ลูกน้องของท่านเป็นผู้เข้าอบรมแบบไหน


ท่านที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้างาน ปกติจะมีหน้าที่หนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การพัฒนาพนักงานที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของตน ไม่ว่าจะเป็นการส่งไปฝึกอบรมภายนอก หรือภายในบริษัท หรือสอนงานด้วยตนเอง ฯลฯ ผมเองก็ทำหน้าที่ส่วนหนึ่งของงานก็คือเป็นวิทยากรบรรยายหลักสูตรทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลต่างๆ  ให้กับลูกค้าทั้งในหลักสูตรที่เป็น In-house Training และ Public Training ซึ่งก็ได้เห็นพฤติกรรมของผู้เข้าอบรมซึ่งมีหลากหลายมาก สิ่งที่ผมอยากจะเล่าให้อ่านกันก็คือ หัวหน้างานที่ส่งลูกน้องของตนไปเข้าร่วมสัมมนาภายนอกนั้น เคยได้รับทราบพฤติกรรมในการฝึกอบรมของลูกน้องตนเองบ้างหรือเปล่า ผมก็เลยอยากจะสรุปพฤติกรรมของผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้ได้รับทราบกัน เผื่อว่าจะได้ระมัดระวังไว้ในลูกน้องของเราบางคนครับ 

  • ผู้เข้าอบรมแบบตั้งใจสุดๆ ผู้เข้าอบรมประเภทนี้จะเป็นคนที่ตั้งใจจะมาเอาความรู้ไปในใช้การทำงานจริงๆ บางคนถึงกับยอมจ่ายเงินค่าสัมมนาเองเลยก็มีครับ เพราะบริษัทไม่ได้ออกให้ แถมยังต้องลาพักร้อนมาเพื่อเรียนกันจริงๆ เพื่อที่จะนำเอาความรู้ที่เรียนไปใช้แก้ไขปัญหาการทำงานที่บริษัทด้วยซ้ำไป พนักงานแบบนี้บริษัทควรจะเก็บไว้ดีๆ นะครับ เพราะมีพลังสูงเหลือเกินครับ แบบว่าพยายามดูดเอาความรู้แทบจะทุกอย่างจากผู้สอนเลย ซึ่งผมว่าดีนะครับ คุ้มค่ากับการที่ส่งมาฝึกอบรม และส่วนใหญ่คนแบบนี้จะเป็นมีลักษณะอย่างหนึ่งก็คือ ทำตัวเป็นน้ำไม่เต็มแก้วครับ ยินดีที่จะเปิดรับความรู้ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา และมักจะมีคำถามที่ดีๆ ในห้องเสมอ ผู้เข้าอบรมแบบนี้น่าสรรเสริญมากครับ
  • ผู้เข้าอบรมแบบตั้งใจดี แบบนี้อาจจะไม่แรงเหมือนแบบแรก แต่ก็คล้ายๆ กันครับ ก็คือมาแบบต้องการความรู้ เพียงแต่อาจจะไม่ได้อยากมาเข้าจนต้องออกเงินเองนะครับ บริษัทมีการสอบถามก่อนว่าจะเรียนเรื่องนี้ดีมั้ย ถ้าตกลงกันแล้วก็ส่งมาอบรม พนักงานเองก็มีความตั้งใจในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ครับ เวลามีการทำแบบฝึกหัด ก็จะตั้งใจ และพยายามเชื่อมโยงงานของตนให้เข้ากับแบบฝึกหัดที่ให้ทำ ดูคล้ายๆ กับแบบแรกครับ เพียงแต่ไม่ได้ออกเงินเองเท่านั้น
  • ผู้เข้าอบรมแบบข้ารู้แล้ว แบบนี้ถูกสั่งให้มาครับ ก็คือ หัวหน้าบอกเลยว่าคุณจะต้องไปอบรมหลักสูตรนั้น หลักสูตรนี้ (แกมบังคับ) แล้วเขาก็มา พอมาแล้วพฤติกรรมที่ชัดเจนก็คือ ตั้งใจฟังดีนะครับ แต่จะคอยบอกวิทยากรว่า “รู้แล้วเรื่องนี้” “เคยเรียนมาแล้ว” หรือ “นั่งวาดรูปต่างๆ ลงในเอกสารฝึกอบรม” เพราะไม่รู้จะฟังสิ่งที่รู้แล้วไปทำไม ผู้เข้าฝึกอบรมแบบนี้ ผมเคยเจอแบบที่มีทัศนคติที่ดีหน่อย ก็จะช่วยวิทยากรบรรยายในบางส่วนได้เลยครับ มีการแชร์ประสบการณ์จริงของตนเองให้คนอื่นฟัง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากทีเดียวครับ แบบนี้ก็น่าสรรเสริญอีกเช่นกัน ก็คือ รู้แล้ว แต่ไม่ขัดอะไร แถมยังช่วยคนสอนอีก แต่อีกแบบก็คือ รู้แล้ว แต่ขัดไปหมด เพราะรู้แล้วแต่ไม่ได้ทำ รู้แค่เพียงหลักการ เพราะได้รับการฝึกอบรมมาเยอะมากในเรื่องนั้นๆ พอถูกส่งมาอีกในเรื่องที่คล้ายๆ กัน ก็ทำทำตัวแบบว่าเป็นผู้รู้ทั้งหมด และจะคอยขัดสนสอนว่า เรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้บ้างล่ะ ท้าทายคนสอนบ้างล่ะ บางครั้งทำจนกระทั่งคนเรียนรำคาญก็มีนะครับ ซึ่งผู้สอนเองก็ต้องช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาบ้าง ตามสถานการณ์จะพาไป
  • ผู้เข้าอบรมแบบมาตามคำสั่งจริงๆ ผู้เข้าอบรมในลักษณะนี้ผมเองก็พบบ่อยๆ นะครับ คือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นครับ ก็เลยถูกสั่งให้มาอบรม โดยที่เจ้าตัวอาจจะเต็มใจมา หรือไม่เต็มใจมาก็ไม่ทราบนะครับ แต่พฤติกรรมที่นั่งอยู่ในห้องนั้นจะเห็นชัดเจนมากก็คือ ไม่ตั้งใจเรียนครับ มาก็สายเลยเวลาเริ่มไปแล้ว หยิบ BB มาเล่นตลอดเวลา คุยโทรศัพท์กับคนอื่น คุยเล่นกันกับเพื่อนที่ถูกส่งมาด้วยกัน คนสอนพูดอะไรไปก็ไม่สนใจพูดแข่งตลอดเวลา แต่พูดเรื่องอื่นนะครับ พอถึงเวลาให้ทำ Workshop ก็ไม่สนใจ เดินออกนอกห้องไปเลยก็มี หรือถ้านั่งอยู่ ก็เล่นไปเรื่อย ไม่สนใจที่จะช่วยเพื่อนๆ ในกลุ่มทำงาน พอถึงเวลาเบรก บอกให้พักได้ 15 นาที ท่านก็หายไปซะเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยกลับเข้ามาใหม่ พอพักทานข้าวกลางวัน ก็หายไปยาวมากๆ เกือบบ่ายสองถึงเข้ามา แล้วพอเบรกบ่าย ออกไปแล้วก็ออกไปเลยไม่กลับเข้ามาเรียนอีกเลยครับ เล่นหายไปดื้อๆ เลยโดยไม่บอกใครสักคำ

ผมเคยถามเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมที่อยู่หน้างานว่า หายไปไหน เขาตอบผมว่า “กลับบ้านไปแล้ว” ผมก็งง ทำไมกลับบ้านตอนนี้มีธุระหรือ เชื่อมั้ยครับ สิ่งที่เจ้าหน้าที่ฝึกอบรมตอบมาก็คือ “ไม่ใช่ค่ะ ที่เขากลับบ้านเพราะว่า ได้เวลาเลิกงานของหน่วยงานเขาแล้ว เขาทำงานเลิกงานเวลานี้ ก็เลยกลับบ้าน” โอวพระเจ้า จอร์จมันยอดมากเลยนะครับ นี่ถ้าคนกลุ่มนี้เป็นลูกน้องผม ผมไม่ปล่อยไว้เฉยๆ แน่นอนครับ เสียเงินให้เขามาเข้าอบรม แต่กลับทำพฤติกรรมแบบนี้ เอาสบายเข้าว่า บริษัทตั้งใจส่งเสริมให้ได้รับการพัฒนาแต่กลับไม่สนใจ แต่พอบริษัทไม่มีระบบการพัฒนา ก็มานั่งด่าบริษัทว่าไม่สนใจที่จะพัฒนาพนักงาน (ให้มันได้แบบนี้สิ)

ถ้าถามผมว่าผู้เข้าอบรมแบบไหนเยอะสุด โดยปกติก็มีคละกันไปในแต่ละแบบในการอบรมแต่ละครั้ง แบบสุดท้ายอาจจะมีไม่มากนักแต่ก็ยังมีอยู่นะครับ และเชื่อมั้ยครับว่า หัวหน้าของเขาไม่รู้หรอกว่าพนักงานของเขาทำพฤติกรรมแบบนี้ เพราะไม่มีใครมาตรวจสอบนั่นเองครับ

โดยส่วนตัวแล้วพฤติกรรมของผู้เข้าอบรมแบบสุดท้ายนี่แย่ที่สุดในมุมของผู้สอนนะครับ เพราะทำให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเสียสมาธิมาก แถมเวลาทำแบบฝึกหัดก็ไม่เคยสนใจ ไม่รู้ว่าจะได้ความรู้ไปสักเท่าไร แต่ผมคิดว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจมาเอาความรู้อยู่แล้วครับ เพราะถูกบังคับมานั่นเอง

ผมก็นั่งนึกเล่นๆ นะครับว่า ถ้าการฝึกอบรมแต่ละครั้งนั้น บริษัทที่ส่งพนักงานมาเข้านั้น จะมีแบบฟอร์มประเมินผลของพนักงานที่มาเข้าอบรม โดยให้วิทยากรประเมินผลของผู้เข้าฝึกอบรมคนนั้นว่ามีพฤติกรรมในการอบรมอย่างไรบ้าง แล้วส่งคืนไปให้กับหัวหน้างานของพนักงานคนนั้นโดยตรง จะได้เห็นเลยว่าพฤติกรรมของพนักงานของตนเองนั้นเป็นอย่างไร แบบนี้ผมว่าน่าจะดีนะครับ

คำสำคัญ (Tags): #การฝึกอบรม
หมายเลขบันทึก: 456723เขียนเมื่อ 29 สิงหาคม 2011 06:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 20:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • แบบฟอร์มประเมินผลของพนักงานที่มาเข้าอบรม
  • น่าจะทำให้ผู้เข้าอบรมตั้งใจมากขึ้นนะคะ
  • แต่อาจทำให้ผู้เข้าอบรมลดลง555

<blockquote>ไม่มีความคิดเห็น แต่ตามอ่านด้วยตวามสนใจคะ</blockquote>

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท