ถุงทองคำบนทางเดินของชีวิต


สำหรับบางคนข่าวร้ายก็คงเป็นแค่เพียงข่าวร้าย แต่สำหรับบางคนข่าวร้ายก็เป็นอะไรที่มากกว่านั้น เป็นอะไรที่ทำให้เราเห็นโอกาสที่ดีในชีวิต เป็นเหมือนถุงทองคำแห่งความหยั่งรู้ ความตื่น ความรู้และหนทางแห่งชีวิตที่มีคุณค่า

ในความเชื่อของศาสนาฮินดู พระศิวะและพระนางศักติเป็นคู่เทพและเทพีที่ทรงอิทธิฤทธิ์ พระศิวะได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งทวยเทพ เทพแห่งชีวิตชีวา เทพแห่งความกรุณา พระนางศักติเป็นตัวแทนของพลังฝ่ายหญิงในจักรวาล

วันหนึ่งขณะพระศิวะและพระนางศักติกำลังนั่งมองดูมายังโลกเบื้องล่าง เทพทั้งสองต่างมองเห็นถึงความทุกข์เข็ญของชาวโลกที่กำลังประสบอยู่ เทพีศักติมองเห็นชายยากจนคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนนอันโดดเดี่ยว เสื้อผ้าเก่ารุ่งริ่ง รองเท้าที่ขาดแล้วแต่ยังถูกใช้งานโดยเชือกที่ผูกมัดมันอยู่อย่างหละหลวม พระนางศักติจึงเกิดความสงสารชายผู้นี้นัก พระนางรู้ดีว่าชายผู้นี้เป็นคนดีแต่เขากำลังเดือดร้อนกระเสือกกระสน พระนางจึงหันไปคุยกับพระสามี (พระศิวะ) เพื่อขอให้ท่านช่วยเหลือโดยการให้ทองคำกับชายผู้นั้น พระศิวะจึงมองไปที่ชายคนนั้นเนิ่นนาน พิจารณาถึงคำร้องของพระเทพี

"เห็นทีจะไม่ได้ น้องรัก" พระศิวะกล่าว

พระนางซึ่งรู้ดีว่าไม่มีอะไรที่พระศิวะจะทำไม่ได้ด้วยอำนาจที่มีจึงกล่าวด้วยความแปลกใจว่า "ทำไมหรือท่านพี่ เราจะแสดงความเมตตากับชายผู้ยากไร้คนนี้ด้วยการให้ทองคำเล็กๆ น้อยๆ กับเขาไม่ได้ล่ะ ในเมื่อเขาเป็นคนดี"

"พี่ไม่อาจให้ทองคำกับเขาได้ เพราะเขายังไม่พร้อมที่จะรับมัน" พระศิวะกล่าวต่อ

พระนางเทวีเริ่มโกรธและถามว่า "ท่านพี่หมายความว่าจะโยนถุงทองคำลงตรงหน้าชายผู้นั้นไม่ได้เชียวหรือ?"

"พี่ทำได้แน่นอน" พระศิวะกล่าว

"ถ้าอย่างนั้น...ทำเลยค่ะ" พระเทวีทรงคาดคั้น

พระศิวะไม่อาจขัดใจพระนางได้อีกต่อไป ในทันใดพระศิวะก็โยนถุงทองคำไว้บนถนนข้างหน้าชายผู้ยากไร้คนนั้น ชายผู้นั้นกำลังเดินไปด้วยความครุ่นคิดว่า...

"เอ...เราพอจะหาอาหารสำหรับมื้อเย็นนี้ได้นี่ไหนนะ หรืออาจจะต้องอดอีกมื้อ?" 

เมื่อเดินมาถึงที่ที่ถุงทองคำวางอยู่ ชายผู้นั้นก็บ่นว่า "ดูนี่สิถุงก้อนหินถุงเบ้อเริ่มเลยเนี่ย ดีแล้วที่มองเห็นมันก่อนไม่อย่างนั้นจะสะดุดถุงหินนี้ล้มทำให้รองเท้าขาดไปพอดี" พูดแล้วเขาก็เดินข้ามถุงนั้นไปด้วยความระมัดระวัง แล้วเดินไปตามทางต่อไป

บ่อยครั้งที่ชีวิตทิ้งถุงทองคำไว้ให้เราบนทางเดิน แต่เราก็คงเป็นเหมือนชายในเรื่องที่ไม่สามารถหรือไม่อาจมองเห็นคุณค่าของมัน เราเดินข้ามถุงทองคำนั้นไปอย่างไม่แยแส และมัวแต่กังวลถึงปัญหาที่อยู่ตรงหน้า...

คนที่มีปัญญาเท่านั้นจะสามารถมองเห็นทองคำที่บรรจุอยู่ในถุงนั้น สำหรับบางคนข่าวร้ายก็คงเป็นแค่เพียงข่าวร้าย แต่สำหรับบางคนข่าวร้ายก็เป็นอะไรที่มากกว่านั้น เป็นอะไรที่ทำให้เราเห็นโอกาสที่ดีในชีวิต เป็นเหมือนถุงทองคำแห่งความหยั่งรู้ ความตื่น ความรู้และหนทางแห่งชีวิตที่มีคุณค่า

หญิงสาวคนหนึ่งอายุยี่สิบกว่าๆ ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง เมื่อก่อนนี้เธอมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเธอเอง แต่หลังจากได้รับข่าวร้าย เธอมีชีวิตอยู่เพื่อช่วยเหลือผู้ร่วมชะตาชีวิตเดียวกันกับเธอ ตอนนี้เธอทำงานเพื่อหาเงินสมทบทุนให้กับศูนย์วิจัยมะเร็ง "ชีวิตที่เป็นมะเร็งของฉันมีคุณค่ากว่าชีวิตที่ไม่เป็นมะเร็งอีก" เธอกล่าว..

การที่จะรู้คุณค่าของถุงทองคำบนทางเดินชีวิต ความรู้ตื่นต่อความเป็นไปได้ในชีวิตเป็นสิ่งจำเป็น ที่ผ่านมาลองคิดดูว่าถุงทองคำของเราคืออะไร เราเจอมันที่ไหน และเราทำอย่างไรกับมัน เก็บมันไว้หรือเดินผ่านมันไปเฉยๆ

ใน g2k ก็มีคนที่มองเห็นข่าวร้ายเป็นถุงทองคำมากมายหลายท่าน เท่าที่ได้อ่านเรื่องราวมาก็หลายคน...

ขอคาราวะด้วยใจจริงค่ะ...

 

 

 

Karunesh - Follow your heart...

หมายเลขบันทึก: 486474เขียนเมื่อ 29 เมษายน 2012 13:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 17:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

.."คิดแบบศิวะ..ที่ว่า..ยังไม่ถึงเวลา.."คงจารู้ว่า..อีตาคนนี้หิว"..ถ้าเมียไม่อ้อนออกให้ๆทองละก็..คงจะให้..ฟ้าดฟู้ด..สักกล่อง...(จาดีกว่ามั้ง..)..ตาแกคนนี้..คงไม่เดินข้ามโอกาศแน่..นะเจ้าคะ..ยายธี

 สวัสดีค่ะคุณปริม...

...เชื่อค่ะว่าทุกคนมีถุงทองที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและคนเราสามารถหยิบยื่นถุงทองจากตัวเองแบ่งปันให้คนอื่นๆได้ เพียงแต่ต้องดูจังหวะโอกาสหรือความจำเป็น(จริงๆ)สำหรับคนๆนั้นค่ะ.

  • เป็นบทความที่ให้ข้อคิดทีเดียวค่ะ  ขอบคุณบันทึกดี ๆ นี้ค่ะ

 

  • อ่านบันทึกไปพร้อมเพลงเพราะ ๆ กับสาระของเรื่องนี้  ใจดูเบา เบา สบาย สบาย ไปด้วยนะคะ  เท่จังค่ะ

(@^____^@)

 

สวัสดีค่ะคุณยายธี

ว่าแล้วเชียว....ตอนพิมพ์เรื่องนี้ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมต้องให้ทองคำ น่าจะให้เสื้อผ้า รองเท้า หรืออาหารมากกว่า อิอิอิ...

แต่ทองคำก็ดีค่ะ พักนี้ทองคำราคาสูงค่ะคุณยาย...;)

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณน้อย

ใช่แล้วค่ะ จังหวะ โอกาส ความตื่น ที่จะทำให้เรามองเห็นทองคำในถุงได้ในวันที่ข่าวร้ายมาเยือน หากเราทำได้ เราจะเป็นคนที่ต่างจากคนอื่นอีกหลายๆคนค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

สวัสดีค่ะคุณปริม ขอบคุณมากค่ะ อ่านแล้วก็ได้หันมามองตน ที่ผ่านมาบ่อยครั้งที่เดินผ่านถุงทองของชีวิต ต้องกลับมาตั้งสติใหม่ ตั้งหลัก ตั้งใจ สุดท้ายก็ได้เก็บถุงทองมาใช้เป็นแหล่งทรัพยากรที่มีคุณค่า ก้าวต่อไปคือความมั่นคง เพียงให้โอกาสตัวเราเองค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ Wahoo_BluESkY,

ขอบคุณมากนะคะที่แวะมาเยี่ยมเยียน ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ :)

สวัสดีค่ะคุณถาวร,

ดีใจด้วยที่พบถุงทองคำของตนเองค่ะ ปริมจะพยายามเปิดตามองให้เห็นค่ะ

ฝันดีนะคะ :)

ถ้าถุงใบนั้นกลายเป็นข้าวห่อน่าจะดี เขาคงไม่เดินผ่านเป็นแน่แท้ แม้แต่พระ้จ้ายังมิเข้าใจสถานการณ์ของผู้ยากไร้เลยเนาะ แต่ ภาพประกอบงดงามมาก เพลงก็เพราะ ขอบคุณกับการแบ่งปันที่งดงามครับ

สวัสดีค่ะคุณ Sarapee,

มิแน่ใจว่าจะโทษพระเจ้าหรือโทษตัวเองที่มองไม่เป็นเองนะคะเรื่องนี้ หากมองไม่เป็น ไม่ตื่นรู้ ถึงเอาห่อข้าวไปวางข้างหน้าเขาอาจคิดว่าเป็นห่อขยะแล้วเดินข้ามไปอีกก็ได้ หากใจปิด

ดีใจที่คุณชอบภาพประกอบค่ะ เป็นภาพเทพและเทพี ประติมากรรมฝาผนังทางขึ้นกุฏิหลวงพ่อท่านเจ้าอาวาสวัดแสนเมืองมาหลวง (หัวข่วง) เชียงใหม่ วัดที่ฉันไปกราบนมัสการหลวงพ่อแทบทุกครั้งที่กลับบ้านค่ะ

Karunesh เป็นศิลปินในแนว new age ที่ฉันชื่นชมผลงานของเขามาก ฟังแล้วผ่อนคลาย มีสมาธิ ดีใจที่คุณชอบค่ะ

ขอบคุณค่ะที่กรุณามาทักทายกัน

...ขอบคุณครับคุณปริม สำหรับผมถุงนั้นมีค่ามากกว่าทองคำเสียอีก เป็นถุงแห่งปัญญา ถุงแห่งการค้นพบความหมายของตัวตน ซึ่งผมเองกำลังเรียนรู้และค้นหาอยู่ต่อไป...

ขอบคุณ Ico128 มากค่ะ ที่ ได้แสดงความคิดเห็นใน http://www.gotoknow.org/blogs/posts/486565 ที่ให้เกียรติดิฉันมากมายป่านนี้ ดิฉันเข้าใจความหมายที่คุณเขียน อ่านแล้วมีความสุข ขอบคุณอีกครั้งจากใจจริง

 แต่ในชีวิตจริง ดิฉัน อาจเป็นยิ่งกว่าชายคนนั้นอีก หากเจอเหตุการณ์อย่างที่คุณเขียนบันทึก " คุณเชื่อมั๊ย ดิฉันไม่มีทองสักบาท ไม่เคยคิดจะซื้อทอง ไม่คิดจะเก็บไม่คิดใส่ ไม่คิดอยากได้  สินสอดทองหมั้น สมัยแต่งงานดิฉันคือฝ่ายสามีหมด เข้ากงสี จนฝ่ายสามีอึ้ง แต่ดิฉันยืนยันเจตนา ถ้าให้ดิฉันเก็บมันจะทุกข์มากกว่า ทุกวันนี้สามีเป็นคนบริหารเงินให้ เพราะดิฉันไม่รู้สึกเห็นคุณค่าของการมีทอง หลายคนคิดว่าทองมีค่า แปลงเป็นเงินได้ เพราะเราไปตีค่าของมัน ให้มันมีค่า พอมีมันแล้วก็ทุกข์ ดิฉันมักจะใช้ชีวิตสมถะเท่าที่ดิฉันจะหาเลี้ยงตัวเองได้ ทองหรือเพชรไม่เคยมีความหมายในชีวิตของฉันเลย  คืออาจด้วย Nature ของฉันเอง  ขนาด ATM ก็เพิ่งหายใบที่ 4 สดๆร้อนๆ 2 วันนี่เอง  จนคุณสามี บอกต่อไปไม่ต้องถืออะไรเลย อยากได้อะไร เดี๋ยวเขาจัดการให้ "  นี่แหล่ะค่ะตัวตน ชลัญ blank ๆ เบลอ ๆ เซอๆ เฮ้อ ....ชลัญ...

สวัสดีค่ะคุณพิชัย

ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะที่ค้นพบถุงแห่งปัญญา ถุงแห่งการค้นพบความหมายของตัวตน

จากหลายๆ บันทึกปริมก็คิดว่าคุณพิชัยทำได้ดีมากๆๆ เลยค่ะ เอาใจช่วยด้วยค่ะ

:)

สวัสดีค่ะคุณชลัญธร

พอดีประทับใจอนุทินของคุณน่ะค่ะ เลยเอาเรื่องนี้มาเล่าเพื่อชื่นชมคนดีดีอย่างคุณ

คุณมีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกคนแล้วค่ะ ปริมก็ไม่ค่อยชอบเครื่องประดับประดาพวกเพชรทองแบบนี้เท่าไหร่ พักหลังมานี้แม้นาฬิกาก็ไม่ใส่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่มีเวลานะคะ  

บางอย่างมีน้อยก็ทุกข์น้อยค่ะ บางอย่างหายไปแล้วโล่งใจก็มี ของนอกกายเหล่านี้ไม่มีความหมายเท่าความรักความผูกพันของคนในครอบครัวหรอกค่ะ คุณชลัญมีลูกสาวและมีคุณสามีที่น่ารัก ก็เป็นครอบครัวที่มีความสุขมากแล้วค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนนะคะ :)

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท