ยิ่งนานวัน..กระจกยิ่งหายาก


บ่ายวันนี้ ข้าพเจ้ามาพิมพ์งานในห้อง
คุณป้า Fey แสนดี  ทักเมื่อเห็นข้าพเจ้าเหลียวหน้าเหลียวหลังหาที่เย็บกระดาษ
"What are you looking for?"
"I am looking for สะ-แก๊ป-เปอร์" ข้าพเจ้าตอบเต็มปากเต็มคำ
เธอทำหน้างง
ข้าพเจ้าจึงใช้อวัจนะภาษา
" Oh!..Stappler" เธอยื่นที่เย็บกระดาษอันโตให้
"Do you want stapple?"
คราวนี้ข้าพเจ้างงบ้าง
เธอจึงยกกล่องใส้แม๊ก ให้ดู
..
หลังจากกล่าวขอบคุณ กำลังจะหันหลังออกจากห้อง
เธอเดินมากระซิบบอกข้าพเจ้า
"หนูใส่เสื้อไหมพรมกลับด้านนะจ๊ะ"
..
นั่นแปลว่า ข้าพเจ้าใส่เสื้อไหมพรมกลับตะเข็บ
เดินไปเดินมาในโรงพยาบาล ครึ่งวัน
เดินผ่านผู้คนหลายสิบ โดยไม่มีใครทัก

มีสองสมมติฐานที่เป็นไปได้
1. เขามิได้ใส่ใจ จึงไม่เห็น
2.เขาเห็น แต่มิอยากเสี่ยงทัก เพราะเกรงเราจะไม่พอใจเขา

ในกรณีเช้าวันนี้อาจเป็นไปได้ใน กรณีที่เป็นไปได้มากที่สุดคือกรณีแรก
แต่กรณีที่น่ากลัว คงเป็นกรณีที่สอง

รุ่นพี่ท่านหนึ่ง ให้โอวาทว่า ผู้ที่สามารถให้คำวิจารณ์เราอย่างจริงใจนั้น
คือผู้มี "เมตตาเพียงพอ"
เพราะคนเราจะกล้าวิจารณ์กันก็เมื่อ เห็นว่า..
ผู้ถูกวิจารณ์ " เชื่อ" ได้ว่าผู้วิจารณ์ไม่มีเจตนาร้าย

คนที่วิจารณ์เราอย่างจริงใจที่สุด (และแน่นอนขัดใจเรามากที่สุด) ก็คือ พ่อแม่
ถัดมา คือ ครูบาอาจารย์ , กัลยาณมิตร
ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงรู้สึกขอบคุณ คุณป้า Fey
ที่แม้ดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเป็นผู้ "มีเมตตา" ต่อเรา
...

นับวัน เมื่อข้าพเจ้าอายุมากขึ้น เปลี่ยนผ่านจากนักเรียน มาเป็นคนสอนนักเรียน..
กระจกภายนอกยิ่งหายาก
กระจกแบบหลอกตา (เช่น ชนิดทำให้ดูผอมเพรียว) นั้นพอหาได้..นานๆ ดูเพื่อเพิ่มความมั่นใจ ก็ดีเหมือนกัน
แต่กระจกใสบริสุทธิ สะท้อนทุกสิ่งตามจริง เห็นถึงสิวเสี้ยนต่างๆ นี่สิ
หากมี..ต้องรักษากระจกเหล่านั้นให้มิให้สูญสลายไป

ขณะเดียวกันต้องพึ่ง "กระจกภายใน" เพื่อควบคุมตนไม่ให้หลง
อะไรหนอ เป็นกระจกภายในที่ดีที่สุด
ข้าพเจ้าชักสนใจคำว่า "โยนิโสมนสิการ" ขึ้นมาแล้วซี..



ภาพจาก : http://www.prachasan.com

หมายเลขบันทึก: 453103เขียนเมื่อ 9 สิงหาคม 2011 12:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

...ยายธีก็เป็นคนหนึ่งที่..มองหา..กระจก..ภายในอยู่เหมือนกัน..เจ้าค่ะ.."เอามาส่อง..ว่า...ทำไมถึงแพ้..ใจ..ไม่ชนะ..จิต..อยู่ทุกวี่ทุกวัน"วิ้บเดียว..กับ..อารมณ์..อยาก...พลาด..กับ..การมองเห็นตัวตนไปเสียทุกทีๆ..อิอิ....(กระจกเจ้าขา...ช่วยบอกข้าที...อ้ายตัวตนที่มี..ทำไม..จึงลดจริงๆๆๆๆไม่ได้..ซักกะที..แอบคิดเจ้าค่ะ...ยายธี..อ้ะ)

จริงด้วยครับ กระจกธรรมดาที่ไม่หลอกตาหายาก เจอแต่กระจกหลอกตา บ้านเรามีวัฒธรรมที่ไม่ค่อยกล้าพูดตรงๆด้วยครับ...

หายากจริงๆ ครับ เมื่อก่อนเขาใช่อย่างอื่นสอ่งแทน

กินใจมากเลยค่ะ พี่หมอ

กระจกสะท้อนตัวเองนี่ บางทีปรางก็ลืมมองอ่ะค่ะ ก็เลยต้องหมั่นหามาให้ตัวเอง เช่น พวกหนังสือ หรือ การมองตนเองผ่านประสบการณ์คนอื่น แต่...บางทีมันก็ยังหลอกตาอยู่บ้าง คงต้องค่อยๆ เรียนรุ้ในการมองหากระจกใสบริสุทธิ์ต่อไปอ่ะค่ะ

มีความเพียรก็ดีแล้วคะ เป็นกำลังใจ

เห็นด้วยคะ วัฒนธรรมเรามีความ เกรงใจ เห็นใจคนอื่น
แต่การเตือน วิจารณ์ในสิ่งที่เป็นจริง  เป็นสิ่งช่วยพัฒนา

 


 เมื่อก่อนเขาใช่อย่างอื่นสอ่งแทน

ชักสนใจคะ ว่าคืออะไร

 การมองตนเองผ่านประสบการณ์คนอื่น 

ชอบคำนี้คะ การมองความรู้สึกตัวเองเวลาคนอื่นกระทำกับเรา ช่วยให้เราเข้าใจคนอื่นมากขึ้น

ในสังคมปัจจุบัน การที่เขามิได้ใส่ใจกันเลย กับเขาเห็น แต่เกรงใจเราจนไม่กล้าทัก แบบไหนคงมีดีทั้งสองอย่าง

ในบางกรณีที่เราต้องการความเป็นส่วนตัว 
ไม่มีใครสนใจ ไม่มาทัก ก็นับว่าดีเหมือนกันคะ 


ภาพนี้..คิดได้หลายแง่
ถ้าเรามองตนเองเป็นสิงห์ 
ข้อดี คือ กล้าหาญขึ้น
ข้อเสีย คือ ถ้าไปสู้กับสิงห์ (ตัวจริง) จะลำบากนะซีคะ 

ความคิดเฉียบแหลมลุ่มลึกแต่พูดน้อย นี่แหละแต้ ถ้าไม่เขียนก้ไม่รู้ว่าหนูเฉียบคมขนาดนี้ อ่านแล้วสนุกดี จะตามอ่านนะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท