"ศิลปะการคิดดังๆ"


ห้องเรียนกระบวนกรตอนที่ 362

นี่อาจารย์..การเปลี่ยนแปลงให้คนคิดบวกแบบ AI น่ะ..มันยากนา..อาจารย์...อาจารย์มีข้อคิดเห็นอะไรไหม..

....

ผมทำโครงการ AI ด้วยตนเอง หรือไม่ก็ สอนงาน (Coach) ลูกศิษย์ มาระยะหนึ่งครับ...

...

AI คือศิลปะการถามคำถามเชิงบวก เพื่อค้นหาเรื่องดีๆ..ถามตัวเองก็ได้ครับ..ที่สุด...ผมก็เจอเข้ากับตัวเอง..ที่ทำให้ตอบคำถามนี้ได้..

...

ครั้งหนึ่ง เราทำ AI Summit (การทำ Appreciative Inquiry กับคนกลุ่มใหญ่) เพื่อระดมสมองกับคนในวงการหนึ่ง..ครับ. กลุ่มเราไปกัน 7 คน ทำกับคนราวๆ 200 คนครับ..เราแบ่งเป็น 5 กลุ่มใหญ่ แต่ละกลุ่ม แต่ละคนจะได้รับโอกาสได้เล่าเรื่องดีๆ...คนละเรื่อง..

....

ครับเช่นเคย..ทุกวงการ..มีคนรักและหวังดีต่อวงการนั้น...แต่ "บ่น" ครับ...บ่นอย่างไม่มีคำตอบ..ที่ก็ไม่ผิดคาดอะไร...แต่เราทำยังงี๊ครับ...บ่นเรื่องหนึ่ง เราจะถามย้อนกลับว่า..พอรู้จักใคร ที่ไหน ที่ทำเรื่องดังกล่าวได้ดีหรือไม่...

...

เช่นมีท่านหนึ่งบ่นไปสักพักว่า."..ที่นี่นะ..จัดการระบบน้ำเสียได้แย่มาก."..บ่นไปเลยครับ..พอจบเราก็ถาม "พี่ๆ..แล้วบริษัทที่จัดการเรื่องน้ำเสียได้ดีน่ะ มีไหม..เอาสักที่ก็ได้.." ครับ ได้ผล..ที่สุดเราก็ได้ชื่อองค์กร และวิธีการ...ครับ...และก็บอกเขาว่า ครั้งหน้าเชิญเขามามีส่วนร่วมกับพวกเราด้วยนะ..หรือไม่ก็ไปดูงานกัน..  พอถึงเรื่อง "คน"ประเด็นเรื่องอัตราการเข้าออกสูง...เราก็ถามแบบเดียวกัน..ก็ได้คำตอบครับ..

......

ที่สุด...ผมก็เจอครับ..พอถามประเด็นอื่นๆ...ก็จะมีคนบ่นครับ...ผมก็กำลังจะถามคำถามเชิงบวก...ได้การครับ...มีคนพูดว่า..."ฮั่นแน่ อาจารย์...ผมรู้แล้วว่าอาจารย์จะถามแนวไหน..ตอนนี้เตรียมคำตอบไว้แล้ว..." แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนบอกเพื่อนร่วมวงการว่า คนที่ทำเรื่องนั้นได้ดีคือใคร...

.....

ที่สุดตอนจบ...มีผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่ให้เราไปช่วย...ก็แอบเข้ามากระซิบ..."อาจารย์...วิธีที่พวกอาจารย์ใช้ถาม..นี่ต้องไม่ใช่วิธีปรกติใช่ใหมคะ มันดูได้คำตอบดี..."  ผมเลยบอกว่า..."ใช่เลยพี่..เขาเรียกว่า Appreciative Inquiry..."

เธอสนใจมากๆ...ขนาดขอนามบัตร...

....

..ที่สุด...เราถูกเชิญไปทำ AI Summit ให้กับอีกที่..ก็เจอปรากฏการณ์เดียวกัน...จนตอนนี้หลายคนในวงการนั้นหลายคน..สนใจ AI อย่างสุดๆ..จนเกิดโครงการระดับจังหวัด และในระดับประเทศ..ตามมา..

..............

นี่ไงครับ..ศิลปะการคิดดังๆ...หมายความว่าไงครับ..เวลาคุณคิดอะไร...ลองทำให้เป็นเรื่องปรกติ ทำไปเลย...เดี๋ยวคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลง การยอมรับเองครับ..แล้วไม่นานด้วย...คนจะเห็นเองว่าของดีคืออะไร...

....

ในทางทฤษฎี เราเรียกว่า Culure Shift (วัฒนธรรมเปลี่ยน) ครับ..จำไม่ได้ว่าใครเขียน..บอกว่า วัฒนธรรมเปลี่ยนได้ก็เริ่มจากการที่..คนได้ยิน (Heard-of-it) แต่ได้ยินไม่พอ คือต้องได้ลองทำ (Try-it) ที่สุดจะมีคนชอบ (Like-it) สุดท้าย ขอสักคนก็พอครับ..จะมีคนสนับสนุนแนวทางของคุณเอง (Champion-it) ครับ..แค่คนสองคนอย่าง case นี้ก็ไปได้ไกลสุดขีดแล้วครับ..

....

คุณล่ะคิดอย่างไร

หมายเลขบันทึก: 452779เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2011 09:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 17:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ขอบคุณครับ อาจารย์ ประเด็น "ศิลปะการคิดดังๆ"  ได้ไอเดียในการนำไปใช้พัฒนาครู จันทร์ - อังคาร นี้แล้ว ครับ กับกลุ่มครูอำเภอแหลมงอบ  และ  อำเภอเกาะกูด

 

ไม่ยาก และได้ผลชะงัด ยอดจริงๆ นะครับ ผมว่า ดร.ต้องตอบอย่างนี้แหละ ประเทศไทยต้องการมากๆ ครับ ชาวบ้านฟังแล้วรู้เรื่องนะครับ

สวัสดีครับคุณเพชร

ถ้าชอบ ฝากสนับสนุน และบอกต่อด้วยนะครับ

ขอบคุณมากๆครับ

บ่นเรื่องหนึ่ง เราจะถามย้อนกลับว่า..พอรู้จักใคร ที่ไหน ที่ทำเรื่องดังกล่าวได้ดีหรือไม่...

เป็นวิธีการระงับการทับถม แล้วยังดึงให้คนบ่นเข้ามามีส่วนช่วยพัฒนาด้วย

เยี่ยมคะ :-)

เยี่ยมเลยค่ะ ศิลปการคิดดัง

ดิฉันคิดว่าการคิดดัง ผู้คิดควรต้องใช้ภาษาท่าทางประกอบด้วยว่า ไม่ใช่ว่าร้าย...หรือทับถมให้อาย

แต่เป็นการช่วยหาคำตอบ หาแนวทางที่ดีกว่า....ค่ะ

ตรงใจเลยครับ "ศิลปะการคิดดังๆ...หมายความว่าไงครับ..เวลาคุณคิดอะไร...ลองทำให้เป็นเรื่องปรกติ ทำไปเลย...เดี๋ยวคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลง การยอมรับเองครับ..แล้วไม่นานด้วย...คนจะเห็นเองว่าของดีคืออะไร..."

ถ้าคิดและทำไม่สอดคล้องประสานกัน มันก็เป็นการ "ดัดจริต" หรือ "เสแสร้งแกล้งทำ" ซึ่งผลที่ได้มันก็ไม่ดีเท่ากับแสดงตัวตนที่เป็นของเรา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท