นักเรียนจ่าทหารเรือ - ทร.๐๙ ตอนแรก.


โตนี่ - ฟาง. GotoKnow.

* ผู้อ่านหลายๆท่าน..คงเคยได้ยินเพลงทหารเรือที่ปลุกใจกันมานานแสนนานแล้วน๊ะครับเช่น : เกิดมาทั้งที มันจะดีอยู่แต่เมื่อเป็น...อีกสามร้อยปีก็ไม่มีใครจะเห็น.. หรืออีกเพลงคือ..หะเบสสมอพลันออกสันดอนไป ลัดไปเกาะสีชังจนกระทั่งกระโจมไฟ..ยังมีอีกหลายเพลงที่ฮิตมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน และยังจะฮิตต่อไปอีกนานเท่านานในอนาคต. เพลงเหล่านี้ถ้าใครได้ฟังแล้ว ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนอยากเป็นทหารเรือขึ้นมาทันที. ไม่มากก็น้อย..ผมจึงอยากจะเขียนเรื่องราวชีวิตที่เกี่ยวกับทหารเรือมาให้ท่านได้อ่านกันตั้งแต่ต้น.จนหลายคนลาออกและเกษียณอายุไปตามกาลเวลาแถมยังมีลูกหลานมาสืบวงค์ตระกูลต่อในกองทัพเรือ.

 นักเรียนจ่าทหารเรือ. ทร.๐๙.

 

 

ผู้เขียนได้นำภาพขององคมนตรี. ครูของนรจ.ทร ๐๘-๐๙ มาวางเป็นภาพแรก.แต่พอน้องสาวมาเยี่ยมและอยากให้ผมพาไปกราบเสด็จในกรมฯที่ยอดเขาแหลมปู่เจ้า.. ผมบอกว่าที่ไหนก็ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน จึงนำขบวนมาแวะสักการะที่บริเวณหนองตะเคียนและถือโอกาสถ่ายภาพมาฝากผู้อ่านทุกท่าน  พร้อมกับขอนำภาพเสด็จกรมหลวงชุมพร ฯ ขึ้นมาวางเป็นภาพแรกดังกล่าว.

๑.รูปปั้นเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ บิดาแห่งกองทัพเรือ - ที่หนองตะเคียน สัตหีบ. ปี ๒๕๕๕.

หลายๆท่านคงจะได้ยินมาบ้างแล้ว หรือบางท่านอาจจะยังไม่เคยได้ยินมาก่อน..มาอ่านพร้อมๆกันก็น่าจะดีน๊ะครับ.เขามักจะพูดกันเสมอว่าคนเรา..พอเริ่มแก่แล้วมักจะเล่าแต่เรื่องความหลังกันเสมอๆ ผมในฐานะผู้เขียนอยากบอกว่าไม่น่าแปลก..หรือเสียหายตรงไหน ? ถ้าคนแก่ไม่เล่าให้ฟัง หรือเขียน.คนสมัยใหม่หรือชนรุ่นหลังจะรู้กันไหมล่ะ ?อีกอย่างคือขณะที่เขียนเรื่องนี้..ผมก็เริ่มจะแก่แล้วด้วยแต่ยังไม่สุก. ย้อนหลังไปเมื่อปี ๒๕๐๘  บรรดานักเรียนม.ปลายที่จบการศึกษาแล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันไปหาที่ศึกษาต่อ.เหมือนปุถุชนทั่วๆไป. ถ้ารักดีไม่ต้องไปกินถั่วก็ได้. คติคนเมามักจะหลอกกันเสมอว่า..รักดีกินถั่ว..รักชั่วกินเหล้า ถ้ารักทั้งดีทั้งชั่ว..ควรกินถั่วแกล้มเหล้า.  หลายคนไปสมัครตามรร.ทหารต่างๆที่มีการประกาศเปิดรับสมัครเช่น รร.เตรียมทหาร.  รร.ชุมพลทหารเรือ , รร.จ่าอากาศ หรือรร.นายสิบทหารบก. หลายคนไปเรียนปวช.ในสายพานิชย์บ้าง. รร.ช่างกลบ้าง. ใครสะดวกหรือถนัดด้านไหนก็เลือกกันเอาเอง.ในจำนวนนี้ มีนักเรียนกลุ่มหนึ่งมาจากต่างโรงเรียน ได้มาสมัครสอบเข้าเป็นนักเรียนจ่าทหารเรือ  เป็นเพราะชอบชีวิตทหารหรือชอบเครื่องแบบทหารเรือมากกว่าเหล่าทัพอื่น..ไม่มีใครรู้ดีนอกจากตัวเอง.ความจริงเครื่องแบบของหน่วยงานต่างๆนั้นก็สวย เก๋ เข้าท่า.ต่างกันออกไปคนละแบบ..แล้วแต่ใครชอบต่างหาก.

๒. องคมนตรี. พล.รอ.ชุมพล ปัจจุสานนท์. - ครูของพวกเราทร.๐๙.

ผู้เขียนขอนำท่านมาพบกับมุมหนึ่ง..ของชีวิตเด็กหนุ่มหลายๆคนจากต่างสถาบัน ที่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะก้าวเข้ามาทำหน้าที่ของลูกผู้ชายในนามของ  นักเรียนจ่าทหารเรือ.” ดังนั้นพอทางกองทัพเรือเปิดรับสมัคร ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างแห่กันไปสมัครอย่างเนืองแน่น ประมาณแปดพันคน. ทุกคนต้องมาต่อสู้กันด้วยความรู้ความสามารถ. การสอบในรอบแรกนั้นมี คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา และภาษา. พอผ่านการสอบข้อเขียนก็เป็นการสอบพละศึกษา มีการสอบวิ่ง ว่ายน้ำ ผู้รับผิดชอบคงกลัวจะถูกตำหนิ. ถ้าพบว่ามีทหารเรือต้องมาจมน้ำตาย.  ก่อนประกาศผลรอบสุดท้ายมีการคัดออกอีก. มีการตรวจโรคและสัมภาษณ์เป็นรอบที่สอง  ผู้เข้าสอบจึงถูกสกรีนออกจนเหลือเพียง ๓๔๕ นาย.  ถ้าตัวเลขไม่ตรงผู้เขียนต้องขออภัยเพราะตอนเรียนอ่อนคัดไทย. มันเกี่ยวกันตรงไหนว๊ะ ? หลังจากที่นรจ.ทุกพรรคเหล่า ผ่านการตรวจโรคแล้ว..ก็มีการประกาศรายชื่อนักเรียนทั้งหมด. เพื่อทราบและมาทำการมอบตัว.ผู้เขียนได้รับความอนุเคราะห์จากหัวหน้าของพ่อ.ซึ่งเป็นนายตำรวจจากหน่วยงานหนึ่ง พ่อผมคงไปออกปากท่านเป็นแน่..

๓. ผู้เขียน - เพิ่งจบม.๖มาจากรร.มัธยมวัดธาตุทอง พระโขนง กรุงเทพฯ ปี ๒๕๐๙.

ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากพ่อ.ผมคงมิได้เข้ามาเป็นสมาชิกทร.๐๙เป็นแน่. ยังไม่สายที่จะขอบคุณพ่อย้อนหลัง..ใครเป็นพ่อคนก็คงจะดีใจที่ลูกชาย.กำลังจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาเพราะกำลังจะมีหน้าที่การงานที่ดีต่อไป.ใครที่ผ่านรอบสุดท้ายก็ต้องมารอขึ้นรถทหารเรือ.เพื่อนำตัวส่งไปฝึกที่รร.พลทหาร  เกล็ดแก้ว.ตามที่ฝ่ายกำลังพลกองทัพเรือได้แจ้งให้ทราบแล้ว. บ่ายโมงตรงของวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๐๙ เพื่อนทร.๐๙   ทุกนายต้องมาขึ้นรถเพื่อเดินทางไปเข้ารับการฝึกภาคสาธารณะประมาณสามเดือน.ที่รร.พลทหาร เกล็ดแก้ว สัตหีบ ชลบุรี.จากกรุงเทพฯไปทางตะวันออก.ประมาณ ๑๖๗ ก.ม.  ระหว่างเดินทางขอเล่าเรื่องที่หลายท่านยังไม่ทราบมาก่อน..การเรียน การฝึกต่างๆ ตลอดจนการกินอยู่หลับนอนที่นี่..นักเรียนทุกคนไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายใดใด ?นอกจากนั้นนักเรียนทุกคนยังจะได้รับเสื้อผ้า.เครื่องแต่งกายต่างๆครบ.ตั้งแต่หัวจรดเท้า..ยกเว้นเมีย.เพราะหลวงไม่ได้แจก.กองทัพเรือยังจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้อีกต่างหาก ผมจำไม่ได้แล้วว่าวันละหกสลึงหรือสองบาทสมัยปี๒๕๐๙.พอขึ้นชั้นปีที่๑ ใครขยันและหัวดีมีสิทธิ์เข้าเรียนต่อที่รร.เตรียมทหารด้วยครับ.ดังนั้นนรจ.ทร.เกือบทุกรุ่นจึงมีเพื่อนเป็นนายพลเรือ มาจากรร.เตรียมทหารและเตรียมนายเรือบ้าง.                                     

๔.บิดาของผู้เขียน. - จสต.จำนงค์  เลิศบุญชู. ปี๒๕๐๙

ปัจจุบันมีการปรับปรุงให้ข้าราชการที่ขอลาออก  แบบเออร์รี่รีไทร์. จะได้รับการเลื่อนยศขึ้นหนึ่งขั้น. จากนาวาเอกเป็นนายพลเรือ.ไม่ต้องผ่านรร.เตรียมทหาร. ขณะเขียนเรื่องนี้รุ่นทร.๐๙ของผมก็มีนายพลเรือรวมอยู่ด้วย  ผมขอข้ามไปน๊ะครับ..ทั้งที่อยากนำชื่อมาลงเพื่อเป็นเกียรติ..แต่ยังมีพวกปากหอยปากปูอยู่เยอะทั้งๆที่น้ำยังไม่ลด..เดี๋ยวจะหาว่าผู้เขียนมาเชียร์กันเอง. รถออกจากกองทัพเรือแล้ววิ่งมาตามถนนสุขุมวิทผ่านบางนา ออกบางปิ้ง. สมุทรปราการ หรือปากน้ำนั่นแหละ. มาออกที่บางประกงแล้วเข้าเมืองชลฯ. ยาวไปถึงบางเสร่..*ปีพ.ศ.นั้นรถญี่ปุ่นยังยึดครองประเทศไทยอยู่โดยเฉพาะ..รถบรรทุกขนาดหกล้อหรือสี่ล้อ. จะเป็นรถอีซูสุรุ่นทีเอ๊กซ์บ้าง แต่ที่ ขส.ทร.มีหลายประเภทดังในรูป -เป็นรถเมอร์ซิเดสเบ๊นซ์หัวแตงโม ข้างรถจะเขียนตัวย่อว่า ขส.ทร. ขณะเขียนเรื่อง รถพวกนี้หมดรุ่นไปนานแล้ว มีรุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ ตามกาลเวลา ต้องขอขอบคุณหนุ่มกร.หรือน.อ.ทวีศักดิ์ สุภานันท์ รน.ที่ส่งภาพเก่าๆมาให้นำลง เพื่อท่านได้ชมกันหลายๆภาพเช่นนกหวีดเรือบ้าง ภาพเก่าของเพื่อนๆบ้าง ภาพสถาบันรร.พลทหารบ้าง ขอบคุณหนุ่มกร.อีกครั้ง. หลายคนยังไม่เคยเดินทางมาก่อนในชีวิตวัยเยาว์  ดังนั้นระหว่างเดินทางเรานั่งดูวิวกันบ้าง. คุยกันไปบ้าง  บางคนถือโอกาสหลับเพื่อเอาแรงไว้บ้าง  ประมาณสองชั่วโมงเศษๆก็ถึงแล้วครับขบวนรถมาเลี้ยวขวาทีปากทางบ้านเกล็ดแก้ว.

๕. รถบรรทุกของกองทัพเรือ - ที่รับนรจ.๐๙จากบก.ทร.ไปส่งที่รร.พลทหาร.ปี ๒๕๐๙.

ถนนสุขุมวิทในสมัยนั้น..รถยังต้องวิ่งสวนทางกัน.เพราะยังไม่เจริญเหมือนปัจจุบันแยกจากถนนสุขุมวิทเข้าไปประมาณ ๑ก.ม.ซ้ายมือจะเป็นรร.พลทหาร.กองทัพเรือ.หรือแหล่งกำเนิดทหารเรือนั่นเอง !ในภาษาอังกฤษจะเรียกว่าบู๊ทแค๊มป์. Boot Camp.มิใช่แค๊มป์รองเท้าบู๊ท. ใช้กับทบ.และนย.อเมริกัน.    ส่วนทหารเรือและทหารอากาศอเมริกันนั้นนิยมใช้คำนี้.Recruit Training Center. รีครู๊ทเทรนนิ่งเซ็นเตอร์. หรือศูนย์ฝึกทหารใหม่นั่นเอง ! ใครจะเรียกอย่างไรก็ช่างเอาเป็นว่า.ความหมายเดียวกัน. ถ้าจะว่าต่างกันล่ะก็ผู้เขียนว่า.ต่างกันตรงที่บ้านเรายังอยู่ระหว่างกำลังพัฒนา.จึงต้องมีการเกณฑ์ทหาร. แม้ชายฉกรรจ์บางคนชอบหนีทหารกันอยู่บ้าง..ไม่อยากรับใช้ชาติฮ่า. ในประเทศที่เจริญแล้วเช่นสหรัฐอเมริกา เขาเปิดให้มีการอาสาสมัคร.Volunteer. เพราะที่นั่นเจริญกว่าเรามากจึงไม่มีการเกณฑ์ทหารแต่อย่างใด. Levy ; Draft.นอกจากเปิดให้มีการอาสาเข้ามาทำหน้าที่รับใช้ชาติ.เด็กหนุ่มจำนวนมากจึงอยากเห็นโลกภายนอก..และอยากได้สิทธิในการเรียนฟรี. เมื่อรับใช้ชาติครบ๔ปี.  จึงสมัครสอบแข่งกันเข้ามาครั้งละเป็นหมื่นคน.ทางกองทัพจึงคัดไว้ตามต้องการและทำการแยกไว้อีกจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นตัวสำรอง. 

๖. ดริลฮอล์. - ที่รร.พลทหาร  เกล็ดแก้ว ปี ๒๕๐๙.

* ภาพในอดีตวันนี้ เป็นภาพ ดริลล์ฮอลล์ ที่ รร.พลทหาร  สัตหีบ ชลบุรี ซึ่งจะเป็นสถานที่ที่ฝึกภาคสาธารณะวิชาทหารเบื้องต้นระยะเวลา ๓ เดือน  ก่อนที่จะไปศึกษาตามหลักสูตร นรจ.ของรร.ชุมพลทหารเรือต่ออีก ๒ ปี.. สำหรับผมนั้นตื่นเต้นมากเพราะว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการเป็นทหารอาชีพ ที่เราสมัครใจเข้ามา..

ทุกคนต้องลงจากรถ  แล้วมาแถวภายในดรีลฮอลล์แห่งนี้  เพื่อฟังจ่าเวรอธิบายการใช้ชีวิตที่นี่ประมาณสามเดือน.นร.จะถูกคัดแยกไปอยู่ตามอาคารต่างๆเช่นอาคาร ๑-๒-๓-๔ และ๕เป็นต้น.เมื่อนักเรียนถูกคัดแยกไปอยู่ตามกองร้อยต่างๆแล้ว ก็ต้องตัดผมสั้นทุกคนก่อนจะได้รับแจกเครื่องใช้ประจำตัวต่างๆเช่นมุ้ง หมอน ผ้าห่ม ผ้าขาวม้า ผ้าใบปูนอน ชุดกลาสีกากีผ้าหลวง.เป็นผ้าหนาเสื้อน๊อต หมวกกระบังอ่อนรองเท้ายะโฟ ฯ  * ใครพอมีเงินและอยากจะหล่อก็ไปตัดชุดนักเรียนจ่าปีที่ ๑ ไว้ใส่เองบางโอกาสเป็นผ้าเสริฐฯจากร้านค้าที่แผง ผู้เขียนจำราคาไม่ได้แล้วว่า..กี่ร้อยบาท ? ช่วงแรกเราอยู่รวมกันเฉพาะนักเรียนจ่าเพื่อให้นร.ทั้งหมดเกิดความสนิทสนมกัน.หนึ่งอาคารจะอยู่รวมกันหลายเหล่า. สัปดาห์ต่อมาจึงมีบรรดาทหารเกณฑ์มาร่วมชายคาด้วย. น่าจะเป็นทหารเกณฑ์ผลัดสอง.ถ้าจำไม่ผิด. เวลาเรียนก็จะแยกห้องเรียนกัน..ระหว่างนักเรียนจ่ากับพลทหาร.เปล่าไม่มีการแบ่งแยกกันแต่อย่างใด ? เป็นเพราะทหารเกณฑ์หลายคน.ยังเขียนหนังสือไม่ได้. คนเหล่านั้นจึงต้องถูกส่งไปรวมกันที่กองร้อยหนึ่ง.ชื่อว่าร้อยเตรียม.ที่นี่จะสอนให้ทหารอ่าน ออกเขียนได้เสียก่อน.จากนั้นจึงย้ายไปเรียนรวมกับคนที่รู้หนังสือ  การฝึกจึงจะไม่ติดขัดเหมือนที่เคยเป็น.ปัจจุบันกฎหมายบังคับออกมาแล้วว่า..เด็กไทยจะต้องเข้ารับการศึกษาอย่างน้อยจนจบประถมปีที่หก การแก้ไขต่างๆในเรื่องนี้ทำได้ไม่ยาก..ถ้าจะทำกันจริงๆ

๗. มุมหนึ่งของเกล็ดแก้ว. - ใครเป็นใครผู้เขียนจำไม่ได้เสียแล้ว. คงต้องเดาเอาเองน๊ะ.

มีเรื่องเกี่ยวกับชายไทยเพียงเรื่องเดียว  ที่ยังไม่พยายามแก้ไขและเอาจริงเอาจัง ถ้าเอากันจริงๆผู้ที่เกี่ยวข้องคงจะกลัวอดอยาก..จึงยังรักษาประเพณีที่ไม่ดีดังกล่าวไว้อย่างเหนียวแน่น..การอุดเงินหรือวิธีต่างๆที่จะไม่ให้ลูกชายต้องถูกเกณฑ์ทหารหรือจับได้ใบดำนั่นเอง..ปีแรกที่เรามารวมกันที่รร.พลทหารจึงพบว่ามีทหารเกณฑ์หลายคนที่ไม่สมบูรณ์  ขาลีบบ้าง ร่างกายผิดปกติบ้าง..ถูกเกณฑ์เข้ามารับใช้ชาติแทนที่จะเป็นคนสมประกอบ น่าจะเป็นเพราะคนที่ร่างกายสมบูรณ์..แต่จิตใจยังไม่สมบูรณ์พอ..จึงทำทุกวิถีทางที่จะไม่ต้องเข้ามารับใช้ชาติ ในขณะที่ยังคงแหกปากเสมอว่า..ผมรักชาติรักประเทศ.ไม่อายทหารประเภทอื่นบ้างเหรอย๊ะ ? เรื่องนี้ผู้เขียนเองถูกท้วงติงไว้ว่า..ไม่ควรจะเขียน..แต่ใจจริงเขียนเพื่ออยากให้ท่านได้รู้ไว้บ้างเท่านั้นเอง มิได้ต้องการประจานหน่วยงานใดเพราะผู้เขียนมิได้เป็นโรคจิต..ชายไทยที่อายุถึงเกณฑ์ก็จะถูกเกลี้ยกล่อมจากพวกศัสดี..บางคนเรียกพี่แกว่าพวกสัตว์ไม่สู้ดี. มีการชี้ช่องว่าถ้าไม่อยากเป็นทหารต้องทำอย่างไร ?แถมยังให้ผ่อนได้สองงวดด้วยน๊ะ. ใจถึงเสียด้วย. จ่ายครึ่งหนึ่งก่อน..พอจับได้ใบดำแล้วค่อยจ่ายที่เหลือ เขาสามารถดำเนินการได้จริงเสียด้วย.อย่าให้ผมสาธยายเลยน๊ะเพราะแค่นี้ถ้าเขามาอ่านเจอเขาคงละอายใจแน่ๆ นอกจากบางคนที่หน้าบางน้อยหลายคนอาจสงสัยว่าเป็นพวกหน้าหนาหรือเปล่า ?..เอาทางใครทางมัน..เขียนเบาๆก็ได้. ชีวิตที่นี่ก็เป็นการฝึกเพื่อให้นร. ทุกนายเปลี่ยนบุคลิกจากพลเรือน.ให้มีความเป็นเป็นทหารเสียก่อน.

๘. นรจ.จรรยา  ก. ผู้เขียนและนรจ.นิลนารถ ว. - ที่กองร้อยฝึกที่๓ รร.พลทหาร. ปี ๒๕๐๙  

                

 

*เริ่มจาก๐๕๓๐ น. พลแตรเดี่ยวจะปลุกทุกคน..ทำกิจส่วนตัวแล้วมาเข้าแถว. ๐๖๐๐ น. ออกกำลังกาย แล้วเป็นการจ่ายงานทำความสะอาดอาคาร.บริเวณพื้นดิน ห้องน้ำ-ห้องส้วม ๐๗๐๐ น.ทุกคนต้องมาแถวรับประทานอาหารเช้า.๐๘๐๐ น.ทุกคนต้องมาแถวเคารพธงชาติ.เตรียมความพร้อมของเครื่องแบบและร่างกายเพื่อเข้าแถวใหญ่เวลา๐๘๓๐น. ปกติจะเรียกว่าแถวเก้า.แต่เดิมมีการแถวเวลา๐๙๐๐น.ต่อมาร่นมาเป็น๐๘๓๐ น. เลิกแถวแล้วนักเรียนก็ต้องเข้าเรียนตามตาราง นอกห้องบ้าง ในสนามฝึกบ้าง.การเรียนส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องต่างๆของทหารเรือ..เริ่มจากวินัยในการเคารพ เรียนเรื่องการทิ้งดิ่ง การพายเรือบนแท่นฝึก.การออกกำลังกายท่าต่างๆของทหารเรือ.ต่างกับท่าฝึกของทหารนย. มีการฝึกเข้าแถว.จัดแถว..เดินสวนสนาม. การจัดแถวรูปขบวนต่างๆ มีการพักบ้างในระหว่างการฝึกแถว. จนได้เวลาที่ทุกคนรอคอยคือเวลา ๑๑๓๐ น.จึงพัก.เพื่อรอไปทานอาหารเที่ยง ออกจากโรงอาหารแล้วยังมีเวลาที่เราจะเถลไถลมาที่โรงฝึก ดริลฮอลล์.นักเรียนและพลทหารหลายคนมักจะมาซื้อของใช้ที่นี่เช่นแปรงสีฟัน ขันน้ำ สบู่ฯ ขนมบ้าง. เพราะที่นี่มีของขายหลายอย่างเช่น ก๋วยเตี๋ยว น้ำแข็งใส อาหารตามสั่ง ฯ และที่ผู้เขียนชอบมากคือขนมถาดมี มันฝน ตะโก้ บ้าบิ่น เปียกปูนสีดำ ฯ

๙. นักเรียนนั่งให้ตัวตรง กอดอกไว้ก่อน. ในแถวให้ดูด้วยน๊ะ. - พื้นที่ฝึกเรือกรรเชียง.

ภาพในอดีต..เป็นภาพการฝึกตีกรรเชียงซึ่งเป็นวิชาหนึ่ง ของการฝึกภาคสาธารณะที่ รร.พลทหาร  ผมเองนั้นถึงแม้ว่าจะคุ้นเคยกับเรือพายในลำคลองแถวบ้าน  พอมาเจอกับการฝึกตีกรรเชียงของทหารเรือก็รู้สึกว่าไม่เหมือนกับเราพายเรืออยู่ที่บ้านเลย..สถานที่ฝึกตีกรรเชียงที่รร.พลทหารก็เหมือนกับการตีกรรเชียงในทะเลจริง ๆ เพียงแต่เรือไม่ได้วิ่งไปใหนเพราะอยู่บนแท่นปูน. เวลาตีกรรเชียงๆก็จะพุ้ยน้ำซึ่งอยู่รอบตัวเรือ ดังที่เห็นในภาพ.อย่างไรก็ตามวิชาตีกรรเชียงที่ฝึกมาตอนเป็นนักเรียนจ่านั้น.  ผมก็ส่งกลับคืนไปยังคุณครู ผู้สอนเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกับวิชา นกหวีดเรือ ที่เคยเล่าให้ฟังนั่นแหละ..ขอบคุณภาพและคำอธิบายของหนุ่มกร.ที่เอื้อเฟื้อด้วยดีเสมอมา.       

บรรดาพี่น้องขนมถาดที่นี่นอกจากจะชิ้นใหญ่แล้ว..ราคาก็ถูกครับชิ้นละ ๕๐ สตางค์ สมัยนั้นซื้ออะไรกินเพียงห้าบาท..เชื่อไหมว่า..เดินกลับกองร้อยแทบไม่ไหวทีเดียว..ทั้งอิ่มและอืด.ปัจจุบันลองให้เงินเด็กสัก ๕บาทสิ !ระวังเขาจะขว้างใส่หน้า. สมัยนี้เงินยี่สิบบาทแทบจะซื้ออะไรไม่ได้แล้ว ขนมครกที่ตลาดข้างบ้านมีไม่กี่ฝาเลยครับ  เคยขาย ๑๐บาทพอรู้ว่าเงินเดือนข้าราชการจะขึ้น แม่ค้ารีบขึ้นราคาดักหน้าไปก่อนถึงยี่สิบเปอร์เซ็นแล้ว  ทุกอย่างแพงหมดขนาดผมเห็นราคาน้ำมันแล้ว..ไม่อยากไปไหนเลย..วันนี้เงินหนึ่งร้อยบาทซื้อน้ำมันดีเซลได้เพียงสามลิตรเศษๆเท่านั้น !

๑๐. เอ้า..นักเรียน - วันหยุดมาพัฒนาพื้นที่กันหน่อย. รร.พลทหาร. ปี ๒๕๐๙.

ขณะเขียนเรื่องนี้ฟังข่าวว่า อีกสองสามเดือนราคาน้ำมันอาจจะสูงขึ้นถึงลิตรละ ๕๐ บาท.ไม่เชื่ออย่าลบหลู่น๊ะ ! ตอนผมมาที่รร.พลทหารวันแรกน้ำมันดีเซลลิตรละ..คงทายไม่ถูกหรอกครับ เฉลยก็ได้..ลิตรละ ๗๐ สตางค์. เบียร์สิงห์ขวดละ ๗ บาท..บะหมี่เหลืองก้อนละ๑.๕๐ บาทถ้าสั่งสองก้อนราคาสองบาท. เฮ้อ ! เขียนเสร็จอยากจะย้อนยุค..กลับไปใช้ชีวิตอยู่ในสมัยนั้นอีกสักครั้ง เหมือนในละครเรื่องทวิภพ..ถ้าเป็นไปได้คงจะได้กลับไปพร้อมๆกัน.ทั้งผู้เขียนและผู้อ่าน.ใครอยากจะไปไหนก็เชิญเถอะครับ แต่ขณะนี้ได้เวลาที่นักเรียนจ่าและพลทหารทร.๐๙ จะต้องกลับไปแถวบ่าย อีกครั้งแล้วครับ. ต้องขออนุญาตไปเข้าแถวก่อนครับ.    

**๑๓๐๐ น. นรจ.ทุกคนต้องมาแถวเพื่อเข้าห้องเรียน  หรือการฝึกตลอดช่วงบ่าย  วันไหนมีตารางพละศึกษาก็จะถูกครูฝึกนำร้อง นำแถววิ่งอยู่ในพื้นที่ฝึกของรร.พลทหารนั่นเอง. ช่วงการฝึกต่างๆใครที่เจ็บป่วยจริงหรือแกล้งเจ็บก็มีการขออนุญาตไปรพ. เป็นระดับกองร้อยพยาบาล.นักเรียนและพลทหารหลายคนท่องจนขึ้นใจว่า “ ไม่หลบไม่อู้ - ก็สู้ไม่ไหว.”  ใครจะเจ็บป่วยขนาดไหน..คนป่วยก็มักจะได้รับแต่ยาเม็ดสีชมพู. ใครแกล้งป่วยมักจะเข็ดและขยาดกันเลย..เพราะจ่าพยาบาล. จ่าแว่น. จะฉีดน้ำกลั่นให้เสมอเพราะพี่แกจับได้เสมอว่า..หลายคนแกล้งป่วยเพื่อเลี่ยงการฝึก. 

๑๑. ก่อนแยกย้ายหลังจบการฝึกต้องมีการสวนสนามเสมอ. - ที่รร.พลทหาร ปี ๒๕๐๙.

ส่วนอาหารมื้อแรกที่นี่.ผมยังจำได้จนถึงเวลาที่กำลังเขียนเรื่องนี้เพราะเชฟ..ทำให้ผมผิดหวังมากสิครับ. เพราะเข้าใจผิดนึกว่าที่นี่เขาเลี้ยงด้วยข้าวผัด.พอเคี้ยวคำแรกจึงรู้ว่าข้าวแดงนี่หว่า ! อาหารเช้าและเที่ยงจะมีกับข้าวเพียงอย่างเดียว.กับข้าวทหารน่ะเหรอ ? ก็รู้รู้กันอยู่น๊ะ.จะเป็นต้มฟัก.กับวิญญาณหมู. นักเรียนจ่าและพลทหารหลายคนพร้อมใจกันเรียกว่าหมูพล๊าสติค. มันหมูนั่นเอง ! มะเขือยาวหรือแตงกวาผัดจืด  ผัดผักบุ้ง. มื้อเย็นจึงจะได้รับเกียรติให้กินสองอย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นผัดเผ็ดบ้าง ต้มต่างๆบ้าง. ที่ขาดไม่ได้ก็คือปลาจวดเค็ม.เมนูนี้ผมชอบมากครับ..โดยเฉพาะข้าวแดงร้อนๆพร้อมปลาจวดและแกงกะทิฟักทองบ้าง.แกงส้มบ้าง. สมัยนั้นข้าวแดงราคาถูกครับแต่ผู้คนยังไม่นิยมกินกัน  ปัจจุบันพอรู้ว่า กินข้าวแดงแล้วดีต่อสุขภาพ แต่ราคากลับแพงขึ้นแถมหาซื้อยากทีเดียว.ยังไม่สายครับ.รีบไปหาซื้อมากินเสีย.ทางโรงเลี้ยงจะจัดของหวานให้อาทิตย์ละหนึ่งครั้งแน่นอนสิครับคงไม่พ้นถั่วดำ.ถั่วแดงและถั่วเขียว, แกงบวชฟักทอง. คงจะแบ่งมาจากแกงกะทิฟักทองมื๊อก่อน. มันแกงบวชฯ.นอกจากที่กล่าวมานี้ใครอยากกินอะไร ? คงต้องนึกภาพเอาเอง.หรือเชิญที่ร้านค้า..ปกติหลังอาหารเย็นก็จะมีการปล่อยนักเรียนจ่า และทหารไปซื้อของใช้ส่วนตัวที่ร้านค้าของรร.พลทหาร. บางคนไปหาอาหารที่รสชาดอร่อยกว่ากินเช่นข้าวผัดไข่ดาวฯที่ร้านค้าของรร.พลทหารนี้นอกจากจะมีการจำหน่ายอาหารคาว-หวานแล้ว..ยังมี ลูกสาว-หลานสาวของข้าราชการให้ทัศนากันด้วยน๊ะครับ.

๑๒. เรียนการเหวี่ยงลูกดิ่ง เพื่อวัดความลึกของทะเล. - ที่สนามฝึกรร.พลทหาร. ปี ๒๕๐๙.

บางคนสวยครับแต่มีหลายๆคนสวยน้อยกว่า.แค่ได้เห็น..ชีวิตทหารและนักเรียนจ่าอย่างพวกเราก็มีความสุขแล้วล่ะครับ. แม้จะต้องกลับมาผจญกับบรรดาจ่าเวรที่คอยจ้องจะทำโทษ.ฝึกหนักแต่กินอิ่มนอนหลับ.สำหรับผมถือว่าหรูแล้วครับ.  นักเรียนทุกคนที่ไม่ติดเวร - ยามจะมาพบกันอีกครั้งเวลา ๑๙๐๐น. ทหารจะเรียกกันว่าแถวทุ่ม. จ่าเวรหรือนายทหารยามก็จะมาอบรม ชี้แนะ ตำหนิการปฎิบัติตนของนักเรียน..ที่ผ่านมารายวัน. แล้วแยกย้ายไปทำกิจส่วนตัวก่อนเข้านอนเช่น เตรียมขัดรองเท้า เตรียมชุดที่จะแต่งในวันรุ่งขึ้น.เตรียมตัวเข้ายามผลัดดึก บางคนยังมีเวลาแอบไปซักเสื้อผ้า..คนรวยหรือตอนอยู่ที่บ้านไม่เคยทำอะไรเลยก็จะไปจ้างซัก-รีดที่ร้านค้า..เวลามีการปล่อยให้ทุกคนไปที่ร้านค้านอกจากจะไปซื้อข้าวของส่วนตัวกันแล้ว ยังมีบางพวกที่นิยมความรุนแรงโดยเฉพาะการทะเลาะกันระหว่าง..พวกภาคกลางและพวกปักษ์ใต้.ต้องขอใช้คำว่าพวก..เพราะพี่แกมักจะรวมกลุ่มกันครั้งละกว่าสิบคน..ดีครับสมัยนั้นแค่ เตะ ต่อย.ไม่รุนแรงถึงกับใช้อาวุธปืนหรือมีด มิฉะนั้นกองทัพเรืออาจจะเสียบุคลากรเลวๆไปบ้างก็ได้. เอ๊ะเขียนยังไง ? แม้จะมีเรื่องกันบ้างแต่พอใกล้เวลาแถว นักเลงราคาถูกจะรีบมาเข้าแถวทันที. 

๒๑๐๐ น.  ทุกคนต้องมาอยู่บนเตียงทันที่ที่เสียงแตรนอน..เริ่มดังขึ้น..จนท.จะเปิดเทปและปล่อยเสียงมาตามลำโพงที่ติดไว้ตามเสาไฟฟ้า..บริเวณพื้นที่การฝึก..แต่แต๊ - แต่แตแต๊..พอจบเสียงแตรที่ทุกคนจะต้องฟังและจดจำมาตลอดคือ..นอน..นอนหมดคน. ใครที่ยังค่อยๆเยื้อง-ย่าง  ยังไม่อยู่บนเตียงล่ะก็ระวัง ! เพราะช่วงนี้เองนายทหารเวรจะเดินตรวจตามกองร้อย. ทุกกองร้อย..ขึ้นอยู่กับความหย่อนยานหรือเอาจริงเอาจังของแต่ละท่าน. 

* ขออธิบายเรื่องพรรคเหล่าของทหารเรือ. ระหว่างที่นายทหารเวร  ยังเดินมาตรวจไม่ถึงกองร้อยที่เราประจำอยู่ ผู้เขียนขอย้อนกลับมาที่ดริลฮอลล์สักนิด. เมื่อได้รับแจกชุดกลาสีกากีที่เรียกว่าชุดหลวง.เพราะหลวงแจกแบบผ้าหนา. ตัวเสื้อจะไม่มีเครื่องหมายเหล่าติดมาด้วยเพราะทางกรมพลาธิการต้องการให้ผู้รับไปซื้อติดเอาเอง.จะได้ตรงเหล่า. ที่ร้านค้าของรร.พลทหารนั้นจะมีเครื่องหมายเหล่า  ให้นักเรียนจ่าได้เลือกตรงตามเหล่าใครซื้อแล้วทางร้านจะติดให้ฟรีทันที.จะบวกรวมมาแล้วก็ช่างเถอะเพราะอย่างน้อย คนซื้อก็ดีใจที่ได้ยินว่าเราติดให้ฟรี. เลือกเหล่าไหนดีคะ ?

๑๓. เครื่องหมายเหล่าของกองทัพเรือ.

จากซ้ายบนไปทางขวาแล้วลงจากล่างซ้ายไปขวา.

๑. เหล่าสามัญ. มีเฉพาะทหารเรือ. เรียกว่าพังงา.ถ้าบนบกจะเป็นเหล่าขนส่งทหารเรือ      มีแต่วงกลมไม่มีด้ามจับ. เรียกว่าพวงมาลัย..บอกว่าพวงมาลัย.ไม่ใช่ยางอะหลั่ย.

๒. เหล่าปืน. จะเป็นของปืนใหญ่เรือ. ต่อมาจึงมีเหล่าทหารปืนใหญ่ของนย.

๓. พรรคกลิน. ไม่มีเหล่าเพราะใครเลือกพรรคนี้ต้องทำงานในห้องเครื่องยนต์. ไม่เกี่ยวกับพรรคฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล แต่อย่างใด ?..ไม่ต้องประท้วง.

๔.พรรคนาวิกโยธิน. เหล่าทหารราบ. มีเฉพาะทหารนาวิกโยธิน แล้วจะรู้ได้อย่างไรเวลาแต่งชุดกลาสี ?ให้ดูที่แขนเสื้อเพราะจะมีเครื่องหมายปืนเล็กไขว้ติดอยู่  อีกแห่งคือที่แถบหมวกกลาสีนั้นจะระบุชื่อหน่วยไว้เช่น..พันร.๑พล.นย หรือกองพันทหารช่างนย.ฯ เพราะต่อมาเมื่อนย.เปิดเหล่าทหารปืนใหญ่ขึ้น..ถ้าไม่แยกให้ชัดเจนเวลาทหารเรือไปมีเรื่องจะไม่รู้ว่า..จ่าขี้เมาคนนั้น..มาจาก กองเรือภาค ๑ หรือมาจากปืนใหญ่นย.  

๕.เหล่าแพทย์. นักเรียนที่สอบเหล่านี้ได้..ส่วนใหญ่จะหัวดี เพราะหลายคนในแต่ละรุ่นมีโอกาสเข้าไปเรียนต่อที่รร.เตรียมทหาร.รุ่นเดียวกับผู้เขียนก็มี๑ท่าน..ขอเอ่ยนาม..เพื่อเป็นเกียรติแก่รุ่นทร.๐๙  คือ นรจ.จำรัส เผือกประพันธ์. เพิ่งจะเออร์รี่ออกไปในยศพลเรือโทเมื่อปีก่อน เราพบกันครั้งสุดท้ายที่งานเลี้ยงของ..สมาคมนักเรียนจ่านาวิกโยธิน จัดที่อาคารเอนกประสงค์นย.แต่ที่ล่าสุดกว่านี้คือเราได้พบและคุยกันอย่างสนิทใจที่ศาลาสามงานสวดศพเพื่อนร่วมรุ่นทร.๐๙ แปลกแต่จริงครับ !คนเราพอหัวโขนหลุดจากตัวแล้ว.ค่อยคุยกันง่ายกว่าตอนที่พี่แกเห็นเพื่อนร่วมรุ่นเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเสียอีก ใครที่ยังรับราชการอยู่อ่านถึงตรงนี้ให้รีบแก้ไขโดยด่วนน๊ะครับเจ้านาย..เสียงจากลูกน้องครับ.มิใช่เสียงของผู้เขียน. ผมเองเจอกับตัวเองบ่อยๆครับเพื่อนร่วมรุ่นทร. ๐๙ของผมแท้ๆ  เจอกันที่ร.พ.พี่แกพูดคุยกับผมฟังแล้วเหมือนผมยังเป็นผู้ใต้บังคับ..ผมไม่คบหรอกครับเพื่อนดีดีเช่นนี้.กลัวความไม่ดีของเราจะแอบไปติดตัวพี่แกเข้า..อย่างน้อยก็เป็นบาปทางใจ.

๖.เหล่าทุ่นระเบิด. ใครเลือกเหล่านี้ต้องทำงานบนเรือสถานเดียว.

๗.เหล่าสื่อสาร. เหล่านี้กว้างขวางมาก  ถ้าต้องออกจากราชการมีหลายหน่วยงานอ้าแขนรับทันที ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน. เพื่อนรุ่นพี่ผมพอกลับจากเกรทเลคพร้อมกัน มีบริษัทเอกชนมาติดต่อเชิญไปร่วมงานด้วยแถมยังจ่ายค่าปรับให้กองทัพเรือทั้งหมด. มิใช่เป็นการทรยศหรอกครับแต่เพื่อความอยู่รอดต่างหาก เพราะยุคปัจจุบันนี้เรื่องสมองไหลนั้นเป็นเรื่องธรรมดา. ถ้าไม่ใส่หมวกกันน๊อค.

<span st

หมายเลขบันทึก: 480147เขียนเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2012 12:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 03:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดีครับ มาให้กำลังใจ นรจ.๐๙ ครับ....

อ่านตั้งแต่แรก จน จบ ตื่นเต้น สนุกมากเรยจ้รา  ขอบพระคุณ  นรจ. 09 มากๆคร๊าฟๆๆ 

ชอบมากเลยครับเรื่องราวสมัยเก่าก่อน รอฟังต่ออีกนะครับ เป็นประโยชน์กับคนรุ่นหลัง บางเรื่องที่คิดว่าไม่น่าสนใจกลับเป็นปริศนาที่บางคนแสวงหาคำตอบก็มี อีกอย่าง ผมเชื่ออย่างที่ทหารเรือบอกว่าคนไทยไม่รู้สึกผูกพันกับท้องทะเล ทำให้กองทัพเรือไม่ค่อยก้าวหน้า บางอย่างก็น่าคิด การผลิตทหารเรือต้องทำให้ทหารเรือผูกพันกับทะเล แต่ดูเหมือนว่าปัจจุบันนายทหารเรือชอบทางบกอย่างไรก็พิกลอยู่จึงเป็นอีกแรงที่สร้างความรู้ให้กับเยาวชนรุ่นหลังๆ ขอบคุณที่แบ่งปันประสปการณ์

th → en
That is .
 

ชอบมากเลยครับ (ผมอยากถามผู้รู้หน่อยครับ ว่า โรงเรียนชุมพลทหารเรือ เมื่อก่อนรับวุฒิการศึกษาชั้นไหนครับ ก่อนที่จะมารับวุฒิ ม.ปลาย คือมีคนเคยบอกว่า เมื่อก่อนรับวุฒิ มศ.3 ใช่หรือเปล่าครับ) ขอบคุณครับ

ชอบมากเลยครับ ผม ทร ๓๒ ตอนที่อยู่ในโรงเรียนชุมพลทหารเรือ ชีวิตมีหลากหลาย แต่ที่สำคัญเรามีเพื่อน จนปัจจุบันหลายๆคนลาออกไปประกอบอาชีพส่วนตัว รับราชการตำแหน่งใหญ่โต ในหลายๆกระทรวงแต่พวกเรารักกัน เพราะว่าเรามีจุดเริ่มต้นที่เดียวกันคือ นักเรียนจ่าทหารเรือ โรงเรียนชุมพลทหารเรือ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท