ครับ อ.ธนิตย์ครับ หลายคน ก็ต้อการที่จะพูด มากกว่าต้องการที่จะฟังครับ เพียงแค่อยากให้เห็นว่า "ฉันสำคญกว่า" ผมก็เจอบ่อยครับ แบบนี้ คนพูดก็ไม่อยากพูดต่อครับ - ขอบคุณมากครับ ที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์ด้วยครับ
ถ้าตั้งใจ เราจะค่อยๆ ฝึกไปพร้อมๆ กัน
ทักษะการถาม ในเชิง AI เป็นทักษะ "คุณอำนวย" ในการจัดการความรู้
จะทำให้เราสามารถดึง "ความรู้ฝังลึก/ Tacit Knowledge" และเสริมพลังใจให้กับผู้เล่าได้ค่ะ
ครับ คุณอ้อ ครับ
ก็คงจะต้องแนะนำการถามในเชิง AI เสริมไปให้คุณครูในวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้บ้างพอเข้่าใจ ก็จะช่วยให้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนาไปได้อีกมากเลยครับ
นั่นคือ ทั้งดึงความรู้ฝังลึก และ เสริมกำลังใจให้กับผู้เล่า
บางที ถ่าไม่มี AI นี่ ก็อาจจะไม่ได้ความรู้ฝังลึกบางอย่าง และ ผู้เล่าก็ไม่อยากเล่า เพราะไม่มีพลังในการเล่า ที่มาจากคนฟัง
ขอบคุณครับ
คนไทย เรามักเคยชิน กับ การถาม แบบลองภูมิกัน เพื่อให้เกิด การโต้แย้ง และเป็นประโยชน์ต่อผู้ฟัง (คนกลาง) ที่เรียกว่า ปุจฉา-วิสัชชนา..การถาม แบบสืบสวน หรือ การถาม เพื่อช่วยรื้อฟื้นประสบการณ์เพื่อประโยชน์ต่อการถอดบทเรียนนี่เป็นเรื่องใหม่..ถ้า คนเล่าเรื่อง ต้องการให้ ผู้ฟัง สนใจ และ มีปฏิกิริยาตอบกลับ และไม่ได้คำนึงแค่จุดประสงค์ต่อ การจัดการความรู้ เพื่อประโยชน์เฉพาะองค์กร ผมว่า ไม่น่าจะรังเกียจการถามจาก ผู้ฟัง ไม่ว่าจะถาม เพราะจุดประสงค์ใด นะครับ.(.เว้นแต่ การใช้วาจาไม่สุภาพไม่ให้เกียจกัน.).แต่ที่เห็นกันมากๆ คือ เงียบ ไม่หือ ไม่อือ ซะมากกว่า 55555..
คุณลุงรักชาติราชบุรีครับ การถามเป็นเรื่องที่ดีครับ แต่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรามักใช้การถามเพื่อให้ได้ความรู้ฝังลีกออกมาครับ ทีนี้ การถามเพื่อให้เกิดการโต้แย้ง น่าจะเป็นการอภิปรายเป็นอีกรูปแบบหนึ่งครับ