พูดเรื่องจริง


พูดเรื่องจริง

 

พูดเรื่องจริง 

  

            ฟังธรรมะไม่เหมือนฟังเพลง เพราะฟังเพลงมันมีรสชาด ทำให้ถูกใจเพราะเพลงมันไม่ได้พูดเรื่องจริง..จึงชอบ  ธรรมะทำไมจึงไม่ชอบ เพราะธรรมะมีแต่เรื่องจริง แสดงว่าคนในโลกนี้ ไม่ยอมรับความจริง ใช่ไหม? คือคนในโลกนี้ที่ไม่ชอบ เพราะไม่ชอบความจริง วัดทำไมคนจึงไม่อยากเข้า ทำไมคนจึงไม่รู้เรื่องธรรมะ ทั้งๆ ที่เกิดมาเป็นชาวพุทธ แต่ทำไมคนจึงรู้เรื่องทางโลกมาก โรงหนัง เสียตังค์ ทำไมคนจึงอยากเข้า ใช่ไหม?เป็นอันว่าคนไม่ชอบความจริง คนชอบหลอกๆ ใช่ไหม? แสดงว่าคนเราโดนหลอกมาตั้งแต่เล็กเลย ก็เลยเป็นอันว่าอยู่กับโลกที่หลอกๆ ไม่อยู่กับโลกความจริง หลอกทั้งตัวเราหลอกทั้งคนอื่นดังนั้นเมื่อเป็นอย่างนี้แล้วโลกจึงอยู่กับความไม่จริง ทำไมเราจึงชอบ แสดงว่าเราเป็นคนชอบความไม่จริง เพลงนี้ทำไมจึงชอบฟังมาก ก็เพราะมันเรื่องโกหกทั้งนั้นเลย 

            ฉันรักเธอจริงๆŽ ฉันรักเธอจะตายŽ แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่อง คนเขียนเขาก็เขียนให้คนฟังแล้ว

เคลิบเคลิ้มหลงใหลแต่เรื่องจริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างเพลงเลย มีไหม? มีใครรักจริงๆ ไหม?ไม่มีใครหรอก! 

            คนที่รักเราจริงๆ คือ พ่อเรา แม่เรา ตัวเรา ผัวรักเมียจริงไหม? ไม่จริง! เมียรักผัวจริงไหม? ไม่จริง! ก็รักยามพูดดี คิดดี ตอนที่เธอมีอะไรดีที่ฉันต้องการ แต่ถ้าเธอไม่มีอะไรดีที่ฉันต้องการ..ไปให้ไกลๆ ที่อยู่กันได้นี่คือคิดว่ามีความดี แต่พอรู้ว่าเธอไม่ดีตามที่ฉันต้องการก็จะไม่เอา

 ฉะนั้นโลกนี้จึงอยู่ด้วยความหลอก อยู่ด้วยโลกสมมติ ไม่ใช่ของจริง ถ้าคนรักจริงหละ! ตัวเรารักตัวเราจริงไหม? รักซิ! พ่อแม่รักเราไหม? รักซิ! เรารักลูกจริงไหม? รักจริง! ลูกเรานี่รักใจจะขาดเลย แต่ลูกบางทีอาจจะไม่รู้ว่าพ่อแม่รักลูกจริง นี่คือความจริงที่เป็นสัจธรรม แต่สิ่งเหล่านั้นไม่มีใครรักกันจริง   ฉะนั้นเพลงที่ร้องมันร้องเรื่องไม่จริง คนจึงชอบ เพราะเป็นคนถูกหลอกมาแต่เล็ก แต่ธรรมะทำไมจึงไม่ชอบเพราะว่าธรรมะนี้พูดเรื่องจริง เรื่องเกิด เป็นทุกข์ เรื่องแก่ เป็นทุกข์ เรื่องเจ็บ เป็นทุกข์ เรื่องตาย เป็นทุกข์ เรื่องความไม่เที่ยง ความแปรปรวน เรื่องสังขารของเรามันอยู่ไม่ได้ ไม่คงทนถาวร ตอนเป็นเด็กวัยรุ่น วัยรุ่นไม่เคยคิดเลยว่าจะแก่ แต่พออายุยี่สิบสามสิบไปแล้ว วัยรุ่นก็จึงรู้ว่า ความเป็นวัยรุ่นของเราหายไป

ไปถามเด็กอายุสิบแปดว่า  นี่เธอ..อายุเธอเท่าไรอายุสิบแปดแล้วŽ

 แต่พอมีคนเขาบอกว่านี่เธออายุย่างสิบเก้าแล้ว ก็บอกว่าไม่ใช่ตอนนี้สิบแปด

พอพ่อแม่บอกว่าลูกฉันตอนนี้อายุสิบสามขวบ เด็กก็บอกว่า ไม่ใช่สิบสามแม่..ฉันสิบสี่แล้วŽ

 แต่พอไปถึงอายุยี่สิบห้า..ไม่ใช่ยี่สิบห้าแม่..ฉันเพิ่งยี่สี่เต็มŽ

แต่พออายุมากๆ แล้ว ก็จะบอกว่า  นี่อย่ามาถามอายุฉันนะŽ ไม่ให้ถามอายุ เพราะว่าพออายุเกินเลขสามสิบสี่สิบไปแล้ว ไม่ต้องมาถามอายุกัน เพราะกลัวแก่ เขาเรียกว่ากลัวความจริง         

                ดังนั้น คือเรียกว่าเขาจะไม่ยอมรับความจริง กลัวความจริง

 

            ผู้หญิงทุกคน..ห้ามทักว่า..ไม่สวย ห้ามทักว่า..แก่ ใช่ไหม? เสียใจมากถ้าใครทักว่าฉันไม่สวย ใครมาทักฉันว่าแก่ไม่ได้ ถ้าพูดความจริงฉันเสียใจ

            แล้วผู้ชายตอนที่มันรักเรามันก็ไม่พูดความจริง

            อุ๊ย! เธอสวยอย่างนั้น! เธอดีอย่างนั้น! อุ๊ย! ฉันรักหลงใหลŽมันเอาความไม่จริงมาหลอกเรา เธอดีอย่างนั้น เธอดีอย่างนี้Ž แต่พออยู่ด้วยกันไปนานๆ แล้ว ลูกคนสองคน ก็บอกว่า

            แกนี่เป็นอย่างนั้น แกนี่เป็นอย่างนี้Ž มันพูดความจริงเราก็โกรธอีก ก็เลยอยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะพูดความจริงเลยทะเลาะกัน ตอนที่เรารักกันใหม่ๆ เราก็พูดไม่จริงกับผู้ชายว่า

            เธอดีอย่างนั้น! เธอดีอย่างนี้!Ž ชมผู้ชายดีแต่พอเรามาอยู่ด้วยกันนานๆ เราก็บอก

  มึงอย่างนั้น! มึงอย่างนี้!Ž ผู้ชายมันก็รับไม่ได้เพราะพูดเรื่องจริง เป็นอันว่าเมื่อความจริงปรากฏจึงเข้ากันไม่ได้ ใช่ไหม?

  ฉะนั้นอยู่กับโลกต้องอยู่ด้วยความจริงจึงจะดี ที่พูดไม่ใช่ให้คนแตกกันนะ อยู่กับโลกต้องอยู่ด้วยความจริงจึงมีความสุข

          ติ..ต้องติต่อหน้า ชม..ไม่ต้องชมต่อหน้าŽ นั้นคือความจริง    

คนที่ชม..ต่อหน้า ติ..ลับหลัง เรียกว่าคนไม่มีความจริง

ติ..ต่อหน้า ชม..ลับหลัง นั่นคนจริง จะเป็นลูกน้องเราก็ดี เป็นผัว เป็นเมีย เป็นพี่ เป็นน้อง ก็ต้องติต่อหน้า ชมข้างหลัง นั่นถือว่าอยู่ด้วยความจริง

 

 

หมายเลขบันทึก: 457503เขียนเมื่อ 1 กันยายน 2011 16:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 20:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท