นักวิชาการไทยส่วนใหญ่เป็นนักถ่ายทอดความรู้ เป้าหมายของการถ่ายทอดคือนักศึกษา และถ่ายทอดแก่สังคมวงกว้าง ความรู้ที่นำมาถ่ายทอดส่วนใหญ่มักรับถ่ายทอดมาอีกต่อหนึ่ง จากตำรา วารสาร หรือจากอาจารย์ของตน หรือจากที่ตนเคยเรียนมา วัตรปฏิบัติของวิชาการแบบถ่ายทอดต่อๆ กันนี้อันตรายมากสำหรับยุคปัจจุบัน ที่ความรู้งอกเร็วเก่าเร็ว และผิดเร็ว หรือ ล้าหลังเร็ว
นี่คือเหตุผลที่นักวิชาการต้องทำวิจัย เพื่อทำให้ความรู้ของตนทันสมัยอยู่ตลอดเวลา และนักวิจัยสายรับใช้สังคมอยู่ในฐานะได้เปรียบ หรือทำวิจัยได้ง่าย (ถ้าทำเป็น หรือได้รับการฝึกฝนที่ดี) เพราะมี “ห้องแหลบ” อยู่ในชีวิตจริงของผู้คน หรือของสังคม/ชุมชน ทั่วไปหมด หยิบเรื่องใดขึ้นมาก็ทำวิจัยได้ หากตั้งโจทย์วิจัยเป็น ยิ่งคิดลำดับความสำคัญเป็น ก็ยิ่งทำวิจัยที่มีคุณค่าสูงได้ไม่ยาก
การวิจัยสายวิชาการ มีเป้าหมายเพื่อขยายพรมแดนความรู้เป็นหลัก เน้นการสื่อสารแลกเปลี่ยน หรือถกเถียงโต้แย้งผลงานวิจัยในหมู่นักวิชาการ จึงถือจารีตการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการเป็นหลัก
แต่การวิจัยสายรับใช้สังคม เน้นการนำเอาความรู้ หรือวิชาการเข้าสู่สังคม หรือเพื่อทำประโยชน์แก่สังคม นักวิชาการสายนี้จึงต้องมีจารีตของการสื่อสารสังคม (social communication) เป็นหลัก ทั้งสื่อสารในวง นักปฏิบัติที่ตนเข้าไปร่วมทำงาน และสื่อสารสู่สังคมวงกว้าง นอกเหนือจากการสื่อสารแลกเปลี่ยนในวงของ นักวิชาการสายรับใช้สังคมด้วยกัน
หากข้อคิดเห็นข้างต้นเหมาะสม หรือใช้การได้ การฝึกฝนหรือสร้างนักวิชาการสายรับใช้สังคมก็ต้อง บรรจุเอาขั้นตอนของการฝึกทักษะสื่อสารสังคม (แก่ผู้คนวงกว้าง) ไว้ด้วย นอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการวิจัย
ซึ่งหมายความว่าต้องมีทักษะในการสื่อสารผ่านหลากหลายช่องทาง ของการสื่อสารสมัยใหม่ และผ่านช่องทางที่ไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด
ทักษะด้านการสื่อสารสังคมของนักวิจัยสายรับใช้สังคม ต้องรวมทักษะด้านจริยธรรมหรือจรรยาบรรณ ของการสื่อสารด้วย เพราะโลกสมัยใหม่ ที่เป็นสังคมทุนนิยม บริโภคนิยม มักใช้การสื่อสารเพื่อโฆษณาชวนเชื่อ สื่อสารสาระ กึ่งจริงกึ่งเท็จ วงการวิจัยต้องไม่เดินตามแนวทางเช่นนั้น วงการวิจัยต้องสื่อสารอย่างระมัดระวัง ไม่เสนอข้อสรุปเกินจริงหรือเกินข้อค้นพบ ส่วนที่เป็นการคาดการณ์หรือมองไปข้างหน้าแบบจินตนาการ ก็ต้องระบุให้ชัดว่าเป็นส่วนของจินตนาการ ไม่ใช่ส่วนของผลงานวิจัย
สรุปว่า นักวิชาการสายรับใช้สังคม นอกจากทำงานสร้างความรู้จากการปฏิบัติจริงและสื่อสารผลงานนั้น ในวงวิชาการแล้ว ต้องสังเคราะห์ความรู้เป็นชุดความรู้แบบเข้าใจง่ายและสื่อสารต่อสังคมวงกว้างด้วย นักวิชาการสายรับใช้สังคมจึงต้องมีทักษะนี้ มีการฝึกฝนทักษะนี้ รวมทั้งฝึกฝนและยึดถือคุณธรรมจริยธรรม ด้านการสื่อสารวิชาการแก่สังคมด้วย
วิจารณ์ พานิช
๒๕ เม.ย. ๕๕
อาคารเฉลิมพระบารมี ซอยศูนย์วิจัย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่
กำลังทำวิจัยเรื่องเกี่ยวกับ "ความรับผิดชอบต่อสังคมของสถาบันอุดมศึกษาไทย" อ่านบทความของอาจารย์ ได้ข้อคิดเตือนใจ และ แนวทาง การทำงานวิจัย ได้มากมายทีเดียว // ขอบพระคุณมากค่ะ