Archanwell
รศ.ดร. พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร

ข้อวิเคราะห์ความโชคร้ายซ้ำซ้อนที่เกิดกับกลุ่มคนที่มีทางเลือกในชีวิตค่อนข้างน้อย :บทเรียนชีวิตของใหม่ในระหว่างมหาวิกฤติภัยจากน้ำท่วมภาคกลางของประเทศไทยในเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔


ข้อวิเคราะห์ความโชคร้ายซ้ำซ้อนที่เกิดกับกลุ่มคนที่มีทางเลือกในชีวิตค่อนข้างน้อย :บทเรียนชีวิตของใหม่ในระหว่างมหาวิกฤติภัยจากน้ำท่วมภาคกลางของประเทศไทยในเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔ โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร เมื่อวันอังคารที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔

คำบ่นของใหม่

ในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๐.๔๗ น. คุณใหม่ Lakkana Senghaphun นิติศาสตร์บัณฑิตแห่งคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ ได้เขียนบันทึกใน FB ว่าด้วย “สิ่งที่ฉันไม่เคยเข้าใจ” โดยมีรายละเอียดว่า

“ในมุมมองช่วงน้ำท่วมทำให้ฉันเข้าใจในประเด็นจิตอาสามากขึ้นแต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการหาคำตอบเพราะฉันเชื่อว่าจิตอาสาเป็นสิ่งที่อยู่ในใจลึกๆของมนุษย์ทุกคน

แต่ประเด็นของบันทึกนี้มันอยู่ที่ว่าฉันไม่เข้าใจว่า “ทำไมกลุ่มคนที่เคราะห์ร้ายไม่ว่าจะเป็นกรณีน้ำท่วมครั้งนี้หรือกรณีเหตุร้ายหรือภัยพิบัติใดๆ สิ่งที่จะต้องเกิดตามมาคือความโชคร้ายซ้ำซ้อนที่เกิดกับกลุ่มคนที่มีทางเลือกในชีวิตค่อนข้างน้อย

ยกตัวอย่างจากรายการ ทูไนท์โชว์ ที่มีสาวท้องแก่เกินกำหนดคลอดพอสอบถามประวัติไปมาทำให้รู้ว่า ครอบครัวของเธอมีลูกแล้วรวมคนที่เป็นข่าวว่า คลอดช่วงน้ำท่วม คือ 5 คน ซึ่งรายได้ของครอบครัวเกิดจากความไม่แน่นอนในการรับจ้างซ่อมไฟของพ่อและรายได้ของแม่ที่เพียงวันละ 190 บาท แต่ต้องดูแลทั้งหมดถึง 10 ชีวิต

จากประเด็นนี้ทำให้ฉันสงสัยและไม่เข้าใจว่า ในเมื่อครอบครัวของเขารู้อยู่แล้วว่า รายจ่ายมีค่อนข้างสูงมากกว่ารายรับ ทำไมจึงไม่มีการป้องกันและวางแผนในการมีบุตร ในยุคปัจจุบันคงอ้างไม่ได้แล้วว่า การศึกษาไม่พอเพียงเพราะความกลัวที่จะอยู่รอดน่าจะทำให้กลุ่มคนเหล่านี้คิดได้

อาจจะดูเหมือนฉันมองโลกแง่ลบ แต่ในความรู้สึกจริงๆ นั้นฉันแค่ต้องการรู้คำตอบเพื่ออาจจะมีวิธีปรับเปลี่ยนคุณภาพชีวิตของประชากรได้บ้าง เพราะอีกมุมหนึ่งคนที่มีทุกอย่างพร้อมแต่กลับมีบุตรไม่ได้ก็มากมาย ฉันเลยตอบโจทย์ที่ฉันสงสัยไม่ได้ว่า เรื่องซ้ำซากที่เกิดบนโลกเรานี้มันเกิดจากสาเหตุใด????

ถ้ามองแนวสังคมคงตอบว่าคนเหล่านั้นอาจไม่รู้จักการวางแผน

ถ้ามองแนวศาสนาคงบอกคนเหล่านี้ต่างต้องชดใช้กรรมของตน

ถ้ามองแนวสิทธิมนุษยชนคงมีคนบอกว่า พวกเขาอาจต้องการมีลูกมากเพื่อได้มีครอบครัวที่อบอุ่น

***บอกตรงๆว่าแม้ฉันจะเขียนบันทึกระบายแล้วฉันก็คงยังไม่ได้คำตอบ จะขอขอบคุณมากที่มีคนมาไขข้อสงสัยหรือแนะมุมมองให้ฉันได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติหรือทำให้มันกระจ่างขึ้น*****

-----------------------

ความเห็นของ อ.แหวว

------------------------

ในประการแรก อยากบอกว่า เรื่องจริงหรือประสบการณ์เป็นครูที่ดีที่สุด มนุษย์ทุกคนมีทั้งโอกาสที่จะพัฒนาและปัญหาที่เป็นอุปสรรคของการพัฒนา เรื่องของพรหมลิขตหรือปัจจัยภายนอกอาจนำมาทั้งโอกาสหรือปัญหาในการพัฒนาคุณภาพชีวิตมนุษย์ แต่มนุษย์แต่ละคนมีความแตกต่างกันในการใช้อารมณ์และเหตุผล ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน

ในประการที่สอง อยากบอกว่า มนุษย์ทุกคนมีปัญญาได้ หากใช้เหตุผล แต่มนุษย์ทุกคนก็มีอารมณ์แฝงอยู่ และอารมณ์นี้อาจจะเพิ่มหรือลดประสิทธิภาพให้แก่เหตุผล เมื่ออารมณ์เป็นตัวกำหนดชีวิต ชีวิตก็จะเต็มไปด้วยตัณหา โทสะ โมหะ และโลภะ ปัญญาอาจแทรกเหตุผลเข้ามาในสมองได้ในบางคน หรือในบางสถานการณ์

ในประการที่สาม คนจนนั้นมีหลายประเภท อาจจะจนความรักเพราะลุ่มหลงในตัณหาราคะมากเกินไป อาจจะจนสติเพราะมีโทสะมากเกินไป อาจจะหลงตัวเองจนหลุดจากความจริงเพราะมีโมหะมากเกินไป หรืออาจจะจนทรัพย์สินเพราะมีโลภะมากเกินไป การแก้ปัญหาความจน ก็คือ การคิดแบบพอเพียงหรือเพียงพอให้ได้ สมดุลหรือทางสายกลางหรือมัชชิมาปฏิปทาเป็นทางสู่ความพอเพียง ความร่ำรวยทางปัญญาย่อมเกิดขึ้นได้ หากเรามีความพอเพียงในความรัก ความคิด ความเชื่อ และความมี เมื่อเกิดความจนในเรื่องใด ก็ต้องแก้ไขที่สาเหตุ เมื่อมีเงินน้อย ก็ต้องหาเงินให้มาก จะหาเงินมากได้ ก็ต้องมีความรู้ เมื่อไม่มีความรู้ ก็ต้องหาความรู้ เมื่อมีความรู้ ก็จะมีงานทำ มีเงิน แต่ก็อาจจนความรักหรือความคิดหรือความเชื่อ มีเงินน้อย ก็อย่าไปคิดที่จะแบกใครมาเป็นภาระ เมื่อเป็นเด็กจึงต้องเรียนและทำงาน เมื่อมีทรัพย์สินพอเลี้ยง ก็ค่อยมีลูก

ในประการที่สี่ ปัญหาเกิดเพราะปัญญาไม่มี การแก้ไขปัญหาจึงต้องสร้างปัญญาแก่เจ้าของปัญหา และให้เจ้าของปัญหาใช้ปัญญาที่เกิดในสมองของตนเองแก้ไขปัญหาของตนเอง การแก้ไขปัญหาแบบนี้จะยั่งยืนค่ะ การพัฒนาคุณภาพของคนจึงควรเริ่มต้นให้เจ้าของปัญหาเข้าใจสาเหตุของปัญหาของตนด้วยปัญญา มิใช่ด้วยอารมณ์ การปฏิรูป "จิตปัญญา" ในทุกระดับชนชั้นของสังคมจึงจำเป็น สิ่งนี้จะนำสังคมไปสู่ความตระหนักรู้ในสาเหตุของปัญหาและทางออกที่ยั่งยืนของปัญหาค่ะ

หากเราพบสัจจธรรม เราก็จะดำเนินชีวิตได้อย่างดีงามมากขึ้นค่ะ เข้าใจชีวิตและเข้าใจโลก เข้าใจคนและสรรพสิ่งรอบตัว

------------------------

http://www.facebook.com/note.php?note_id=10150346405521901

http://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=567&d_id=566

----------------

หมายเลขบันทึก: 468304เขียนเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2011 17:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน 2012 17:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท