สถานที่อันน่ารื่นรมย์
ยตฺถ อรหนฺโต วิหารนฺติ ตํ ภูมิรามเณยฺยกํ ฯ เป็นอาทิ พระอรหันต์ทั้งหลาย (ผู้ห่างไกลจากกิเลส) อยู่ในที่ใด จะเป็นบ้านก็ตาม ป่าก็ตาม ที่ลุ่มหรือที่ดอนก็ตามที่นั้นย่อมเป็นสถานที่อันน่ารื่นรมย์
คำว่า พระอรหันต์นั้น เป็นชื่อของท่านผู้ได้บรรลุคุณธรรมอย่างหนึ่ง คือ อรหัตต์ หมายถึง ความเป็นผู้ห่างไกลจากกิเลส ไม่มี โลภ =ความอยากได้ โทสะ = ความโกรธ โมหะ= ความหลง เหลืออยู่ในจิตใจอีกเลย
พระผุ้มีพระภาคเจ้า มีพระนามอย่างหนึ่งว่า อรหันต์ เพราะเหตุดังนี้
๑.เพราะทรงเป็นผู้ห่างไกลจากกิเลส ๒. เพราะเป็นผู้สามารถกำจัดข่าศึกคือกิเลสได้แล้ว ๓.เพราะทรงหักกรรมแห่งสังสารจักรได้แล้ว ๔.ทรงเป็นผู้ควรรับปัจจัย ๔ ที่ทายกถวายด้วยศรัทธา ๕.ไม่ทรงกระทำบาปในที่ลับ
บุคคลผู้มีกิเลสสิ้นแล้ว ได้นามว่า อรหัตต์ จะอยู่ที่ใด ที่นั่นกลายเป็นที่รื่นรมย์ เพราะใจรื่นรมย์ ตรงข้ามกับใจกังวล เมื่ออยู่ที่ใดก็เป็นทุกข์
"สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ" ใจผ่องใสสวรรค์เกิด ประสริฐแล"
ความวิตกกังวลเป็นมารของความสุข บางที่และเสมอ ๆมนุษย์เราชอบสร้างเรื่องขึ้นมาให้ใจวิตกกังวลเล่น ชอบสมมติล่วงหน้าไปนานๆ และมักสมมติสิ่งที่น่ากลัว สมมติว่าถ้าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้มากมายหลายเรื่อง แล้วจะทำอย่างไร คงจะทนไม่ได้ เมื่อคิดเช่นนี้ใจก็วิตกกังวลล่วงหน้าไปหลาย ๆ ปี พอถึงเวลานั้นเข้าจริง ๆก็ไม่มีอะไร เกิดขึ้นในทางร้ายเลย ความวิตกกังวลล่วงหน้ามาเป็นปี ๆ นั้นจึงเป็นเพียงความทุกข์ เปล่า ๆ ไม่ได้รับประโยชน์อะไรคุ้มค่าเลย
ด้วยเหตุนี้ ทางจิตวิทยาจึงสอนเราว่า ถ้าจะคิดสมมติขอให้สมมติไปในทางที่ดี ผลดีจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่เกิดขึ้นก็ตาม แต่ผลที่แน่นอนก็คือ ทำให้ใจของเราเป็นสุขรื่นรมย์ เป็นต้น
พระพุทธองค์ทรง แสดงธรรมแก่ นางวิสาขามหาอุบาสิกา ที่บุพพาราม เมืองสาวัตถี ทรงปรารภพระเรวัตเถระ น้องชายพระสารีบุตร ฯ
จากธรรมบทแห่งความดี เล่ม ๒ วศิน อินทสระ
ไม่มีความเห็น