ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นในประเทศไทยมีอยู่มากมายทั้งที่ปรากฏอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ รวมทั้งที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ แต่มีอยู่จริง มีคุณค่า มีความสำคัญ อาจจะเป็นประวัติศาสตร์บอกเล่าที่กล่าวถึงเรื่องราวความเป็นมาของผู้คนในชุมชนเหล่านั้น เป็นประวัติศาสตร์ท้องถิ่นอันเป็นที่รับรู้ของชุมชนท้องถิ่นและผู้ที่สนใจ แต่ขาดความสนใจ ไร้การเอาใจใส่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถูกหมางเมินมองอย่างไร้ค่าจากผู้มีอำนาจในระดับต่างๆ ทำให้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วประเทศไม่สามารถเผยตัวตน แสดงบทบาทแห่งการรับใช้ชุมชนออกมาได้
ชุมชนโบราณเมืองบางขลังก็เป็นเฉกเช่นเดียวกันกับชุมชนโบราณแห่งอื่นๆ แต่มีความโชคดีกว่าชุมชนแห่งอื่นบางประการ ดังนี้
๑. มีหลักฐานปรากฏอยู่ในศิลาจารึก หลักที่ ๒ วัดศรีชุม ด้านที่ ๑ บรรทัดที่ กล่าวถึงพ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมืองมารวมพลกันที่เมืองบางขลัง เกณฑ์นักรบเมืองบางขลังเข้าตีเมืองสุโขทัยคืนมาจากขอมสบาดโขลญลำพง แล้วสถาปนาพ่อขุนบางกลางหาวเป็นพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วงของกรุงสุโขทัย
๒. การเสด็จพระราชดำเนินของรัชกาลที่ ๖ เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๐ ปรากฏอยู่ในหนังสือเที่ยวเมืองพระร่วง ที่เป็นเสมือนวรรณกรรมการท่องเที่ยวเล่มแรกของประเทศไทย (หน้า - )
๓. การเสด็จพระราชดำเนินของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐
๔. การเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรร่องรอยประวัติศาสตร์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ณ โบราณสถานวัดโบสถ์ ตำบลเมืองบางขลัง เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๐ และทรงรับสั่งกับนายสุวิทย์ ทองสงค์ นายก อบต.เมืองบางขลังว่า “ ให้ดูแลเด็ก เยาวชนและชาวบ้านให้เขาเข้าใจประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ให้มีความตระหนัก รัก หวงแหนในโบราณสถานที่มี โบราณสถานแห่งนี้ควรได้รับการบูรณะและอนุรักษ์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ”
๕. มีโบราณสถานที่สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัยได้ขุดพบ จำนวนทั้งสิ้น ๒๒ แห่ง และกรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติ ๒ แห่ง ได้แก่ โบราณสถานวัดโบสถ์ ตำบลเมืองบางขลัง อำเภอสวรรคโลก และโบราณสถานวัดใหญ่ชัยมงคล ตำบลบ้านใหม่ชัยมงคล อำเภอทุ่งเสลี่ยม (เดิมเป็นส่วนหนึ่งของเมืองบางขลังแต่ต่อมาถูกแบ่งแยกตามเขตการปกครองแบบใหม่) ซึ่งก่อสร้างด้วยก้อนอิฐและศิลาแลง
๖. มีโบราณวัตถุที่แสดงให้เห็นถึงความเก่า โบราณ และความรุ่งเรืองในอดีต เช่น การขุดแต่งทางโบราณคดีของสำนักศิลปกรที่ ๖ สุโขทัยที่วัดโบสถ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๒ พบถ้วย ชาม ไห ฯลฯ ภาชนะดินเผาบรรจุกระดูกมนุษย์ ๑๔๗ ใบ มีการบรรจุเครื่องใช้ของผู้ตายลงไปด้วย เช่น คันฉ่องสำริด เต้าปูนสำริด แหนบสำริด เป็นต้น ร่วมทั้งมีการขุดพบพระเครื่องกรุเมืองบางขลังเป็นที่ยอมรับกันว่าขลังและศักดิ์สิทธิ์
๗. มีการค้นพบพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในฆลฑปวัดโบสถ์ เป็นพระพุทธรูปสำริดโบราณตามแบบศิลปะสุโขทัย ๓ องค์ พระยืน ๑ องค์ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดบ้านซ่าน อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติเช่นกัน ชาวเมืองบางขลังได้จำลองพระพุทธรูปทั้ง ๔ องค์ ด้วยพิธีกรรมแบบโบราณและพิธีพุทธาภิเษกยิ่งใหญ่ มาประดิษฐานยังวัดโบสถ์เมืองบางขลังแล้ว โดยรายการกบนอกกะลาถ่ายทำตลอดงาน (เผยแพร่ทางช่อง ๙ เมื่อวันที่ ๑๐, ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๒)
๘. มีแหล่งตัดศิลาแลง ที่เมืองบางขลังก็มีการสำรวจพบแหล่งตัดศิลาแลงบริเวณเชิงเขาเดื่อ พบลักษณะของการตัดศิลาแลงเป็นแท่งสี่เหลี่ยม บางชิ้นยังมีร่องรอยของการตัดยังไม่สำเร็จ เขาเดื่อนี้ นาตยา ภูศรี นักโบราณคดี สำนักงานศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นภูเขาสำคัญของเมือง เนื่องจากพบโบราณสถานเป็นเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ ปัจจุบันเหลือส่วนฐานเพียงเล็กน้อยบนยอดเขาเดื่อ ซึ่งลักษณะเช่นนี้คล้ายกับยอดเขาพระศรีของเมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งมีโบราณสถานอยู่บนยอดเขา และมีแหล่งตัดศิลาแลงอยู่บริเวณเชิงเขาพระศรี
๙. ผู้นำทั้งฝ่ายปกครองท้องที่และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความใส่ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายสุวิทย์ ทองสงค์ นายก อบต.เมืองบางขลัง ได้สนับสนุนกิจกรรมทางด้านประวัติศาสตร์ ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่งเสริมการจัดพิมพ์หนังสือหลายๆ เล่ม เพื่อเป็นหลักฐาน เป็นเอกสารค้นคว้า อ้างอิง เผยแพร่องค์ความรู้ให้แพร่หลาย ตลอดจนเป็นข้อวิวาทะเพื่อความงอกงามทางปัญญาต่อไป
๑๐. มีความรัก ความสามัคคีของผู้คนในตำบล ของส่วนราชการและข้าราชการ พนักงาน อบต.
ด้วยข้อเท็จจริง ๑๐ ประการดังที่กล่าวมา ถือได้ว่าเป็นทุนท้องถิ่นที่มีอยู่ ตัวผู้เขียนจึงได้ร่วมกับทุกภาคส่วนดำเนินกิจกรรมการพัฒนาเมืองบางขลังมาเป็นลำดับ โดยมีเครือข่ายหรือพันธมิตรที่เข้มแข็งให้ความเมตตาช่วยเหลือ ทั้งภาคราชการ เอกชน ประชาชน จนทำให้เมืองบางขลังได้รับรางวัลต่างๆ จำนวน ๑๑ รางวัล เป็นเสมือนดั่งเครื่องปลอบขวัญ ยาหล่อเลี้ยงกำลังใจ ตลอดจนเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงการพยายามนำทุนของท้องถิ่นมารับใช้สังคม ดังนี้
ปี ๒๕๕๑ รางวัลธรรมาภิบาล กระทรวงมหาดไทย
ปี ๒๕๕๒ รางวัลพระปกเกล้า สถาบันพระเกล้า, รางวัลองค์กรผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม, รางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลงานดีด้านสตรีและครอบครัว กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, รางวัลหน่วยงานสนับสนุนกีฬาดีเด่น การกีฬาแห่งประเทศไทย, รางวัลธรรมาภิบาล กระทรวงมหาดไทย (ปีที่ ๒)
ปี ๒๕๕๓ รางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลงานดีด้านสตรีและครอบครัว กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปีที่ ๒), รางวัลองค์กรที่ทำคุณประโยชน์ดีเด่นแก่ผู้อยู่ในภาวะยากลำบาก กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, รางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดีเด่นด้านการจัดสวัสดิการสำหรับคนพิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, รางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อวงการกีฬาจังหวัดสุโขทัย การกีฬาแห่งประเทศไทย, โล่ผู้ให้การสนับสนุนการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ภาค ๕ ครั้งที่ ๓๙ จังหวัดสุโขทัย
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ที่ไม่เข้าใจในเจตนารมณ์แห่งเรา ดังนั้นจึงขอโอกาสนี้นำเรียนชี้แจง ถ้าสิ่งที่เราได้ดำเนินการไปไม่เป็นที่ถูกอก ถูกใจของท่าน หรือขัดแย้งต่อความรู้สึกนึกคิด หรือข้อเท็จจริงตามความเห็นของท่าน ไม่ต้องต่อว่า หรือดุด่าใคร ให้ด่าผู้เขียนซึ่งขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ผู้เขียนต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ จะแก้ไขข้อผิดพลาด ทำให้ถูกใจท่านในโอกาสต่อไป ขอชี้แจงเหตุผลแห่งการกระทำ ดังนี้
๑. เมืองบางขลัง เป็นตำบลที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในซอกในหลืบ ไม่มีใครมาสนใจ ใส่ใจ จึงพยายามที่จะนำเสนอ กู่ก้อง ร้องตะโกน ให้ผู้คนทราบว่า ยังมีชุมชนเก่าแก่ที่เกิดร่วมสมัยกับเมืองเก่าสุโขทัย เมืองเก่าศรีสัชนาลัย คิดวิธีการดึงดูดดึงความสนใจในรูปแบบต่างๆ ทำให้ “ชุมชนโบราณเมืองบางขลัง” เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากขึ้น ผู้เขียนหวังเพียงปลุกเมืองบางขลังให้ตื่นและมีที่ยืนในหน้าประวัติศาสตร์ชุมชนบ้าง...และใช้จุดแข็งนี้ต่อเติม เพิ่มความรัก ความสามัคคีให้แก่คนในท้องถิ่น ไม่ใช่ท้องถิ่นนิยมจนเกินเหตุ และไม่มีเจตนาที่จะเชิดชูท้องถิ่นของตนเองว่าวิเศษ เลอเลิศกว่าใครหรือเหยียบย้ำท้องถิ่นอื่น เพียงแต่ในเมื่อเรามาทำงานรับใช้ท้องถิ่น ได้รับเงินเดือนของท้องถิ่นใด เราจำเป็นต้องทำงานเพื่อท้องถิ่นนั้น เหมือนกับปลัดดำจากคู่เดือด (ช่อง ๓) ยืนตะโกนซ้ำๆ ท่ามกลางสายฝนว่า “ข้าราชการ ต้องทำงานรับใช้ประชาชน”
๒. ผู้เขียนเป็นนักรัฐศาสตร์ไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ หน้าที่ของผู้เขียนคือการพัฒนาตำบลเมืองบางขลังในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่อยู่ในท้องถึงเชิงตะกอน ส่วนหน้าที่ในการ ค้นคว้า เรียบเรียง หรือชำระประวัติศาสตร์เป็นหน้าที่ของนักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดี อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน เมืองบางขลังปรากฏกายขึ้นผ่านการรับรู้ของผู้คนในสังคมบ้างแล้ว เช่น
-รศ.วุฒิชัย ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า บรรยายให้แก่นักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า ถึงนวัตกรรมการพัฒนาท้องถิ่นโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านฟื้นฟูศิลปะวัฒนธรรมและจารีตประเพณี ได้ยกตัวอย่างโครงการ “เสวนาประวัติศาสตร์” ของ อบต.เมืองบางขลัง มีใจความว่า จัดให้มีการเสวนาร่วมกันระหว่างนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ นักโบราณคดี บุคคลที่มีชื่อเสียงและมีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ ชาวบ้าน ชุมชน ประชาชน เด็ก เยาวชนในเขตตำบล เพื่อให้เกิด “สำนึกรักท้องถิ่น” และ “สืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่น”
- ผศ.ดร.อรทัย ก๊กผล ผู้อำนวยการวิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า จัดทำโครงการวิจัยการบริหารงานที่เป็นเลิศขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับประยุกต์ใช้ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ เห็นว่า อบต.เมืองบางขลังได้รับรางวัลพระปกเกล้า ประจำปี ๒๕๕๒ รวมทั้งมีศักยภาพและความเหมาะสมที่จะนำมาเป็นหน่วยกรณีศึกษาในการวิจัย จึงได้ส่งนักวิจัยมาถอดบทเรียน
มีการพูดกันทางอินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับการเชิญเที่ยวจังหวัดสุโขทัยว่า
“...ที่สำคัญยังมีเมืองเก่าแก่ชื่อเมืองบางขลัง ซึ่งเป็นเมืองที่อายุกว่า ๑,๐๐๐ ปี มีความสำคัญอย่างมากในประวัติศาสตร์ไทย จนมีข้อสรุปจากการเสวนาของนักโบราณคดีหลายครั้งว่า ...ไม่มีเมืองบางขลังก็ไม่มีพระธาตุดอยสุเทพ...ไม่มีเมืองบางขลังก็ไม่มีกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงรัตนโกสินทร์...และไม่มีเมืองบางขลังก็ไม่มีประเทศไทย สำหรับเมืองบางขลังนี้ปัจจุบันยังคงเหลือโบราณสถานให้เห็นที่วัดโบสถ์ อ.สวรรคโลก กรมศิลปากรกำลังบูรณะอยู่ บรรยากาศ Unseen จริง ๆ ลองศึกษาประวัติดูจะพบว่าน่าสนใจมาก น้อยคนนักที่จะรู้จัก ถ้ามีโอกาสลองแวะชมกันนะคะ”
“อย่าไปหลงคารมของปลัดอบต.บางขลังโง่ๆ นักเลย เป็นเมืองโบราณก็ดีแต่ไม่ใช่เมืองที่ใหญ่อะไรหรอก” (ขังทั้งบาง) ความจริงแล้วไม่ต้องชมกันถึงขนาดนั้นก็ได้...
“ผมเป็นคนหนึ่งที่ศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์สุโขทัยอย่างจริงจัง ที่เมืองบางขลังแห่งนี้ นักโบราณคดีให้ความสำคัญในฐานะที่เป็นต้นกำเนิดของเมืองไทย หากคุณเป็นคนสุโขทัยหรือคนเมืองบางขลัง ถ้าศึกษาเกี่ยวกับโบราณคดีแล้วคุณจะภาคภูมิใจมาก” (นักโบราณคดี)
“เคยไปบางขลังมาแล้วเพราะเพื่อนที่ทำงานอุทยานศรีสัชนาลัยพาไป กลับมาก็เลยหาอ่านในอินเตอร์เน็ตดูเป็นเมืองที่มีประวัติน่าสนใจมากอายุเป็นพันปีเลย” (ไม่รู้จักปลัด อบต. แต่เคยไป)
ในเมื่อประวัติศาสตร์ท้องถิ่นชุมชนโบราณเมืองบางขลังได้เผยตัวตนให้ผู้คนทั่วไปได้รู้จัก ได้สัมผัส ได้เรียนรู้ ได้วิพากษ์วิจารณ์แล้ว ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ต่อไปเราคงจะไม่มุ่งเน้นงานทางด้านนี้ แต่จะหันไปมุ่งเน้นกิจกรรม โครงการในด้านอื่นๆ ที่มีอยู่มากมาย อันจะเป็นการสร้างเสริมการกินดี อยู่ดีมีความสุขให้กับประชาชนในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน เช่น จัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารประจำหมู่บ้าน (อาจใช้ที่อ่านหนังสือพิมพ์ประจำหมู่บ้านหรืออาคารอเนกประสงค์ประจำหมู่บ้านซึ่งมีอยู่แล้ว) เป็นทั้งห้องสมุดที่มีหนังสือต่างๆ มีข้อมูลข่าวสาร ประวัติหมู่บ้าน ผู้นำหมู่บ้าน ภูมิปัญญาท้องถิ่นในหมู่บ้าน สินค้าของหมู่บ้าน ส่งเสริมการรวมกลุ่มอาชีพมานั่งผลิตสินค้าหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งผลิตภัณฑ์ ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีของหมู่บ้าน ตลอดจนการสรุปปัญหา ความต้องการของหมู่บ้าน การวิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อย โอกาสในการพัฒนา และปัญหาภัยคุกคามที่จะพบ ฯลฯ และนำข้อมูลของแต่ละหมู่บ้านไปจัดรวมไว้ที่ทำการ อบต.อีกแห่งหนึ่ง ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ทั้ง ๒ แห่ง ข้อมูล ณ ที่ทำการ อบต. เป็นเสมือนดั่งหน้าด่าน หรือข้อมูลเบื้องต้นก่อนที่จะลงไปศึกษาพื้นที่จริงยังหมู่บ้านนั้นๆ
๓.ในการทำงานร่วมกันย่อมมีการกระทบกระทั่งกันบ้างซึ่งเป็นธรรมดา แต่การทำงานด้วยปากหรือด้วยการพูดนั้นง่ายและคนมักจะเชื่อในสิ่งที่พูด (ผู้ถูกกล่าวหาไม่มีโอกาสชี้แจงเหตุผล ข้อเท็จจริง) เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้มาสัมผัส ไม่ได้ร่วมงานกัน ไม่ได้เห็น จึงทำให้หลงใหลได้ปลื้มไปกับประติมากรรมแห่งน้ำลาย ควรจะมองคนด้วยผลงานที่เป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นงานที่ได้รับมอบหมายหรืองานในหน้าที่เป็นหลักจะดีกว่า เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจให้แก่คนทำงาน
๔.ด้วยความแตกต่างกันของวัฒนธรรมองค์กร ไม่แปลกหากการทำงานของแต่ละฝ่าย แต่ละส่วนอาจจะช้าหรือเร็วแตกต่างกันไปเพราะไม่สามารถไปสั่งหรือก้าวล่วงข้ามหน่วยงานได้ ไม่เป็นไรครับ ขอให้ได้คิด ได้ทำ เพราะต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันคือการอยู่ดี มีสุขของประชาชนเช่นเดียวกัน
ด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ดังที่กล่าวมา ทำให้ผู้เขียนอดเป็นห่วงสถานภาพและความคงอยู่ของประวัติศาสตร์ท้องถิ่นไม่ได้ การสร้างบ้านแปลงเมืองด้วยทุนท้องถิ่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องกระทบกับความเชื่อ ความไม่รู้ ไม่เอาใจใส่ ไม่เห็นคุณค่า การลองผิดลองถูก การดูถูกเหยียดหยาม ต้องเจอปัญหาต่างๆ มากมาย เมื่อดำเนินการไปได้บ้างแล้วก็จะต้องเจอกับกระแสตรวจสอบ กระแสวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งกูรู (ผู้รู้) กูรู้ (คิดว่าตนเองรู้และถูกต้องมากกว่าคนอื่น) ในด้านต่างๆ ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ปฏิบัติท้อแท้ เบื่อหน่าย พาลไม่คิด ไม่ทำ ปฏิบัติตนตามน้ำไปเสีย
ได้อ่านหนังสือพบเรื่องที่น่าสนใจจึงจะขอนำมาเล่าในที่นี้ เรื่องมีอยู่ว่ามีชายสองคน ต่างปลูกต้นไม้และดูแลต้นไม้คนละต้น ชายคนที่ ๑ เฝ้าดูแลพรวนดิน รดน้ำ ให้ปุ๋ย กำจัดวัชพืชสม่ำเสมอ ส่วนชายคนที่ ๒ ไม่ค่อยให้ความใส่ใจเท่าไหร่ นานๆ จะรดน้ำ พรวนดิน สักที เมื่อเวลาผ่านไป วันหนึ่งมีลมพายุฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก พัดพาทำลายสิ่งต่างๆ เมื่อพายุฝนพัดผ่านไป ปรากฏว่าต้นไม้ของชายคนที่ ๑ ถูกพัดถอนราก ถอนโค่น ไปกับกระแสน้ำ แต่ต้นไม้ของชายคนที่ ๒ มีความบอบซ้ำบ้างแต่ก็ยังยืนต้นอย่างมั่นคงอยู่ได้ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า ต้นไม้ของชายคนที่ ๑ ไม่ต้องดิ้นรน แสวงหาอาหาร รอรับอย่างเดียว เพราะถูกดูแล เอาใจใส่ ให้อาหารสม่ำเสมอ แตกต่างไปจากต้นไม้ของชายคนที่ ๒ ที่ทั้งรากแก้ว รากฝอยต่างต้องดิ้นรน ซอนไซแสวงหาน้ำ หาอาหารเพื่อความอยู่รอด ทำให้มีรากแก้วที่ฝังลึกและรากฝอยแผ่กว้าง เมื่อมีลมพายุพัดกระหน่ำก็สามารถที่จะยืนหยัดอยู่ได้อย่างคงทน ทำให้ผู้เขียนตระหนักว่าคนเราควรจักต้องพึ่งตนเองให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้เข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกันฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ได้
ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นก็คงเป็นเช่นเดียวกัน ที่จะต้องพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด เป็นรากแก้วที่ชวนรากฝอยซอนไซแผ่กว้างและฝังรากลึกเพื่อลมหายใจที่ยั่งยืน เมื่อประสบปัญหา อุปสรรคหรือถูกทอดทิ้งก็ยังสามารถคงอยู่ได้
ความหวัง ความฝัน ความเชื่อ เป็นเพียง ๓ สิ่งที่มอบแทนใจให้กับทุกท่าน เพราะสิ่งเหล่านี้จะเสมือนเข็มทิศ เสมือนเป้าหมาย ที่จะนำพาเราฝ่าข้ามไปสู่ความสำเร็จ และแสดงให้เห็นว่า เรา...คงยังมีลมหายใจอยู่...
Thank you for the historic note on 1000+ years old บางขลัง.
This seems a great example of a historic community (or settlement) -- not a built-up นคร.
I note 'bangkhung' in the url. Is this an official 'romanized' name for บางขลัง?
สวัสดีครับคุณวิทยา เกษรพรหม ได้อ่านเรื่องราวของ "บางขลัง" แล้วได้ความรู้หลากหลายทั้งโดยทางตรง และทางอ้อม เขียนได้ดีและยาวมาก หลากหลายอรรถรส อาจจะติดน้อยใจนิดๆ ด้วย ผมอยากให้อบต.แถวบ้านผมมีแนวคิดเพื่อสังคมและส่วนรวมเหมือนที่นี่จ้ง
"สิ่งไหนก็แล้วแต่ ถ้าไม่ถูกต้องไม่ใช่เรื่องจริง ไม่อยู่กับร่องกับรอย สักวันก็ปรากฏ"
ขอเป็นกำลังใจให้ทำงานประสบความสำเร็จครับ
ขอขอบพระคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ
เขียนดีมากค่ะ ได้ความรู้เยอะเลย
นู๋เรียนสาขาการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรมเลือกเอกประวัติศาสตร์ค่ะ อ่านแล้วมีความสนใจมากขึ้น เพราะมีวิชาประวัติศาสตร์ท้องถิาน ที่จะต้องศึกษา อยากถามอาจารย์ว่าประวัติศาสตร์ชาติกับประวัติศาสตร์ท้องถินมีความแตกต่างกันอย่างไรค่ะ