มีหลายคนชอบถามผมอยู่เสมอว่า ควรจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้นักการเมือง เข้ามาเป็นสมาชิก หรือเข้ามาเป็นสมาชิกแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้เข้ามาเป็นกรรมการสหกรณ์ จะทำได้หรือไม่อย่างไร บางสหกรณ์พยายามแก้ไขข้อบังคับกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาเป็นกรรมการ ว่าจะต้องไม่เป็นนักการเมือง บางคนคิดไกลไปถึงขั้นที่จะแก้ พ.ร.บ.สหกรณ์ กีดกันไม่ให้นักการเมืองเข้ามาเป็นกรรมการสหกรณ์ ผมว่าเรามาพิจารณากันตามหลักการสหกรณ์ ดูว่านักการเมืองมีสิทธิเป็นกรรมการสหกรณ์ได้หรือไม่ หลักการที่ 1 การเป็นสมาชิกโดยสมัครใจและเปิดกว้าง (Voluntary and Open Membership) สหกรณ์เป็นองค์การแห่งความสมัครใจ เปิดรับบุคคลทั่วไปที่สามารถใช้บริการสหกรณ์ได้และเต็มใจจะรับผิดชอบในฐานะสมาชิก เข้าเป็นสมาชิกโดยปราศจากการกีดกันทางเพศ ฐานะทางสังคม ชาติพันธุ์ การเมือง หรือศาสนา ถ้าพิจารณาตามหลักการสหกรณ์แล้ว นักการเมืองมีสิทธิที่จะเป็นสมาชิกสหกรณ์ และก็มีสิทธิในฐานะสมาชิก ที่จะสมัครเป็นกรรมการ หรือประธานสหกรณ์ เพราะถ้าสหกรณ์ไปกีดกันก็เท่ากับเป็นการลิดลอนสิทธิ์ส่วนบุคคล และสหกรณ์ก็เคารพและส่งเสริมระบบประชาธิปไตย ในการสนับสนุนให้บุคลากรใช้สิทธิเสรีภาพของแต่ละคนภายใต้รัฐธรรมนูญ ทั้งนี้สหกรณ์จะวางตนเป็นกลางทางการเมืองหมายความว่า บุคคลที่เข้ามาเป็นสมาชิกสหกรณ์ไม่ว่าเชื้อชาติ ศาสนาใด มีฐานะตำแหน่งทางสังคมอย่างใด หรือมีความนิยมในพรรคการเมืองหรือเป็นนักการเมืองพรรคใด สหกรณ์อนุญาตให้เข้ามาเป็นสมาชิกได้เสมอเหมือนกันหมด ในฐานะมนุษย์เท่านั้น (จากนิยามความหมายคำว่าสหกรณ์ของพระบิดาสหกรณ์) คือเมื่อเข้ามาเป็นสมาชิกสหกรณ์แล้ว ใครเป็นอะไรก็เป็นตามเดิมไม่เอาข้อแตกต่างกันนั้นมาเป็นข้อรังเกียจ แต่ไม่อนุญาตให้เอาอำนาจหน้าที่ทางการเมืองนั้นติดตัวเข้ามาใช้ในสหกรณ์ เมื่อเป็นสมาชิกสหกรณ์แล้วย่อมมีสิทธิ์หน้าที่และบทบาทเสมอเหมือนกันหมด อยู่ภายใต้กฎหมายสหกรณ์ ระเบียบข้อบังคับของสหกรณ์ การเข้ามาเป็นสมาชิกก็เพื่อให้มาช่วยกันสรรสร้างความเจริญให้แก่สหกรณ์ และสนองความต้องการทางเศรษฐกิจที่พอเพียงของตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในการพิจารณารับสมาชิกสหกรณ์ คณะกรรมการสหกรณ์เองก็ไม่ควรที่จะมีอคติมาเป็นข้อแบ่งแยกหรือกีดกัน ซึ่งได้แก่ ฉันทาคติ ความลำเอียงเพราะความรักใคร่ชอบพอ โทสาคติ ลำเอียงเพราะไม่ชอบกัน โมหาคติ ลำเอียงเพราะความเขลารู้เท่าไม่ถึงการณ์ และภยาคติ ลำเอียงเพราะกลัว เป็นต้น
เมื่อสหกรณ์ไม่มีข้อกีดกันและข้อจำกัด ในการรับสมาชิก แต่ทำไมสหกรณ์ต้องมีข้อบังคับมากำหนดคุณสมบัติของสมาชิกไว้ด้วย เรื่องนี้พอจะอธิบายได้ว่า เนื่องจากเมื่อทุกคนที่เข้ามาเป็นสมาชิกสหกรณ์มีความเท่าเทียมกันหมด ก็ไม่มีใครลงใคร ไม่มีใครเชื่อฟังใคร สังคมสหกรณ์ก็จะวุ่นวาย จึงจำเป็นต้องมีการจัดองค์กร ให้สามารถทำงานได้ จึงจำเป็นต้องกำหนดระเบียบข้อบังคับขึ้นถือใช้ มีการคัดเลือกผู้นำ หรือผู้แทนเข้ามาบริหารงานในฐานผู้อาวุโสในการทำงาน กล่าวคือให้สมาชิกส่วนใหญ่มอบอำนาจความเป็นใหญ่ในการทำงานให้คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ นอกจากนี้ยังมีการกำหนดคุณสมบัติของสมาชิกไว้ก็เพื่อความสะดวกในการจำแนกประเภทของสหกรณ์ และเพื่อให้ได้สมาชิกที่มีความต้องการร่วมกันอย่างแท้จริง และมี
วงสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันจะได้สะดวกในการทำกิจกรรม หรือทำธุรกิจร่วมกันได้ สะดวกและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตัวอย่างเช่น สหกรณ์การเกษตรจะกำหนดคุณสมบัติของสมาชิกไว้ว่าต้องเป็นเกษตรกร หรือสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ก็จะกำหนดคุณสมบัติของสมาชิกไว้ว่า จะต้องมีอาชีพเป็นครู
แล้วเราจะทำอย่างไร ถ้านักการเมืองเข้ามาเป็นสมาชิกและได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานหรือกรรมการสหกรณ์ สหกรณ์จะต้องไปกำหนดไว้เป็นจรรยาบรรณของคณะกรรมการดำเนินการ ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ เป็นการป้องกันการเอาอำนาจทางการเมืองมาใช้ในสหกรณ์ เช่น คณะกรรมการดำเนินการ ต้องไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ เวลา ทรัพย์สิน หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นใดของสหกรณ์ในการเอื้อประโยชน์และสนับสนุนกิจกรรมใด ๆ ทางการเมือง และต้องไม่ใช้อำนาจ หน้าที่ชี้ชวน กดดัน หรือบังคับให้เพื่อนร่วมงาน รวมทั้งผู้ใต้บังคับบัญชา สมาชิกสหกรณ์ ให้การสนับสนุนกิจกรมใด ๆทางการเมืองหรือองค์กรทางการเมือง หรือสมาชิกขององค์กรทางการเมือง การกำหนดเป็นระเบียบหรือจรรยาบรรณของคณะกรรมการเอาไว้ น่าจะเหมาะกว่าการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับ หรือไปแก้พระราชบัญญัติสหกรณ์เพื่อกีดกันนักการเมือง
ขอขอบคุณ คุณหมอน้อย 447 คุณจตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร คุณณัฏฐวัฒน์ และคุณทิมดาบ ที่เข้ามาให้กำลังใจครับ