|
How to Start Palliative Care กับ นายแพทย์สายลักษณ์ พิมพ์เกาะ
ผมคิดว่าโรงพยาบาลอื่นๆ หรือโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาเองก็ตาม ได้มีการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองมาเป็นเวลานานแต่มักอยู่เฉพาะกลุ่มโรค เฉพาะพยาบาลที่มีใจรัก และเห็นอกเห็นใจผู้ป่วยและญาติอย่างจริงจัง ซึ่งบทบาทของแพทย์ได้เข้ามีส่วนร่วมน้อยมากโดยเฉพาะแพทย์เฉพาะทางอย่างพวกผม
ขณะที่เรื่องการดูแลคนไข้แบบองค์รวมเป็นสิ่งท้าทายสำหรับบุคลากรสาธารณสุขยุคนี้ แพทย์เฉพาะทางอย่างเรา ๆ ก็มักจะยกให้เป็นภาระของแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว พวกเราดูแลรักษาคนไข้หายดีแล้วก็ส่งต่อกลับชุมชนไป แม้แต่คนไข้มะเร็งระยะสุดท้ายถ้าเบิกไม่ได้นอนเตียงสามัญ แพทย์อย่างเราก็ไม่รู้จะทำอะไร ผู้ป่วยและญาติก็มักจะถูกแนะนำให้รับกลับบ้านดีกว่า สำหรับผู้ป่วยที่สามารถอยู่ห้องพิเศษ และต้องการอยู่นาน ๆ และอยากเสียชีวิตที่โรงพยาบาลด้วยละก็ เรากลับรู้สึกว่าจะทำอย่างไรดีที่ต้องไป round ทุกวัน คือไม่รู้จะคุยกับคนไข้และญาติอย่างไร นี่ก็คือความทุกข์ที่แพทย์อย่างเราหาทางออกไม่ได้
การดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เริ่มเกิดขึ้นด้วยการที่มีโครงสร้างองค์กรที่รองรับ โดยเริ่มต้นจากปี 2552 ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาได้รับถ่ายโอนโรงพยาบาลหัวทะเลที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2550 เพื่อจุดประสงค์ให้เป็นโรงพยาบาลสำหรับรับผู้ป่วยในที่เป็นประชาชนในท้องถิ่นแห่งแรกของประเทศไทย
หลังจากโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาได้ไปดำเนินการให้บริการที่โรงพยาบาลหัวทะเล โดยมีจุดประสงค์ที่จะลดความแออัดผู้ป่วยในของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาเอง โดยการนำของนายแพทย์สายลักษณ์ พิมพ์เกาะ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรม รองหัวหน้าศูนย์มะเร็งด้านบริการและรองหัวหน้าศูนย์แพทย์ศาสตร์ด้านการเรียนการสอน ได้นำทีมศัลยแพทย์เพื่อต่อยอดสมรรถนะและตั้งเป้าหมายของโรงพยาบาลหัวทะเลโดยให้ประชาชนในชุมชนและภาคีเครือข่ายเข้ามามีส่วนร่วม จึงได้ตั้งเป้าหมายของโรงพยาบาลหัวทะเลที่จะเป็นโรงพยาบาลทุติยภูมิที่เชื่อมโยงชุมชนกับโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เน้นการดูแลผู้ป่วยมะเร็งทางด้านศัลยกรรม โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมอย่างครบวงจร ตั้งแต่การคัดกรองจนถึงการดูแลรักษาและฟื้นฟู ซึ่งงาน Palliative care ก็ได้เข้ามาอยู่ในบริบทของโรงพยาบาลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
โรงพยาบาลหัวทะเลได้กำหนดยุทธศาสตร์ร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ เพื่อที่จะดูแลผู้ป่วยในชุมชนเทศบาลตำบลหัวทะเล ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมทั่วๆ ไปอย่างครบวงจรและผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายเป็นหลัก โดยมียุทธศาสตร์หลักๆ ดังนี้
การให้บริการผู้ป่วยแบบจิตสาธารณะแบบจริงจัง โดยให้ความสำคัญตั้งแต่เจ้าหน้าที่ รปภ. คนงานจนถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาล และสร้างเจตคติที่ดีในการดูแลผู้ป่วยและคนเข้ามารับการบริการ รวมถึงการลดอัตตาของเจ้าหน้าที่
หลังจากที่โรงพยาบาลหัวทะเลได้เปิดให้บริการผู้ป่วยโดยทีมศัลยแพทย์ ของโรงพยาบาลมหาราชฯในกลางปี 2552 และเริ่มดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ งาน Palliative Care จึงได้เริ่มตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาและมีการสร้างงานทางด้าน Palliative Care ดังต่อไปนี้
1. การสร้างกัลยาณมิตร
1.1 แพทย์ที่เกี่ยวข้อง
ไม่ว่าจะเป็นวิสัญญีแพทย์ แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว หรือจิตแพทย์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่อื่นๆ เช่น นักสังคมสงเคราะห์ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาร่วมช่วยแก้ปัญหา พร้อมทั้งเป็นวิทยากรอบรมให้ทีมงานโรงพยาบาลหัวทะเล
1.2 ผู้บริหารองค์กรส่วนท้องถิ่นและผู้นำชุมชน
โดยเราต้องให้การยอมรับและให้ความสำคัญว่าองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นหรือชุมชน เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่จะมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยในชุมชนร่วมกัน ทางโรงพยาบาลหัวทะเลได้จัดกิจกรรมร่วมกันกับชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายเช่น กิจกรรมจิตอาสา ตลาดนัดสุขภาพ ศิลปะบำบัด เป็นต้น
1.3 เจ้าหน้าที่ PCU ทั้งในเขตอำเภอเมืองและอำเภออื่นๆ ในจังหวัดนครราชสีมา
โดยภาควิชาศัลยศาสาตร์ได้นำนักศึกษาแพทย์ออกตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมอย่างต่อเนื่องภายใน 5 ปี และฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ PCU สร้างระบบการส่งต่อผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราชฯ นอกจากนั้นทีมศัลยแพทย์ยังเป็นวิทยากรอบรมเจ้าหน้าที่ PCU เรื่องโรคมะเร็งเต้านมทางด้านศัลยกรรมอย่างต่อเนื่องจากกิจกรรมดังกล่าวทำให้เกิดมีสัมพันธภาพและมีการดูแลส่งต่อผู้ป่วยร่วมกับชุมชนได้ดีขึ้น
2. สร้างแนวทางการดูแลผู้ป่วย Palliative Care ของโรงพยาบาลหัวทะเล
2.1 หาคนที่มาเป็น Disease manager ซึ่งของโรงพยาบาลหัวทะเลเริ่มจากผมเองในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล
2.2 กลุ่มเป้าหมาย ก็เริ่ม focus เฉพาะผู้ป่วยบางกลุ่มเท่านั้น โดยเราเริ่มจากการดูแลผู้ป่วยกลุ่ม IPD ที่มีเกณฑ์ดังต่อไปนี้
- ผู้ป่วยมะเร็งทางด้านศัลยกรรมที่ unresectableหรือ stage 4 เช่น advance CA esophagus หรือ GI malignancy อื่นๆที่มี carcinomatosis peritoniiหรือ visceral metastesis จน ณ ปัจจุบัน เราได้ขยายเกณฑ์โดยรับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งอื่นๆ มากขึ้น
นอกจากนั้น เรายังให้การดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังอื่นๆ คู่ขนานกับการดูแลผู้ป่วย Palliative care เพื่อพัฒนาการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วย CVA with pressure sore หรือบางรายต้องใส่ Tracheostomy หรือ Gastrostomy ซึ่งอย่างน้อยการที่เรารับผู้ป่วยมาดูแลต่อ ก็สามารถที่จะเตรียมและ Improve nutrition และง่ายต่อการทำแผล ขณะเดียวกัน ญาติๆ ก็มีเวลาที่จะเตรียมความพร้อมของครอบครัวเพื่อรอรับผู้ป่วยกลับโดยโรงพยาบาลได้จัดทำคู่มือขั้นตอนและกิจกรรมการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองดังนี้
หลังจากที่มีการรับ Admit ผู้ป่วยรายใหม่ของโรงพยาบาลหัวทะเลที่เป็นผู้ป่วยมะเร็ง หรือโรคเรื้อรังพยาบาลจะรายงานให้ผมทราบโดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ผมซึ่งเป็น Disease manager จะทบทวนแฟ้มประวัติผู้ป่วยและประสานกับแพทย์เจ้าของไข้เดิมที่ส่งคนไข้มาเพื่อให้เข้าใจตรงกันเรื่อง การวินิจฉัยและพยากรณ์โรค ยืนยันให้ผู้ป่วยเข้าสู่การดูแลแบบ Palliative care
2. แพทย์จะแจ้งข้อมูลทั้งหมดหลังจากทบทวนแฟ้มประวัติผู้ป่วยให้ทีมพยาบาลที่ร่วมดูแลรับทราบและตกลงแนวทางร่วมกันที่จะดูแลผู้ป่วย
