บังเอิญผมไปเจอข้อความที่พิมพ์ติดไว้บนโต็ะเพื่อนที่ทำงานคนหนึ่ง เก็บไว้นานมากแล้วเพราะไม่แน่ใจว่าควรนำออกเผยแผ่หรือไม่ ดังนี้
*การคิดบวก*
เวลาเจองานหนัก --->นี่คือโอกาสให้เตรียมพร้อมการเป็นมืออาชีพ
เวลาเจอความทุกข์หนัก --->นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
เวลาเจอคำตำหนิ --->นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
เวลาเจอคำนินทา --->นี่คือการสะท้อนให้เห็นว่าเรายังมีความหมาย
เวลาเจอความผิดหวัง --->ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเรา
เวลาลูกหัวดื้อ --->โอกาสทองที่จะพิสูจน์ความเป็นพ่อเป็นแม่ที่แท้จริง
เวลาเจอแฟนทิ้ง --->ความเป็นอนิจจังที่ทุกคนต้องเจอ
เวลาเจอคนเลว --->คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์
เวลาเจออุบัติเหตุ --->นี่คือคำเตือนว่าอย่าประมาทอีก
เวลาคนคอยกลั่นแกล้ง --->นี่คือบททดสอบที่ว่ามารไม่มีบารมีไม่กิด
เวลาเจอความจน --->วิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต
เวลาเจอความตาย --->นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตสมบูรณ์
ว.วชิรเมธี
*การคิดบวก(ของสามัญชน)*
เวลาเจองานหนัก --->มีธุระที่บ้านด่วน
เวลาเจอทุกข์หนัก --->กินเหล้าหาที่ระบายออก
เวลาเจอคำตำหนิ --->มึงเก่งมึงก็ทำเองสิ
เวลาเจอคำนินทา --->ชั่งหัวมันไม่ได้ขอข้าวมันกิน
เวลาเจอความผิดหวัง --->พระเจ้าทำไมไม่เข้าข้างเราบ้าง
เวลาเจอลูกหัวดื้อ --->นี่แหละตัวกูตอนเป็นเด็ก
เวลาเจอแฟนทิ้ง --->เป็นโอกาสดีที่จะหาประสบการณ์ใหม่
เวลาเจอคนเลว --->กูมีเพื่อนเพิ่มอีกคนแล้ว
เวลาเจออุบัติเหตุ --->ช่วงเวลาของการพักผ่อนของชีวิต
เวลาเจอคนคอยกลั่นแกล้ง--->มีอำนาจก็ทำไปอย่าให้ถึงทีกูบ้างจะเอาให้เจ็บเป็นสองเท่า
เวลาเจอความจน --->ดวงไม่ค่อยดีพรุ่งนี้ยังมีโอกาส
เวลาเจอความตาย --->หมดเวรหมดกรรมเสียที(แต่ไม่มีใครอยากหมด)
ว.วิชาญ (เพื่อนผมมันชื่อวิชาญ)
ขอกราบนมัสการท่าน ว.วชิรเมธี สำหรับข้อเขียนที่เพื่อนวิชาญนำมาเปรียบเทียบโดยมิได้หมิ่นในคำสั่งสอนแม้แต่อย่างใด หากแต่นำมาเปรียบเทียบกับคนที่เป็นเพียงบัวที่ยังไม่พ้นน้ำขอรับ
ควรไม่ควรแล้วแต่จะพิจารณา.....
สวัสดีค่ะ
ชอบค่ะกับประโยคนี้
เมื่อเจอคำนินทา...แสดงว่าเรามีความหมาย
จะได้ไม่เครียดอีกต่อไปค่ะ
เข้าใจเปรียบเทียบนะคะ
แต่ก็ดีที่ทำให้มองโลกในอีกมุมมองหนึ่งของว.วิชาญ
มองต่างมุมได้ดีครับ
หากเรามองแบบนี้ ก็จะทำให้เรายิ้มและหัวเราะได้ตลอดทั้งวันเลยครับ
ขอบคุณครับ คุณอักขณิช
ไม่ใช่เรื่องซีเรียส
แต่ก็ไม่ใช้สิ่งที่ควรเอาอย่างครับ
ขอบคุณครับ krugui Chutima
เขาบอกแค่ขำๆน่ะครับ แต่น้อมรับคำสอนของท่าน ว.วชิรเมธีครับ
ดูเหมือนโลกจะกลมจริงๆ นะครับ
ด้วยว่า....ผมก็ทำงานขนส่งสินค้าให้กับ DKSH แผนกเครื่องอุปโภคบริโภคที่โกดังสันกำแพง เชียงใหม่(ไม่ใช่พนักงานบริษัท แต่เป็นรถร่วม)
ทำมาเกือบ 4 ปีแล้ว ไปเกือบทุกวัน ใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน วันไหนเหนื่อยหรือมีธุระก็ลาพัก....ได้เดินทางตลอด สนุกดีครับ
ยินดีที่ได้รู้จักกับชาว DKSH ด้วยกันนะครับ แม้ว่าเราจะอยู่กันคนละแผนกและคนละแห่งหนก็ตาม
สวีสดีครับ... แวะมาทักทาย เป็นครั้งที่สอง
เป็นคติสอนใจที่ดีครับ...
ท่าจะจริงที่สุดก็ตรงที่เจอลูกขี้เกียจอ่านหนังสือก็คิดว่ามันคือเราตอนเด็กๆน่ะแหละ
ขอบคุณข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิตครับ..
ขอบคุณค่ะ
กำลังใจมาอีกเยอะเลย กำลังทุกข์ เพราะเจอเด็กหัวดื้อ คงเป็นบทพิสูจน์ว่าจะเป็นครูที่ดีได้ไหม
สวัสดีค่ะ "การคิดบวก" ของท่าน ว วชิรเมธี อ่านแล้วทำให้เรามีกำลังใจต่อสู้กับปัญหาค่ะ ส่วน"การคิดบวก"ของท่าน ว วิชาญ อ่านแล้วก็ขันดีค่ะ มีความสุขอีกแบบค่ะ
ว้าว ควรทุกประการค่ะ
เจ๋งนะคะ ขอบคุณคุณ ว. วิชาญ เจ้า
แวะมาอ่านครับ ขอบคุณมาก อยู่ที่ใครคิดบวกแบบไหนที่สำคัญให้ตนเองมีความสุข ผู้อื่นไม่เดือดร้อนครับ ที่สำคัญผมอ่านแล้วยิ้มออกครับ
เพราะยังเป็นสามัญชนคนธรรมดาคะ จะพยายามคิดบวกให้ได้มากที่สุดค่ะ