เรื่องเล่า
เรื่องเล่า โรงพยาบาลท่าสองยาง

ต้นส้มแสนรัก


เรื่องอยากเขียน

ต้นส้มแสนรักภาค ๑ : โจเซ่ วาสคอนเซลอส เขียน

 

ต้นส้มแสนรักแทบจะเป็นหนังสือวรรณกรรมเยาวชนเล่มแรกที่ฉันอ่านก็ว่าได้

ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้โดยที่ไม่ต้องให้ใครแนะนำ และฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า

วรรณกรรมเยาวชนเล่มนี้มีคนชื่นชอบแค่ไหน

ฉันจำได้ว่าอ่านต้นส้มแสนรักตอนนั้นประมาณปี ๒๕๔๐ หรือ ๔๑ แล้วนี่แหละ

เป็นช่วงปีที่ทำงานแล้ว ซึ่งเป็นช่วงปีที่มีอิสระ

เพราะหลังตรากตรำกับการเรียน ๔ ปี จนแทบไม่มีเวลาหายใจ

พอมีเวลาเลย กระหน่ำอยากทำอะไรที่อยากทำ โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ

 

นอกเรื่องซะนานมาวกเข้าต้นส้มแสนรักดีกว่า

เรื่องนี้ เป็นเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งนามว่าเซเซ่เด็กชายชาวบราซิลวัย ๕ ขวบ

ผู้มีจินตนาการเปี่ยมไปด้วยความฝันที่สวยงาม เป็นเด็กฉลาด

เกิดในครอบครัวที่ยากจน มีพี่น้องหลายคน

ด้วยความที่เซเซ่ดื้อและซน ชอบก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน

ทำให้โดนทำโทษแรงๆ อยู่บ่อยครั้ง และทำให้เซเซ่ อดคิดไม่ได้ว่าไม่มีใครรักเขา

เพราะเขาเป็นส่วนเกินของครอบครัว

เซเซ่จึงต้องสร้างโลกส่วนตัวของเขาขึ้นมาคือโลกแห่งความฝัน

ที่ทำให้เขามีความสุขอยู่ตามประสาเขา เพราะเซเซ่ไม่ใช่คนที่มีเพี่อนมาก

ทุกคนต่างคิดว่าเซเซ่คือเด็กแสบที่สร้างความเดือดร้อนให้กับเพื่อนบ้าน

ซึ่งทุกคนต่างก็เอือมระอา ต่อมาครอบครัวของเซเซ่ได้ย้ายบ้านใหม่

จึงได้พบกับต้นส้มต้นหนึ่งซึ่งพูดได้ทำให้เขาได้เพื่อนใหม่ที่รู้ใจ

ที่สามารถพูดคุย และเป็นเพื่อนเล่นกับเขาได้

ยามที่ถูกกักบริเวณไม่ให้ออกไปข้างนอก

ทุกเรื่องได้ทำให้เขามีความสุขมาก  ในโลกแห่งจินตนาการ

ที่เปี่ยมไปด้วยความสดใสแห่งชีวิตของวัยเด็ก

แต่อีกไม่นานเมื่อเซเซ่ต้องรับรู้ว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาต้องจากเขาไปตลอดกาล

โลกที่สดใสของเขาพลันมืดสลัวลง

เขารู้สึกเจ็บปวดและเสียใจมากกับการจากลาในครั้งนี้

ต้นส้มแสนรักบีบคั้นอารมณ์ฉันตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องได้จริงๆ

 

ความไม่มี ความต่างกันของชนชั้น มันช่างเจ็บปวดจริงๆ

ฉันรู้แต่ว่าเมื่อจับต้นส้มแสนรักมาอ่านทีไรเป็นต้องร้องไห้ทุกครั้ง

แทบจะบอกได้เลยว่าสะเทือนใจเกือบทั้งเรื่อง เจ็บปวดกับความเป็นเซเซ่

ที่ต้องใช้จินตนาการมาช่วยสร้างโลกที่ทำให้ตัวเองมีความสุข

 

ฉันเชื่อว่าเด็กๆทุกคนมีโลกแห่งจินตนาการ

ครอบครัวฉันไม่ได้มีปัญหาเหมือนเซเซ่

แต่ตัวปัญหา คือ ตัวฉัน   ตัวปัญหา คือ “ความเอาแต่ใจตัวเอง”

ตอนฉันเด็กๆ ด้วยความเกเรพี่ๆเลยไม่ชอบเล่นด้วย

และไม่พาไปเล่นกับใครด้วย ฉันเลยเหมือนคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อน

และมักจมกับโลกจินตนาการของตัวเอง

ชอบนั่งเล่นคนเดียวโดยไปหาแปรงสีฟันบ้าง ตะเกียบ บ้าง ก้อนหินก็มี

มาเล่นเป็น พ่อ แม่ และลูกๆ พูดคนเดียวจนพี่ๆล้อว่า เป็นเด็กบ้า

ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเลิกพูดคนเดียวไปเมื่อไหร่

แต่มานั่งนึกถึงตอนเด็กแล้วทั้งขำ ทั้งสมน้ำหน้า และสงสารตัวเองจริงๆ

 

หนังสือเล่มนี้มันสอนในฉันได้เสมอว่า

“ความสุข ความทุกข์ มันอยู่ในใจฉันนี่เอง”

คำสำคัญ (Tags): #เรื่องเล่า
หมายเลขบันทึก: 463796เขียนเมื่อ 5 ตุลาคม 2011 12:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 21:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท