รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ๒ ได้กำหนดว่า พื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบนจะเน้นไปที่ทำแก้มลิง ส่วนภาคกทม.ปริมณฑลเน้นการขุดคลองระบายน้ำ ซึ่งผมไม่เห็นด้วย
ผมเห็นว่าภาคกทม.ฯ ต้องทำแก้มลิงให้มากกว่าภาคกลางตอนบนเสียอีก เพราะถ้าฝนไม่ตกที่ภาคอื่น แต่ตกหนักเฉพาะกทม.ฯ ล่ะ มันก็ท่วมหนัก
ลองคำนวณดูนะครับ พื้นที่กทม. และปมฑ. นั้น มีพื้นที่อย่างน้อย 10,000 ตร.กม. ถ้าฝนตกหนักสามวันสามคืน ก็อาจรับน้ำ 1 หมื่นล้านลบ.ม. ถ้าตกเจ็ดวันเจ็ดคืน ก็ 2 หมื่นล้านลบ.ม. แล้วถ้าพื้นที่ด้านในไม่มีแก้มลิงพยุงน้ำเลย คลองที่ว่ามันก็คงระบายน้ำไม่พอ ก็ต้องล้นมาท่วมอยู่ดี
ดังนั้นแก้มลิงควรมีกระจาย ที่ภาคกลางตอนบน ตั้งแต่นครสวรรค์ลงมา และที่ควรมีมากคือปมฑ. ด้วยซ้ำไป
การเวนคืนที่ดินนั้น ถ้ามียุทธศาสตร์ที่ดีไม่น่าต้องเสียเงินเลย ไม่ว่าการขุดคลอง หรือทำแก้มลิง เพราะมันจะทำให้ที่ดินมีราคาสูงขึ้นมาก แล้วเราก็เอาค่าที่ดินที่ขึ้นราคานั้นมาชดใช้ค่าเวนคืนสิ แต่ต้องมีการลงทะเบียนว่าใครเสียพื้นที่และใครได้ทีดินติดแก้มลิงและคลอง แล้วมีการจัดสรรแบ่งปันรายได้ให้ดี มีคกก. ควบคุมการซื้อขายที่ดินเป็นการเฉพาะ
ที่ดินจะขึ้นราคาเพราะพื้นที่รอบๆแก้มลิงนั้นจะสวยงามมาก เพราะเป็นทะเลสาบจำลอง จะมีบ้านจัดสรรไปสร้างกันมาก อีกทั้งการประมงที่ทำได้ก็ให้มีการจัดสรรรายได้มาชดใช้ค่าเวนคืนอีก
พื้นที่ริมคลองก็ทำนองเดียวกัน จัดสรรให้ดี คลองจะเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ จะมีโรงงานไปตั้งมาก เพราะสามารถขนสินค้าออกสู่ทะเลและท่าเทียบเรือได้เลย ทุ่นค่าขนส่งไปได้มาก แล้วอาจทำเป็นคลองด่วน (เก็บค่าผ่านทาง) แล้วเอารายได้มาชดใช้ค่าเวนคืน (อีกแล้ว)
...คนถางทาง (๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕)
ไม่มีความเห็น