น่าเห็นใจกับสัตว์น้ำในทะเล
ที่ต้องได้รับผลพวงของการกักกั้นกองกำลังน้ำมหากาฬ
ไม่ให้ไหลผ่านสู่มาตุภูมิแห่งท้องทะเล...
ยิ่งกักกั้นนาน ความเน่าเหม็นและเชื้อโรคยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อถึงเวลาที่ต้องปล่อยลงสู่ทะเล
ปริมาณน้ำจืดมหาศาลจะเต็มไปด้วยความสกปรก
และความเน่าเหม็นแบบจัดหนัก
ระบบนิเวศจะเสียหาย สัตว์ทะเลจะล้มตายมหาศาล
เพราะไม่สามารถรับการพุ่งทะลักของกองกำลังน้ำมหากาฬ
ที่กลายเป็นเพชฌฆาตประหัดประหารสัตว์น้ำผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย!
ยิ่ง “ท่านผู้ยิ่งใหญ่” กักกั้น
ไม่ให้ไหลผ่านตัวเมืองที่เป็นทางผ่านของน้ำอย่างแท้จริงสู่ทะเล
ก็จะยิ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่วัตถุประดิษฐ์ที่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้
แต่เป็นความสวยงามที่ธรรมชาติรังสรรค์
ไม่มีวันที่จะกลับมาได้เหมือนเดิมในระยะเวลาเพียง 1 – 2 ปี
แต่ใช้เวลาเป็นร้อยๆ ปี
ในการฟื้นฟูระบบนิเวศวิทยาและป่าชายเลนของไทย
แนวโน้มน้ำเน่านอกจากจะเน่าข้ามปีแล้ว
ยังส่งผลต่อพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก ยาวประมาณ 20 กิโลเมตร
เริ่มจากเขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ถึงอำเภอปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์
ระบบนิเวศแถวนั้น จะทรุดโทรมขนาดไหน?
แล้วใครจะเป็นผู้แก้ไข ช่วยไขข้อข้องใจให้ที?
เมืองเทวดาก็แค่เมืองเจรจา!!
ระบบนิเวศเสียหายอาจจะคิดว่าไม่เท่าไหร่
เพราะส่วนใหญ่ท่านที่สามารถตัดสินใจในการบริหารจัดการน้ำ
ก็ห่วงแต่ด้านวัตถุสิ่งของมูลค่าหลายร้อยล้านบาทในตัวเมือง
อ้างถึงความเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ
แต่ในความเป็นจริง
แหล่งผลิตอุตสาหกรรมรายใหญ่ๆ และเกษตรกรรมขนาดยักษ์
ต่างได้พบภัยพิบัติจนสิ้นแล้ว
กรุงเทพ หรือ “เมืองเทวดา” ไม่ใช่ศูนย์กลางทุกเศรษฐกิจ
แต่เป็นเพียง “แหล่งเจรจาทางธุรกิจ” มากกว่า
เพราะศูนย์กลางการผลิตเกือบทั้งประเทศ
ไม่ได้เกิดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร แต่เกิดขึ้นยังเขตเมืองรอบๆ กรุงเทพ
และตัวเมืองที่กำลังพัฒนาให้สมบูรณ์
ดังที่ได้ยินว่า “นิคมอุตสาหกรรม”
ดังนั้น ชาวเมืองเทวดา จึงน่าจะทำความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับพื้นที่อย่างแท้จริงว่า
มีส่วนในการผลิตจริงหรือไม่? ที่กิจการต่างๆ ในกรุงเทพหยุดชะงัก
ท่านตรองดูสิว่า เกิดจากสาเหตุใด
โรงงานการผลิต สายส่งอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์บางชนิด ไม่สามารถเปิดทำการได้
เนื่องจากกองกำลังน้ำมหากาฬได้ก่อความเสียหายจนต้องนิ่งสนิท
หยุดดำเนินการ เมื่อกระบวนการผลิตต่างๆ ไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน
ซ้ำยังมีเรื่องของระบบการขนส่งที่ล่าช้าเป็นเต่า
จึงทำให้เศรษฐกิจภายในกรุงเทพไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
ยิ่งท่านป้องกัน “เมืองเทวดา” นานเท่าไหร่
เศรษฐกิจในประเทศยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น
แต่หากท่านผู้ยิ่งใหญ่ กล้าปล่อยกองกำลังน้ำมหากาฬให้ผ่านไปตามธรรมชาติ
เชื่อว่าไม่นานประเทศไทยก็จะสามารถกลับฟื้นคืนสู่ความเข้มแข็งได้โดยเร็ว
หรือเพียงว่า “บางกลุ่มก้อน”
ไม่ต้องการให้ประเทศไทยฟื้นตัวโดยเร็ว ก็เท่านั้นเอง!!
เพราะอาจจะยังมีโครงการพิเศษที่ต้อง “จัดการเป็นพิเศษ”
หากบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะนิ่งสงบพร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างจริงจัง
อาจจะไม่มีเวลา ไม่มีโอกาส
เพราะต้อง “เร่งรีบปกปิด”
อะไรบางประการที่เคยทำไว้!
ผมไม่นิยมการอ้างอิงด้วยหลักการต่างๆ
หรือริอ่านเป็นนักวิชาการที่ต้องรู้กว้าง!
แต่ขอใช้ Common Sense ในการพิจารณา
เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องง่ายๆ ที่สามารถทำได้
แต่ “ท่านผู้ยิ่งใหญ่” ไม่ปรารถนาจะทำ
เพียงเพราะ “อำนาจ” ไม่ได้ถูกหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันต่างหาก
ประเทศไทยจึงได้วุ่นวายไม่รู้จบ ประชาชนแตกสามัคคี
เพราะทนไม่ได้กับคำว่า “ต้องเสียสละ”
เพื่อให้ “เมืองเทวดา” รอดพ้นจากกองกำลังน้ำมหากาฬ
ถึงเวลาที่ “เมืองเทวดา” ต้องเสียสละบ้างแล้ว
“พึงตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต
แต่หากสามารถเยียวยาแบบไม่เรื้อรัง
ทั้งอวัยวะและชีวิตจะดีกว่าไหม?”
บทความโดย Trainerpatt
ไม่มีความเห็น