคพืชและแมลงบางชนิดระบาดมากขึ้นตัวอย่างเช่น โรคไหม้เป็นต้น
3. ฝน เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการระบาดของศัตรูพืชทั้งทางบวกและทางลบ ตัวอย่างเช่นหอยเชอรี่ ที่ลอยไปตามน้ำเนื่องจากฝนตก การแพร่ระบาดของหนู เนื่องจากน้ำท่วมบริเวณที่อยู่อาศัย การเกิดโรคต่างๆ หลังฝนตก เช่นโรครากเน่า โคนเน่า และรวมไปถึงโรคพืชบางชนิดที่เกาะอาศัยตามใบและ ลำต้น เป็นต้น
4.ลม ทิศทางและความเร็วของลมมีผลต่อการแพร่กระบาดของศัตรูพืชให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
5.อุณหภูมิ อุณหภูมิ เป็นปัจจัยหนึ่งของสิ่งมีชีวิตซึ่งทั้งพืชหรือสัตว์ต้องการ แต่ความต้องการของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น จะแตกต่างกัน บางชนิดมีความต้องการอุณหภูมิสูง บางชนิดต้องการอุณหภูมิต่ำ ขอยกตัวอย่างประกอบให้เห็นถึงความแตกต่าง เช่น โรคราแป้ง โรคราน้ำค้าง ต้องการอุณหภูมิต่ำ โรคไหม้ต้องการอุณหภูมิปานกลาง คือ 20-28 องศาเซลเซียสเป็นต้น
6.ระยะการเจริญเติบโตของพืช ช่วงการเจริญเติบโตของพืชต่างๆจะเป็นตัวกระตุ้นให้ศัตรูพืชแต่ละชนิดเข้าทำลายในระยะหนึ่งของพืชเท่านั้น เช่น การเข้าทำลายของเพลี้ยไก่แจ้ทุเรียนจะเข้าทำลายเฉพาะในช่วงทุเรียนแตกยอดอ่อน และใบอ่อนเท่านั้น
7. ความหนาแน่นของพืชต่อหน่วยพื้นที่ การปลูกพืชที่แน่นหรือชิดมากเกินไป ไม่เพียงแต่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการแย่งอาหารและเป็นที่อยู่อาศัยของศัตรูพืชอีกด้วย
8.สภาพพื้นที่ปลูก พืชที่ปลูกแต่ละชนิดต้องการสภาพดิน ระดับดิน ความสมบูรณ์ของดินที่แตกต่างกัน ซึ่งทั้งหมดจะมีผลโดยตรง ต่อการเจริญเติบโตของพืชถ้าพืชอ่อนแอ ก็ง่ายต่อการเข้าทำลายของศัตรูพืช
9. ศัตรูธรรมชาติ หมายถึงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกับพืชและสัตว์อื่น ๆ เป็นตัวสาเหตุทำให้เกิดการตายของพืชหรือสัตว์นั้น ได้แก่ ตัวห้ำ (Predators) ตัวเบียน (Parasites) และเชื้อโรค (Pathogens)
10.มาตรการดูแลรักษาพืชของเกษตรกร มาตรการดูแลรักษาพืชในที่นี้หมายถึงแนวทาง/การปฏิบัติที่สนับสนุนให้พืชเจริญเติบโต ได้ผลผลิตและทนทานต่อการเข้าทำลายของศัตรูพืช ได้แก่
11 ปุ๋ย เป็นอาหารที่สำคัญของพืช ซึ่งได้แก่ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยพืชสดปุ๋ยอินทรีย์เป็นต้น ปุ๋ยเหล่านี้ทำให้พืชแข็งแรงเจริญเติบโตได้ดี และให้ผลผลิต ความต้องการปุ๋ยหรือธาตุอาหารในช่วงต่าง ๆ ของการเจริญเติบโตก็จะแตกต่างกันไป การใส่ปุ๋ยเคมีมากก็มีผลต่อการเจริญเติบโตของโรคและแมลงได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่นการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมากในระยะกล้าของข้าวจนถึงระยะแตกกอ จะทำให้เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและโรคไหม้ระบาดเป็นต้น
12 น้ำ น้ำเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พืชเจริญเติบโตและน้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของพืชและสัตว์ถ้าขาดน้ำจะทำให้พืชและสัตว์อ่อนแอ ง่ายต่อการเข้าทำลายของศัตรูพืชได้ และอีกประการหนึ่งน้ำยังช่วยละลายธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช แต่ถ้าน้ำมากเกินไปก็จะทำให้พืชตายได้เช่นกัน และอาจเป็นตัวนำโรคให้แพร่กระจายหรือระบาดได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่นถ้ามีน้ำมากเกินไป โอกาสการเกิดโรครากเน่า-โคนเน่าก็จะมีมากขึ้น
13 การเขตกรรม การไถพรวน การเตรียมแปลงที่ดี รากพืชได้รับอากาศมากขึ้นลดการเกิดโรครากเน่า -โคนเน่า และทำลายศัตรูพืชในดินบางชนิดอีกด้วย
14 การติดตามสถานการณ์ระยะต่าง ๆ ของการเจริญเติบโตของพืช การสำรวจเป็นประจำจะทำให้รู้ปัญหาและหาทางป้องกันการแพร่ระบาดศัตรูพืชได้
15 การปฏิบัติการต่างๆด้านการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชของเกษตรกร เช่นการป้องกันกำจัดศัตรูพืชโดยวิธีต่างๆ
- การวินิจฉัย
- เครื่องพ่นสารเคมี
- ฯลฯ
แนวทางการสำรวจตรวจตรวจนับศัตรูพืช/ศัตรูธรรมชาติ
1. การสุ่มสำรวจตรวจนับ
ในการสำรวจแปลงจุดสุ่มสำรวจ (Sampling Unit) ระยะห่างระหว่างจุดควรดูความเหมาะสมของแปลง ถ้าแปลงมีพื้นที่กว้างจุดควรอยู่ห่างกันพอสมควร โดยการกำหนดก้าวเดิน เช่น 5 หรือ 10 ก้าวต่อหนึ่งจุดสำรวจ ทั้งนี้จุดสำรวจตรวจนับฯ ควรจะกระจายครอบคลุมพื้นที่แปลงปลูก ถ้าเป็นแปลงที่ยกร่อง จุดควรเรียงเป็นแถว ไปตามความยาวของแปลง จำนวนจุดไม่ควรน้อยกว่า 10 จุดต่อ 1 แปลง สำรวจยิ่งมากจุดความถูกต้องก็ยิ่งมีมากขึ้น ในกรณีที่จำนวนศัตรูพืชที่สำรวจพบมีปริมาณมากเกินกว่าสัดส่วน 1:5 (ศัตรูธรรมชาติ : ศัตรูพืช) ควรสำรวจซ้ำอีกครั้ง โดยเปลี่ยนทิศทางการเดินเพื่อความถูกต้องในการตัดสินใจหาวิธีการกำจัด
หมายเหตุ : การสำรวจควรสำรวจทุกต้นภายในระยะ 1 ตารางเมตร
2. วิธีการสำรวจตรวจนับ
แมลง นับจำนวนที่พบในแต่ละชุด
โรค สำรวจการเกิดโรคในแต่ละจุด ถ้าพบใส่ 1 มาพบใส่ 0
สัตว์ศัตรูพืช เช่น
หนู สำรวจร่องรอยการทำลายในแต่ละจุด ถ้าพบ ใส่ 1 ไม่พบใส่ 0
หอยเชอรี่ นับจำนวนตัวหอยรอบจุดสำรวจ พื้นที่ 1 ตารางเมตร
กลุ่มไข่หอยเชอรี่ นับจำนวนกลุ่มไข่รอบจุดสำรวจ พื้นที่ 1 ตารางเมตร
3. ขนาดแปลง 1-2 ไร่ สำรวจ 10 จุด กระจายทั่งแปลง นาดำ 1 กอ ต่อจุด นาหว่าน 10 ต้น ต่อจุด
4. เกณฑ์การตัดสินใจ
4.1 การสำรวจครั้งแรก ถ้าพบศัตรูพืชมีปริมาณน้อย ปัจจัยอื่น ๆ ไม่เหมาะสมต่อการเพิ่มประชากร เช่น สภาพแวดล้อม อายุพืช ศัตรูธรรมชาติมีมาก (อัตราส่วนของศัตรูธรรมชาติต่อศัตรูพืช 1: 5 ตัว) การกระจายตัวของศัตรูพืชน้อย
การปฏิบัติ รอดูข้อมูลในการสำรวจครั้งต่อไป
4.2 กรณีพบศัตรูพืชมีปริมาณมากรและปัจจัยอื่น ๆ เหมาะสมต่อการระบาดเพิ่มมากขึ้น
การปฏิบัติ ให้เดินสำรวจอีกครั้งโดยเปลี่ยนทิศทางการเดินใหม่(เส้นทแยงมุมแล้ว) แจ้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. ให้ประชาสัมพันธ์ ให้เกษตรกรข้างเคียงทราบสถานการณ์หรือพิจารณาเลือกช่องทางประชาสัมพันธ์ ตามความเหมาะสม
4.3 กรณีสำรวจพบศัตรูพืช มีการระบาดรุนแรง ทำให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิต
การปฏิบัติ วางแผนการป้องกันกำจัดโดยเร่งด่วน
4.4 การสำรวจครั้งต่อไป การปฏิบัติเหมือนครั้งแรก
4.5 ใช้วิธีวิเคราะห์ ข้อมูลตามวิธีการโรงเรียนเกษตรกร
วิธีการสำรวจตรวจนับใน 5กลุ่มพืช
- ขนาดแปลงและจำนวนจุดที่สำรวจ
ไม้ผล พื้นที่สำรวจ แปลงละ 3 ไร่ ขึ้นไป
- สำรวจแปลงละ 10 ต้นๆละ 4 ทิศๆ ละ 5 ใบ หรือ ยอด หรือ ดอก ต่อต้น รวม 20 ใบหรือยอด หรือดอก ต่อต้น กระจายทั่วแปลง
ข้าว พื้นที่สำรวจ แปลงละ 1 –2 ไร่ ขึ้นไป
- สำรวจแปลงละ 10 จุด นาดำ 1 กอ /จุด นาหว่าน 10 ต้น /จุด กระจายทั่วแปลง
พืชผัก พื้นที่สำรวจ แปลงละ 1- 2 งาน ขึ้นไป
- สำรวจแปลงละ 10 จุด กระจายทั่วแปลง
พืชไร่ พื้นที่สำรวจ แปลงละ3
ไร่ ขึ้นไป
- สำรวจ แปลงละ 10 จุด กระจายทั่วแปลง
ไม้ดอก-ไม้ประดับ พื้นที่สำรวจ ประมาณ 1 งาน
- สำรวจ แปลงละ 10 จุด กระจายทั่วแปลง
หมายเหตุ ศัตรูพืชบางชนิดจำนวนจุดที่สำรวจหรือวิธีการสำรวจแตกต่างไปจากนี้ ให้ดูรายละเอียดในตารางชนิดศัตรูพืชที่สำคัญและวิธีการสำรวจ / ตรวจนับ
ตารางชนิดศัตรูพืชที่สำคัญและวิธีการสำรวจ / ตรวจนับ
ชนิดพืช |
ชนิดศัตรูพืช |
วิธีการสำรวจ / ตรวจนับ |
ไม้ผล ทุเรียน เงาะ ลองกอง มะม่วง มังคุด ส้มเขียวหวาน ลำไย ลิ้นจี่ |
หนอนชอนใบ หนอนกินใบ ไรแดง เพลี้ยไก่แจ้ หนอนกินดอก เพลี้ยจักจั่นมะม่วง เพลี้ยจักจั่นฝอย เพลี้ยไก่แจ้ส้ม หนอนแก้ว-ส้ม มวนลำไย ไรกำมะหยี่ |
- นับจำนวน ศัตรูพืช ที่เข้าทำลายตามส่วนต่างๆของพืช |
เพลี้ยไฟ |
-เคาะตัวเพลี้ยไฟ จากยอด หรือใบอ่อน หรือช่อดอก ลงบนกระดาษขาว แล้วนับจำนวน ตัว |
|
หนอนเจาะเมล็ดทุเรียน |
- ใช้กับดักแสงไฟสำรวจตัวเต็มวัย - สำรวจไข่ผีเสื้อที่ผลทุเรียนทั้งต้น หรือผลที่ถูกทำลาย |
|
-หนอนด้วงยาวเจาะลำต้นทุเรียน |
-สำรวจดูร่องรอยการเจ้าทำลายที่ต้นและกิ่งใหญ่ ทุกกิ่ง -สำรวจตัวเต็มวัย |
|
-หนอนเจาะผลทุเรียน |
-นับจำนวนผลที่พบการทำลายทุกผล / ต้น |
|
- โรคราใบติด โรคราแป้ง โรคแอนแทรกโนส โรคแคงเกอร์ โรคใบไหม้ |
-สำรวจที่ใบ / ดอก / ผล คิดเป็น % (เปอร์เซ็นต์ ) ของ ของโรคที่เกิดต่อต้น |
|
- ผีเสื้อมวนหวาน |
- สำรวจผีเสื้อตัวเต็มวัยในกับดัก |
|
- แมลงวันผลไม้ |
- สำรวจแมลงในกับดัก |
|
-โรครากเน่า-โคนเน่าทุเรียน |
- นับจำนวนต้นที่เป็นโรคทั้งแปลงใส่ผลรวม |
ชนิดพืช |
ชนิดศัตรูพืช |
วิธีการสำรวจ / ตรวจนับ |
|
ข้าว |
หนอนม้วนใบ แมลงสิง หนอนกระทู้กล้า เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล แมลงหล่า |
-นับจำนวนศัตรูพืชที่พบ / จุด
|
|
หนู |
- สำรวจร่องรอย การทำลายของหนูทั้งแปลง พบกี่จุดใส่เป็นผลรวม |
||
หอยเชอรี่ |
-นับจำนวนไข่ หรือตัวหอย ที่พบ ทั้งแปลงใส่เป็นผลรวม |
||
โรคไหม้ โรคใบหงิก (โรคจู๋) โรคใบจุดสีน้ำตาล โรคเมล็ดด่าง |
- นับจำนวนใบ หรือ รวงที่เกิดโรค จุดละ 10 ใบ หรือรวง |
||
พืชไร่ อ้อย |
หนอนกอ ด้วงหนวดยาว |
- สำรวจต้นที่แสดงอาการ ยอดเหี่ยว ทั้งแปลง ใส่ผลรวม |
|
โรคใบขาว โรคเหี่ยวเน่าแดง |
- สำรวจต้นที่แสดงอาการ ทั้งแปลง ใส่ผลรวม |
||
ถั่วเหลือง |
หนอนเจาะฝัก หนอนกระทู้ผัก หนอนหลอดหอม |
-นับจำนวนตัว / จุด |
|
โรคราสนิม โรคใบจุดนูน |
-สำรวจอาการของโรคคิดเป็นเปอร์เซนต์ต่อต้น |
||
หนู |
-สำรวจร่องรอย การทำลายของหนูทั้งแปลง ใส่ผลรวม |
||
พืชผัก พืชตระกูลกะหล่ำ |
หนอนใยผัก ด้วงหมัดผัก หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม หนอนคืบกะหล่ำ |
-นับจำนวนศัตรูพืชที่พบ ต่อ จุด |
|
…………………. ตระกูลพริกมะเขือ |
โรคใบจุด โรคราน้ำค้าง |
- สำรวจอาการของโรคคิดเป็นเปอร์เซนต์ต่อต้น |
|
หนอนเจาะผล |
-นับจำนวนตัว / จุด |
||
เพลี้ยไฟ |
- เคาะตัวเต็มวัยลงบนกระดาษขาว นับจำนวนตัว / จุด |
||
โรคเหี่ยว |
-สำรวจทั้งแปลง นับจำนวนต้นที่เป็นโรคใส่ผล รวม |
||
โรคแอนแทรกโนส |
-สำรวจอาการของโรคคิดเป็นเปอร์เซนต์ต่อต้น |
ชนิดพืช |
ชนิดศัตรูพืช |
วิธีการสำรวจ |
ตระกูลถั่ว
|
หนอนเจาะฝัก |
-สำรวจฝักที่ถูกทำลายต่อต้น |
หนอนแมลงวันเจาะลำต้น เพลี้ยอ่อน |
-สำรวจต้นที่ถูกทำลาย / แปลง |
|
โรคราสนิม โรคราน้ำค้าง |
-สำรวจอาการของโรคคิดเป็นเปอร์เซนต์ต่อต้น |
|
ตระกูลแตง |
เพลี้ยไฟ |
- เคาะตัวเต็มวัยลงบนกระดาษขาว นับจำนวนตัว /จุด |
โรคราน้ำค้าง |
-สำรวจอาการของโรคคิดเป็นเปอร์เซนต์ต่อต้น |
|
หน่อไม้ฝรั่ง
|
เพลี้ยไฟ |
- เคาะตัวเต็มวัยลงบนกระดาษขาว นับจำนวนตัว /จุด |
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนกระทู้หอม |
-นับจำนวนตัว/ จุด |
|
โรคไหม้ |
-สำรวจทั้งแปลงนับจำนวนต้นที่เป็นโรค ใส่ผลรวม |
|
กล้วยไม้ |
เพลี้ยไฟ
|
-เคาะตัวเต็มวัยลงบนกระดาษขาว นับจำนวนตัว / จุด
|
...................................................................
ไม่มีความเห็น