3.หลังจากนั้น แพทย์ และพยาบาลผู้รับผิดชอบจะต้องร่วมกันแจ้งข้อมูลให้กับญาติที่ใกล้ชิด เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่จะแจ้งให้ผู้ป่วยทราบต่อไป ซึ่งมักจะต้องใช้เวลาในการสร้างสัมพันธ์กับญาติและผู้ป่วยประมาณ 1-2 วัน
4.การค้นหาปัญหาผู้ป่วยและสร้างกิจกรรมในการดูแลผู้ป่วย ให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยทั้งหมดต้องลงบันทึกในแบบฟอร์มต่างๆ ที่ได้จัดทำขึ้น และได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับเข้ามามีส่วนร่วมซึ่งขึ้นอยู่กับสมรรถนะของเจ้าหน้าที่ โดยทางโรงพยาบาลหัวทะเลได้ตั้งสมรรถนะสำหรับเจ้าหน้าที่แต่ละระดับแตกต่างกัน เจ้าหน้าที่แต่ละระดับมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย เช่น
- คนงาน รปภ. ช่วยดูแลญาติ ช่วยให้กำลังใจ ช่วยพาทำงานฝีมือ
- ผู้ช่วยเหลือคนไข้ ดูแลในกิจวัตรประจำวัน พูดคุยให้กำลังใจ พาสวดมนต์ อ่านหนังสือให้ฟัง
- พยาบาลซึ่งเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดจะให้การดูแลแบบองค์รวม ค้นหาปัญหา ความต้องการของผู้ป่วยและจัดกิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสมกับความต้องการ
- แพทย์จะเป็น Disease manager เพื่อตัดสินใจ รับผิดชอบและแก้ปัญหาทั้งหมด ทั้งของผู้ป่วย ญาติ และแม้แต่เจ้าหน้าที่เอง
5. ในกรณีที่ตัวโรคคุกคามมากขึ้น ผู้ป่วยและญาติตัดสินใจที่จะเสียชีวิตที่โรงพยาบาลทีมPalliative care ของโรงพยาบาลหัวทะเลจะมีแนวทางในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ทีมผู้ดูแลจะวางแผนร่วมกับญาติในเรื่องมิติทางด้านกฎหมาย (Living will) และให้การดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมจนผู้ป่วยเสียชีวิต
6. ในกรณีที่ผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรังที่มีอาการดีขึ้น หรือต้องการไปเสียชีวิตที่บ้าน เราจะมีการทำ Discharge plan ตลอดจนจัดหาและสนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์บางอย่างให้และส่งต่อให้ PCU ดูแลต่อไป
3. พัฒนาระบบการเรียนรู้ และงานคุณภาพการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายอย่างต่อเนื่อง
3.1 สร้างแบบการประเมิน และบันทึกแนวทางการดูแลผู้ป่วย
3.2 นำกรณีผู้ป่วยมาทบทวนอย่างต่อเนื่อง
3.3 สร้างแฟ้มประวัติแยกผู้ป่วยที่เป็น Palliative Care เพื่อง่ายต่อการศึกษาต่อไป
3.4 มีการอบรมองค์ความรู้ของเจ้าหน้าที่
4. การต่อยอดงาน Palliative care
4.1ให้โรงพยาบาลหัวทะเลเป็นแหล่งฝึกของนักศึกษาแพทย์และพยาบาล ซึ่งปัจจุบันก็มีนักศึกษาแพทย์จาก รพ.มหาราชนครราชสีมา และนักศึกษาพยาบาลจากมหาวิทยาลัยวงษ์เชาวลิตกุล มาฝึกงาน ซึ่งสามารถเป็นแรงผลักดันแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ให้ต้องฝึกฝนตนเองที่จะเป็นครู ในการดูแลผู้ป่วย Palliative มากขึ้น
4.2 งานให้คำปรึกษาผู้ป่วยมะเร็งตลอด 24 ชั่วโมง โดยเริ่มจากการให้คำปรึกษาผู้ป่วยนอกมะเร็งเต้านมและมะเร็งทางนรีเวชรายใหม่ทุกรายที่เข้ารับการรักษา และสามารถให้คำปรึกษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง
4.3 การตั้ง OPD Palliative Care การทำ Home ward ซึ่งขณะนี้เราได้เริ่มดำเนินการในการทำ Home ward แล้ว ส่วนการดำเนินการให้มี OPD Palliative Care ก็เป็นงานท้าทายที่เราจะได้หาแนวทางและปรึกษาหารือกันต่อไป
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันและชื่นชมคะ
โดยความเห็นแล้ว
การดูแลแบบองค์รวม ไม่ใช่ความสามารถพิเศษเฉพาะของหมอ fammed แต่อย่างไรคะ
ทุกสาขาสามารถ ดูแลแบบองค์รวมได้ โดยเฉพาะ Palliative care ทุกคนคือ "team member" คะ
อยากเห็นทำงานร่วมกันแบบพี่น้อง ไม่ต้องมีแบ่งแยก งาน specialist งาน primary care
ขอบคุณคุณหมอค่ะ ที่ร่วมติดตามและแลกเปลี่ยนความเห็นค่ะ