ชีวิตที่พอเพียง : 1463A. วิจัยซ้อนวิจัยเพื่อส่งเสริมปฏิบัติการทางสังคมด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ในโรงเรียนและชุมชน
เช้าวันที่ ๓๑ ธ.ค. ๕๔ วันสิ้นปี ผมหยิบหนังสือ การวิจัยเพื่อส่งเสริมปฏิบัติการทางสังคมด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียนและชุมชน โดยเนาวรัตน์ พลายน้อย และสมศรี ศิริขวัญชัย ที่สนับสนุนการวิจัยและจัดพิมพ์โดยมูลนิธิสยามกัมมาจลขึ้นมาอ่าน เพื่อทบทวนชีวิตของตนเองในปี ๒๕๕๔
น่าเสียดายที่หนังสือเล่มนี้หาอ่านไม่ได้บนอินเทอร์เน็ต
หนังสือเล่มนี้มีคุณค่าตรงที่ทีมของแต่ละโรงเรียนเป็นผู้ทำวิจัย เพื่อ empower ตนเองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียนและชุมชน ทำวิจัยแล้วมีการบันทึกผลและข้อเสนอแนะไว้ในหนังสือเล่มนี้
หนังสือเล่มนี้จึงเป็น “ข้อมูล” สำหรับนำมาใช้ในการทำวิจัยต่อได้ โดยมีโจทย์วิจัยว่า ผลข้อค้นพบที่เป็นวิธีปฏิบัติที่ดีในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียนและชุมชน ได้มีการดำเนินการต่อเนื่องหรือไม่ ข้อเสนอแนะจากรายงานการวิจัยแต่ละเรื่อง มีการนำไปปฏิบัติเพียงใด หากมีการนำไปปฏิบัติปัจจัยอะไรที่ทำให้มีการนำไปปฏิบัติ หากไม่มีการนำไปปฏิบัติ ปัจจัยอะไรที่ทำให้ไม่มีการนำไปปฏิบัติ ในส่วนที่มีการนำไปปฏิบัติต่อเนื่องเกิดผลกระทบอย่างไร ต่อใครบ้าง เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่มีการนำไปปฏิบัติ แตกต่างกันอย่างไร ข้อค้นพบนี้บอกประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ในการทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงในสังคมไทยอย่างไรบ้าง
ผมเกิดอาการ “ของขึ้น” เช่นนี้ เพราะเมื่อเย็นวันที่ ๓๐ ธ.ค. ๕๔ ผมไปร่วมประชุมหารือระหว่าง HITAP กับ SCBF เรื่องความร่วมมือวิจัยประเมินผลกระทบของ Social Intervention ที่มูลนิธิสยามกัมมาจลดำเนินการไปแล้ว และงานชิ้นหนึ่งคือการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติผ่านกลไกของโรงเรียน ที่เราอาจสงสัยว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะในความเป็นจริงของสังคมไทยในปัจจุบัน โรงเรียนเป็นสถาบันที่อ่อนแอในเชิงอุดมการณ์ และในเชิงความมั่นใจในตัวตนของตนเอง เพราะอยู่ใต้อาณัติของอำนาจเบื้องบนอย่างเคร่งครัดเป็นเวลานานมาจนปัจจุบัน
เมื่อมีประเด็นสงสัยเชิงนโยบาย ทีมวิจัยของ HITAP จะมีความชำนาญในการตอบคำถามยากๆ เช่นนี้ โดยตอบและเสนอทางเลือกหลายทางพร้อมคำอธิบาย
หลังจากกลับจากการพูดคุยตอนเย็นวันที่ ๓๐ ธ.ค. ๕๔ กลับมานอนฝันไตร่ตรอง ๑ คืน ผมก็สรุปกับตนเอง (ไม่ทราบว่าสรุปผิดหรือเปล่า) ว่า SCBF ไม่ควรชวน HITAP (และ HITAP ก็ไม่ควรรับ) ทำวิจัยเสนอแนะนโยบายในเรื่องเล็กๆ เฉพาะกิจ แต่ควรใช้ให้ประเมินเรื่องนโยบายทางเลือกในการดำเนินนโยบายภาพใหญ่ และเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงน่าจะเป็นเรื่องใหญ่มาก
ผลการวิจัยในหนังสือเล่มนี้ เรื่องเแรกชื่อ การสร้างค่านิยมตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้โครงงานบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนกัลยาณวัตร อ. เมือง จ. ขอนแก่น ตรวจสอบผลกระทบต่อนักเรียนที่ทำโครงงานบูรณาการ “KW Model” ในเรื่องค่านิยม ๗ ด้าน ได้แก่ แกร่ง กล้า สามัคคี ซื่อสัตย์ ประหยัด มีน้ำใจ และ พึ่งตนเอง โดยใช้แบบสอบถามถามนักเรียน ครู และใช้แบบสัมภาษณ์ผู้ปกครอง
