บักปึก (ไอ้โง่ )


  จริงๆแล้วอยากมาเขียนหลายวันแล้วแต่ว่าเหนื่อยหลับไปทุกวันแล้วก็ยังหาชื่อเรื่องไม่ได้ซักทีทีแรกว่าจะใข้ว่า "ลูกกรรมกร"แต่ทำไปทำมาอยากใช้ว่า "หนี" แต่สุดท้ายก็มาจบลงตรงที่ว่า บักปึก เป็นภาษาอีสานที่แปลว่าไอ้โง่ ที่ปะป๋ามักว่าให้ไอ้ลูกชายเสมอเมื่อทำอะไรอย่างขาดสติใช้ปัญญาคิดกระทำให้สำเร็จ

  ซึ่งต้องแนะนำอีกนิดว่าหากคนที่ยังไม่รู้จักเราก็อาจจะยังไม่รู้ว่าโยมพ่อนั้นเป็นช่างก่อสร้างรับเหมาก่อสร้างในตอนที่เราเป็นเด็กพ่อก็ชอบเอาไปด้วยวิ่งเล่นในแคมป์งานที่พ่อไปทำแทบทุกที่พอโตมาก็เริ่มหัดงานให้แรกๆก็เป็นเด็กเดิน เดินหยิบส่งของต่างและไปซื้อของต่างที่ขาดให้กับคนงานของพ่อ แต่โดยมากก็ไปกับพ่อนั้นแหละไปตรวจงานที่ไหนไปด้วยนอกจากว่าไกลแล้วอาจไม่กลับบ้านก็จะให้อยู่กับคนงานแล้วพากลับบ้านก็อายุยังไม่มากยังกลับบ้านเองไม่ได้ แล้วเวลาพ่อใช้ไปซื้อของหรือหยิบของหากสิ่งที่เอามาให้มันผิดแบบไม่น่าผิดพ่อก็มักจะพูดว่า ทำไมปึกจังลูก (ภาษาอีสานปนภาษากลาง) งงเหมือนกันกลับบ้านมาถามแม่ปึกมันแปลว่าอะไรแม่ "โง่" เข้าใจเลยและไม่อยากโง่ให้พ่อว่าก็เลยต้องใช้ปัญญาเวลาแรกพ่อใช้ไปซื้อวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างแรกก็ไปกลับมาช้าเพราะไม่รู้ซื้อที่ไหนเดินถามไปเรื่อยจนติดนิสัยการเดิน กว่าจะได้ก็ช้าพ่อก็ถามไปซื้อที่ใหนก็บอกว่าเดินถามไปเรื่อยพ่อก็บอกว่าการถามเป็นเรื่องดีแต่เราต้องใช้สมองเราคิดก่อนถ้าให้ไปซื้อของก่อสร้างก็ไปร้านก่อสร้าง ให้ไปซื้อกับข้าวไปร้านขายกับข้าวมันถึงจะได้ หยิบส่งของเหมือนกันพ่อหรือคนงานบอกหยิบนั่นหยิบนี่ก็หยิบไม่ถูกหรอกแต่พ่อก็บอกว่าให้สังเกตุมือที่เขาชี้ไปทางไหนแล้วหาดูหรือสังเกตุแววตาเขามองไปทางไหนของมันต้องอยู่แถวนั้นแล้วรีบไปหาเวลาทำงานอย่าช้าอาจเป็นอันตรายกับคนทำงาน

  พอโตมาหน่อยก็เริ่มหัดทำงานมันก็ต้องเริ่มจากพื้นฐานแรกของานแต่ละอย่างแต่โดยส่วนมากก็จะเป็นการวัดขนาดตัดสิ่งต่างๆการผสมส่วนผสมของงานต่างการรู้จักลักษณะเบื้องต้นต่าง แรกๆเลยวัดและตัดจำได้ว่าพ่อให้ตัดเหล็กส่งให้ช่างตามขนาดที่ช่างวัดมาให้เราก็ยังไม่รู้ทำยังงัยอายุตอนนั้นก็ประมาณสิบสองสิบสามเป็นงงๆพ่อก็เดิมมาดู แล้วก็พูดว่า บักลูกปึก โรงเรียนเขาไม่สอนนับเลขหรือไง แต่ตอนนั้นที่งงคือเลขในตลับเมตรมันมีสองทางดูไม่ถูก แล้วพ่อก็บอกว่าข้างไหนเมตรข้างไหนเซนติเมตร และให้ทำงานอย่างปลอดภัย ทำงานแต่งตัวต้องทะมัดทะแมงคล่องตัวปลอดภัยทำงานก็อย่าประมาทมีสติตลอดเวลา แต่งตัวพ่อมักให้ใส่กางเกงยีนส์ เสื้อยืดเวลาทำงานให้ใส่แจ๊คเก็ตแขนยาวทับอีก รองเท้าควรเป็นผ้าใบ อุปกรณ์ก่อนทำงานตรวจดูก่อนว่าสมบูรณ์ผุผังไหม วัสดุที่มาใช้กับอุปกรณ์มีรอยแตกไหม ,คดงอไหม เช่น ใบตัดเหล็กเครื่องตัดหากว่ามีรอยแตกหรือใบคดเวลาตัดอาจแตกใส่ตัวเองหรือเครื่องมีเสียงเฟืองดังสุดดุดมันอาจหลุด

  พอโตอีกนิดสิบสี่สิบห้าทีนี้เริ่มไม่อยากไปแล้วไม่ชอบ มอมแมมสกปรกพยายาหนีหาเรื่องไปเรียนพิเศษบ้างไปเล่นกีฬาบ้างแต่ก็หนีไม่พ้นพ่อให้มาหัดเป็นช่างฝึกงานเริ่มทำงานในด้านต่างเริ่มจากพื้นฐานงานช่างการประกอบฉากเหลี่ยมการเข้ามุมงานต่างๆลักษณะงานต่างๆไม้ ,เหล็ก ,ปูน ทำงานโครงสร้างต่างๆจนพอรู้แล้วก็ให้หัดทำผิดบ้างถูกบ้างให้ทำแล้วมาตรวจแล้วผิด คำแรก บักปึก แล้วก็จะบอกวิธีแก้ไขและการอ่านงานอย่างเราก็จะดูแต่แบบที่มีไม่รู้การแก้ลักษณะหน้างาน พ่อก็จะสอนว่าแบบนะ มีดีให้เราทำงานง่ายแต่ก่อนทำให้วัดเช็คก่อนไอ้คนเขียนแบบมันนั่งฝันแล้วเขียนในห้องมันไม่รู้หน้างานจริงว่าทำไปแล้วมันจะติดขัดตรงไหนไหม อย่างงานแรกเลยที่โดนว่าคือในแบบให้คานโครงสร้างห่างพื้นห่างจากแนวที่ดิน 1 เมตร แต่ให้ยื่นชายคา 1.2 เมตร เราก็วางคานออกจากแนวที่ดินตามแบบยื่นชายคาตามแบบพ่อก็มาตรวจโดนเลย "บักปึก" เพราะว่าชายคามันยื่นเกินไปที่ดินข้างๆตั้ง 20 เซนติเมตร พ่อถามจะแก้ยังงัยไอ้ลูกชาย "ไม่รู้พ่อก็ทำตามแบบก็ให้ไอ้สถาปนิก,วิศวกร,คนเขียนแบบมันมาแก้กันเอาเองเราทำตามแบบแล้วนี้พ่อ"บักปึกตามมารอบสอง รอให้เขามาแก้อีกกี่วันละเขาจะมาแล้วอีกกี่วันจะได้ส่งงานแล้วกี่วันจะได้เบิกเงินมาให้ลูกจ่ายค่าเทอม

  พ่อก็สอนต่อว่าต้องมองงานจากเริ่มให้เสร็จเลยก่อนทำอย่าทำไปคิดไปอย่างน้อยก็มีรูปร่างในสมอง พ่อก็บอกว่าทีหลังอ่านแบบจากเริ่มเราก็เห็นแล้วว่ามันเกินกัน 20 เซนติเมตรอยู่แล้วให้เราขยับฐานเข้ามาเลยอีก 20 เซนติเมตรหรืออย่างตอนนี้มันเสร็จแล้วก็ให้ตัดชายคาออกมาเลย 20 เซนติเมตรมันก็เท่ากันเป็นความรู้ที่ฝังในหัวจนถึงทุกวันนี้เลยอายุอาจจะน้อยทำอะไรแล้วคนไม่คิดว่าน่าเชื่อถื่อแต่มันมีแนวทางการทำงานและเป้าหมายอยู่แล้วในหัว

  ซึ่งตอนนั้นก็เป็นช่วงเปลี่ยนขั้นการเรียนจากม.ต้นจะเรียนอะไรต่อพ่อก็อยากให้เรียน ปวช.ก่อสร้างแล้วมาเป็นโฟร์แมนแล้วต่อให้เป็นวิศวกร แต่ไอ้เราไม่ชอบนี้หว่ามันสกปรกมอมแมม ก็เลยหาเรื่องหนีไปเรียนพานิชย์กรรม บริหารธุรกิจคอมพิวเตอร์ พ่อก็แล้วแต่มันอยากปึกก็ให้มันปึกไป

  ซึ่งการมาเล่าตรงนี้ไม่ใช่สิ่งใดอยู่วัดมาเจ็ดปีลูกกรรมกรยังงัยก็เป็นลูกกรรมกรหนียังงัยก็หนีไม่พ้นโดนหลวงปู่ให้พัฒนาสิ่งต่างภายในวัดมากมายรูปแบบไหนทรงอย่างไรมาตฐานอย่างไรบอกบักปึกมาเลยทำได้ทุกอย่างเลยต้องเป็นกรรมกรวันยังค่ำนี้ขนาดว่าอ่านหนังสือคล่อง คิดเลขไว เข้าใจวิธีการทำงานใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศต่างได้ยังไม่พ้นต้องมาเป็นลูกกรรมกรอย่างเก่า ปลูกสร้างพัฒนาสิ่งต่าง อย่างตอนนี้ท่านหลวงปู่สั่งให้ปลูกสร้างบ้านพักสำนักปฏิบัติธรรมผู้หญิงเพิ่มหรือที่เรียกว่าสำนักแม่ชีสองสามหลังทีแรกว่าจะจ้างคนงานในหมู่บ้านมาทำให้ผู้ใหญ่บ้านหาให้แล้วเราทำเล่นๆไปวันแต่เอาเข้าจริงคนงานหาไม่ได้ก็ได้ทำทั้งหมดอีกคนอื่นเข้าได้นอนกลางวันเราต้องมายืนตากแดดร้อนเหนื่อย

  นี่แหละความแตกต่างเราเองในการเป็นพระภิกษุอาจเทศน์พูดกันได้ละว่าวันเวลาล่วงไปให้เราได้พิจารณาในฐาตุขันธ์สังขารที่มันล่วงไปให้เป็นธรรมท่านก็พูดได้กันอยู่แล้วพูดแล้วก็แล้วไปไม่ทำอะไรสักอย่าง แถมช้าถ่วงกันอีกต่างหาก ก็ไม่ใช่อะไรหรอกพิจารณาทุกลมหายใจอย่าให้มันเสียเปล่ากระทำสิ่งใดเป็นประโยชน์ได้จงรีบคิดรคบทำอย่ามามัวแต่พูดแล้วคอยบุญวาสนาบารมีมาหล่นทับจงลงมือกระทำกันนั่งคอยบุญวาสนาในการบวชเป็นพระภิกษุในเวลานานขึ้นท่านก็อาจเป็นพระผู้ใหญ่มีคนศรัทธาท่านตามอายุพรรษาแต่ในพรรษาที่ล่วงมาท่านได้ทำสิ่งใดกันไปบ้างนั่งคอยแต่เวลาให้ผ่านพรรษาจะได้นับเพิ่มพรรษาหรือลงมือกระทำความดีอย่างไม่สนพรรษาก็ต้องไปคิดกันดูเราเองจากจะเป็นประเภทแรงอย่างนี้ละเป็นสิ่งที่คนไม่ค่อยชอบกันถึงแม้มีความดีแต่คนเขาไม่มองหรอกเขาจะมองแต่พระประเภทนิ่งไม่พูดไม่แสดงให้ผมรับให้คิดผมนิ่งรอคุณนำให้ผมเก็บ

  ซึ่งร่ายมายาวเราเองก็พยายามหนีจากงานกรรมกรแต่ก็หนีไม่พ้นหนีจากลูกกรรมกรก็หนีไม่พ้น สุดท้ายหนีคำปะป๋าที่ว่า "บักปึก" ก็ไม่พ้น เราว่าเราโง่น่าดูต้องมาลำบากลำบนตากแดดร้อน หรือช่วงเวลาสี่ห้าปีที่ผ่านมาก็ใช้ความรู้ความสามารถไปทำงานสงเคราะห์เด็กยาเสพติดให้มันปวดสมองเล่น ให้พวกพ่อออกมาวัดเขาไม่ชอบเล่นๆด้วยความดุดันที่ต้องมีแต่พ่อออกกลับไปยินดีกลับคนที่ท่าดีมีแต่นอนก็ว่ากันไปแต่มันก็ต่างกันตรงที่ว่าไอ้สิ่งต่างที่ได้ทำไปแล้วมันมองเห็นในใจตนเองบวชมาเจ็ดปีได้ทำในสิ่งที่คนถ้าทางดีๆเขาทำอย่างเราไม่ได้ก็แล้วกัน

  วรรคสุดท้ายนี้ขอสรรเสริญคุณงามความดียกเอาบุญกุศลทั้งหมดในงานก่อสร้างและงานศูนย์สงเคราะห์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้พัฒนาสิ่งปลูกสร้างต่างภายในวัดหนองไคร้นั้นให้แก่ คุณพ่อ บุญชื่น คำแสน ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทภูมิปัญญาความรู้ให้แก่ "บักปึกของปะป๋า" มาใช้อย่างเป็นประโยชน์แก่สาธาราณะให้กับชาวบ้านและญาติโยมผู้มีเกียรติและน่ารังเกียจได้มาใช้ประโยชน์ในสิ่งปลูกสร้างต่างที่ "บักปึก" ได้ทำไปแล้วและจะได้ทำต่อไปอีกจวบจนหมดบุญในร่มโพธิ์ใบบุญบวช"

จาก "บักปึก"

พ.ทินนาโภ

๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕

๐.๓๖ น.

 

คำสำคัญ (Tags): #thinnabho#พ.ทินนาโภ
หมายเลขบันทึก: 480422เขียนเมื่อ 29 กุมภาพันธ์ 2012 00:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 11:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท