เรื่องเล่า..
หญิงตั้งครรภ์ มาด้วยเจ็บครรภ์คลอด ขาบวม กดบุ๋ม อายุครรภ์ 38 สัปดาห์ ความดันโลหิตขึ้นสูง >190/110 mmHg.ไม่ปวดศีรษะ ไม่มีตาพร่ามัว ตรวจภายในพบปากมดลูกเริ่มเปิด 1 cms. ความบาง 50% แพทย์สั่งยา Drip MgSO4 ยาป้องกันการชัก (โรคแทรกซ้อนที่สำคัญของภาวะนี้คือ ผู้ป่วยชักจากความดันโลหิตขึ้นสูง) และวางแผนยุติการตั้งครรภ์โดยการผ่าครรภ์คลอด
แพทย์ Set ผ่าตัด วิสัญญีพยาบาลเข้าเยี่ยมประเมินผู้ป่วยก่อนดมยาสลบ
วิสัญญีพยาบาล : ประสานขอให้แพทย์ช่วยให้ยาลดความดันโลหิตให้เหลือ ≤160/90 mmHg.ก่อนเริ่มดมยาสลบ
แพทย์ : กลัวทำไม พอทำคลอดเด็กออกมา ความดันโลหิตก็จะลดลงเอง
วิสัญญีพยาบาล : แต่การใส่ท่อช่วยหายใจ จะทำให้ความดันโลหิตขึ้นสูงจาก Stress Response ถ้าความดันสูงมากๆ อาจส่งผลให้เส้นเลือดในสมองแตกได้ (กลัวประเด็นนี้ค่ะ)
แพทย์ : ไม่ต้องกลัวหรอก เด็กออก ความดันลดลงแน่นอน
วิสัญญีพยาบาล : งั้นจะขออนุญาต Consult วิสัญญีแพทย์ที่รพ.มหาราช นม. ก่อนนะคะ (สูติแพทย์ OK) เราจึงโทรศัพท์ Consult วิสัญญีแพทย์ๆบอกว่าก่อนดมยาสลบต้องให้ BP≤160/90 mmHg.โดยให้ยา Nicardipine (ยาลดคามดันโลหิต) 0.5 mg. IV ทุก 15 นาที จนกว่าความดันจะลด และหยุดให้ยา MgSO4 ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 30 นาที (เพราะยาตัวนี้จะเสริมฤทธื์ยาหย่อนกล้ามเนื้อ ทำให้ยาหย่อนกล้ามเนื้อออกฤทธิ์นาน) แต่ถ้าให้ยาแล้วความดันไม่ลด ควรส่งต่อมารักษาที่มหาราช (เพราะเสี่ยงเกินไปที่จะผ่าตัดที่สูงเนิน)
วิสัญญีพยาบาล : แจ้งแพทย์ผ่าตัดรับทราบ แพทย์จึงสั่งให้ยา Nicardipine ตามที่ได้รับ Consult มา
หลังจากให้ยาลดความดันโลหิต 3 ครั้ง ความดันก็ลดลง
จึงส่งผู้ป่วยมาห้องผ่าตัด
วิสัญญีพยาบาลเลือกไม่ใช้ยาที่มีผลทำให้ความดันโลหิตสูง และใช้ยาหย่อนกล้ามเนื้อที่ออกฤทธิ์สั้น สามารถสลายตัวเองได้ และให้ขนาดน้อยๆที่สามารถหย่อนกล้ามเนื้อเพื่อทำผ่าตัดได้
ไม่น่าเชื่อว่า.. ยาสำหรับใส่ท่อช่วยหายใจ (Succinylcholine) ซึ่งปกติออกฤทธิ์ 5 นาทีกลับนานถึง 35 นาที เลือกใช้ Atracurium 10 mg.(ขนาดปกติ 0.5 mg./kg.) สามารถทำผ่าตัดเสร็จได้ (ผ่าตัดใช้เวลาทั้งสิ้น 55 นาที) หลังดมยาสลบผู้ป่วยสามารถกลับมาหายใจเองได้ ตื่นดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อนปลอดภัยทั้งแม่และลูก หลังจากพักฟื้นที่ห้องผ่าตัดเราส่งผู้ป่วยกลับตึก และเริ่ม Drip MgSO4 ต่อจนครบ 24 ชม.ผู้ป่วยนอนรพ.รวม 5 วันจำหน่ายกลับบ้าน นัดตรวจหลังคลอดและประเมินเรื่องความดันโลหิตสูง.. (บางคนเป็นความดันโลหิตสูงเฉพาะเมื่อตั้งครรภ์ บางคนกลายเป็นผู้ป่วยความดันโลหิตสูงต้องรับยาต่อเนื่องตลอด)
(เราจะไม่รับ Set case ถ้าความดันโลหิตไม่ลด หน้าแข้งบวมกดบุ๋ม เปลือกตาบวม ปวดศีรษะมาก ตาพร่า จุกแน่นใต้ชายโครงขวาหรือลิ้นปี่ หายใจไม่สะดวก และจะขอให้แพทย์ส่งต่อไปที่รพ.มหาราช นม.ทันที)
ต้องขอขอบคุณสูติแพทย์รพ.สูงเนิน..
ที่ยอมรับการขอ Consult วิสัญญีแพทย์ที่รพ.มหาราช นม.
และให้ความร่วมมือทำตามที่วิสัญญีแพทย์เสนอแนะมา
ทำให้เราวิสัญญีพยาบาลสามารถ ให้บริการดมยาสลบแก่ผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย
เราจึงนำประเด็นนี้มาทำเป็น
มาตรการ "การให้ยาระงับความรู้สึกผู้ป่วยครรภ์เป็นพิษ" ของรพ.สูงเนิน
ชลัญธร ล่ะกลัวที่สุดเลยแหล่ะ สูติฯ ตอนเรียนเป็นวิชาที่ได้คะแนนสูงตลอด แต่ทำงานขอห่างไกล ไม่ชอบเลย มันเป็นอะไรที่วิกฤตมากในคนท้อง
การ Consult แพทย์เฉพาะทาง เป็นวิธีที่ดีที่สุด กรณีที่เรามีข้อสงสัย - หรือไม่แน่ใจ เพราะจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทำงานมากขึ้น ที่สำคัญคือเพื่อความปลอดภัย ในการดูแลผู้ป่วยค่ะ ขอบคุณแทนผู้ป่วยด้วยค่ะ
"น้องชลัญธร" พี่เห็นจนท.ห้องคลอด ทำงานมีความสุขมากเลยนะคะ ถึงเป็นงานที่วิกฤติ แต่เมื่อผ่านช่วงเวลานั้นไป.. ทารกตัวน้อยๆน่ารัก จะทำให้เรายิ้มได้
แต่จะว่าไป.. พี่ก็ไม่ชอบค่ะ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดตอนเบ่งคลอด.. ก็เลยมาเป็นพยาบาลดมยาสลบไงคะ.. ทำงานกับคนที่หลับอย่างเดียว สบายใจกว่าเยอะ
ขอบคุณนะคะ
คุณ "นพกร" เรามีพี่เลี้ยงเป็นรพ.ที่ใหญ่กว่าค่ะ
ถ้ามีปัญหา-ข้อสงสัย เราจะโทรศัพท์สายตรงเข้าห้องผ่าตัดที่ รพ.มหาราช เพราะจะมีแพทย์ Stand by ตลอดเวลา บางครั้งวิสัญญีแพทย์บอกให้เราส่งต่อ ไม่ควรดมยาสลบค่ะ
ระบบ Consult
ช่วยให้เรารู้สึกสบายใจในการทำงานมากค่ะ
ขอชื่นชมค่ะ..เป็นแบบอย่างของการทำงานที่ดีมีประสิทธิผลเชิงประจักษ์อย่างแท้จริง
ขอบคุณค่ะ "พี่ใหญ่"
โชคดีที่คุณหมอ ที่รพ.ยอมรับฟัง
โชคดีที่มีรพ.ใหญ่
เป็นพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำ
สวัสดีค่ะคุณ "Emerald green"
ขอบคุณจริงๆค่ะที่ตั้งใจแวะมา
ไม่เคยรู้เรื่องแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ ความดันสูงนี่น่ากลัวจริงๆ งั้นวิสัญญีพยาบาลก็เสี่ยงมากเลยนะคะ ไม่มีวิสัญญีแพทย์คอยดูแล