ผมไม่ทราบว่าคณะครู ๖ คนที่ทำงานวิจัยชิ้นนี้ และผู้บริหาร รร. กัลยาณวัตร มองเป้าหมายการทำวิจัยชิ้นนี้อย่างไร แต่ผมมองว่างานวิจัยชิ้นนี้เป็น internal evaluation หรือ formative evaluation สำหรับใช้ผลการวิจัยในการปรับปรุงการทำงานของตนเอง ผมอยากรู้ว่ามีการนำผลการวิจัยไปปรับปรุงการทำงานของตนเองแค่ไหน
ผู้วิจัยเขียนข้อเสนอแนะไว้ ๒ ข้อ ผมอยากรู้ว่าผู้วิจัยและผู้บริหารโรงเรียนกัลยาณวัตรนำข้อเสนอแนะไปใช้บ้างหรือไม่ ใช้อย่างไร
ที่จริงข้อเรียนรู้ที่ผมอยากเห็นจากการวิจัยคือ ครูทำหน้าที่ facilitator หรือ mentor อย่างไร นักเรียนจึงจะเรียนรู้ค่านิยมได้ลึกและเกิดเป็นทักษะและฉันทะ ได้อย่างมีประสิทธิผล แต่การวิจัยนี้ไม่ได้ตั้งโจทย์ไว้
ผลงานวิจัยเรื่องที่ ๒ ในหนังสือเล่มนี้คือ ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียน โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย อ. ชะอำ จ. เพชรบุรี ใช้วิธีเก็บข้อมูลโดยแบบสอบถามให้นักเรียนกรอก ข้อค้นพบที่น่าสนใจอยู่ที่หน้า ๓๒ ของหนังสือ ดังนี้ “3.9 บุคคลที่สำคัญในครอบครัวที่อบรมกล่อมเกลานักเรียน ไม่ว่าจะเป็นบิดา มารดา ปู่ย่าตายายและอื่นๆ ไม่มีผลให้การปฏิบัติตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทั้ง 4 มิติ”
และผมติดใจข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป ดังนี้ “1. จากการวิจัยครั้งนี้พบว่า เพื่อนมีบทบาทมากกว่าครูในการโน้มน้าวชักจูงนักเรียนให้ปฏิบัติตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงควรวิจัยเรื่อง วิธีเพิ่มบทบาทให้ครูเป็นต้นแบบแก่นักเรียนในการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่ปฏิบัติให้ดียิ่งขึ้น” ข้อเสนอแนะนี้สร้างคำถามขึ้นในใจผมว่า ผู้บริหารโรงเรียนได้นำข้อสรุปนี้ไปใช้งานอย่างไรบ้าง
เอาแค่ ๒ กรณีตัวอย่างผลการวิจัยตามในหนังสือเล่มนี้ เราก็ได้โจทย์วิจัยเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนปรัชญาและการดำรงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงในสังคมไทยแล้ว เพียงพอที่จะให้ SCBF กับ HITAP คุยกันต่อ
วิจารณ์ พานิช
๓๑ ธ.ค. ๕๔
เรียน อาจารย์วิจารณ์ ที่เคารพ
วันที่ ๔ – ๕ มิถุนายน ๒๕๕๓ โครงการวิจัยเศรษฐกิจพอเพียง สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จัดการประชุมระดมความคิดเกี่ยวกับงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการศึกษา ที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง กรุงเทพฯ เพื่อทบทวนผลการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาที่ผ่านมา และวางแผนการทำงานในอนาคต
หนูตามไปเรียนรู้ และทำบันทึกข้อเสนอเรื่อง ปลูกความพอเพียงลงในแผ่นดิน ตอนที่ ๑ และ ๒ ไว้ดังนี้ค่ะ
gotoknow.org/blog/krumaimai/364716
gotoknow.org/blog/krumaimai/364717
พร้อมกันนี้ยังได้นำบันทึกนี้เรียนเสนอต่อ ดร.ปรียานุช ซึ่งท่านได้ตอบกลับมาว่า
ขอบคุณครูใหม่ สำหรับบทสรุปที่นำไปสู่ข้อคิดที่ดีค่ะ
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ครูใหม่