นี่อาจารย์..การเปลี่ยนแปลงให้คนคิดบวกแบบ AI น่ะ..มันยากนา..อาจารย์...อาจารย์มีข้อคิดเห็นอะไรไหม..
....
ผมทำโครงการ AI ด้วยตนเอง หรือไม่ก็ สอนงาน (Coach) ลูกศิษย์ มาระยะหนึ่งครับ...
...
AI คือศิลปะการถามคำถามเชิงบวก เพื่อค้นหาเรื่องดีๆ..ถามตัวเองก็ได้ครับ..ที่สุด...ผมก็เจอเข้ากับตัวเอง..ที่ทำให้ตอบคำถามนี้ได้..
...
ครั้งหนึ่ง เราทำ AI Summit (การทำ Appreciative Inquiry กับคนกลุ่มใหญ่) เพื่อระดมสมองกับคนในวงการหนึ่ง..ครับ. กลุ่มเราไปกัน 7 คน ทำกับคนราวๆ 200 คนครับ..เราแบ่งเป็น 5 กลุ่มใหญ่ แต่ละกลุ่ม แต่ละคนจะได้รับโอกาสได้เล่าเรื่องดีๆ...คนละเรื่อง..
....
ครับเช่นเคย..ทุกวงการ..มีคนรักและหวังดีต่อวงการนั้น...แต่ "บ่น" ครับ...บ่นอย่างไม่มีคำตอบ..ที่ก็ไม่ผิดคาดอะไร...แต่เราทำยังงี๊ครับ...บ่นเรื่องหนึ่ง เราจะถามย้อนกลับว่า..พอรู้จักใคร ที่ไหน ที่ทำเรื่องดังกล่าวได้ดีหรือไม่...
...
เช่นมีท่านหนึ่งบ่นไปสักพักว่า."..ที่นี่นะ..จัดการระบบน้ำเสียได้แย่มาก."..บ่นไปเลยครับ..พอจบเราก็ถาม "พี่ๆ..แล้วบริษัทที่จัดการเรื่องน้ำเสียได้ดีน่ะ มีไหม..เอาสักที่ก็ได้.." ครับ ได้ผล..ที่สุดเราก็ได้ชื่อองค์กร และวิธีการ...ครับ...และก็บอกเขาว่า ครั้งหน้าเชิญเขามามีส่วนร่วมกับพวกเราด้วยนะ..หรือไม่ก็ไปดูงานกัน.. พอถึงเรื่อง "คน"ประเด็นเรื่องอัตราการเข้าออกสูง...เราก็ถามแบบเดียวกัน..ก็ได้คำตอบครับ..
......
ที่สุด...ผมก็เจอครับ..พอถามประเด็นอื่นๆ...ก็จะมีคนบ่นครับ...ผมก็กำลังจะถามคำถามเชิงบวก...ได้การครับ...มีคนพูดว่า..."ฮั่นแน่ อาจารย์...ผมรู้แล้วว่าอาจารย์จะถามแนวไหน..ตอนนี้เตรียมคำตอบไว้แล้ว..." แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนบอกเพื่อนร่วมวงการว่า คนที่ทำเรื่องนั้นได้ดีคือใคร...
.....
ที่สุดตอนจบ...มีผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่ให้เราไปช่วย...ก็แอบเข้ามากระซิบ..."อาจารย์...วิธีที่พวกอาจารย์ใช้ถาม..นี่ต้องไม่ใช่วิธีปรกติใช่ใหมคะ มันดูได้คำตอบดี..." ผมเลยบอกว่า..."ใช่เลยพี่..เขาเรียกว่า Appreciative Inquiry..."
เธอสนใจมากๆ...ขนาดขอนามบัตร...
....
..ที่สุด...เราถูกเชิญไปทำ AI Summit ให้กับอีกที่..ก็เจอปรากฏการณ์เดียวกัน...จนตอนนี้หลายคนในวงการนั้นหลายคน..สนใจ AI อย่างสุดๆ..จนเกิดโครงการระดับจังหวัด และในระดับประเทศ..ตามมา..
..............
นี่ไงครับ..ศิลปะการคิดดังๆ...หมายความว่าไงครับ..เวลาคุณคิดอะไร...ลองทำให้เป็นเรื่องปรกติ ทำไปเลย...เดี๋ยวคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลง การยอมรับเองครับ..แล้วไม่นานด้วย...คนจะเห็นเองว่าของดีคืออะไร...
....
ในทางทฤษฎี เราเรียกว่า Culure Shift (วัฒนธรรมเปลี่ยน) ครับ..จำไม่ได้ว่าใครเขียน..บอกว่า วัฒนธรรมเปลี่ยนได้ก็เริ่มจากการที่..คนได้ยิน (Heard-of-it) แต่ได้ยินไม่พอ คือต้องได้ลองทำ (Try-it) ที่สุดจะมีคนชอบ (Like-it) สุดท้าย ขอสักคนก็พอครับ..จะมีคนสนับสนุนแนวทางของคุณเอง (Champion-it) ครับ..แค่คนสองคนอย่าง case นี้ก็ไปได้ไกลสุดขีดแล้วครับ..
....
คุณล่ะคิดอย่างไร
ขอบคุณครับ อาจารย์ ประเด็น "ศิลปะการคิดดังๆ" ได้ไอเดียในการนำไปใช้พัฒนาครู จันทร์ - อังคาร นี้แล้ว ครับ กับกลุ่มครูอำเภอแหลมงอบ และ อำเภอเกาะกูด
ยินดีเลยครับ ท่านอาจารย์
ไม่ยาก และได้ผลชะงัด ยอดจริงๆ นะครับ ผมว่า ดร.ต้องตอบอย่างนี้แหละ ประเทศไทยต้องการมากๆ ครับ ชาวบ้านฟังแล้วรู้เรื่องนะครับ
สวัสดีครับคุณเพชร
ถ้าชอบ ฝากสนับสนุน และบอกต่อด้วยนะครับ
ขอบคุณมากๆครับ
เรียนท่านอาจารย์
บ่นเรื่องหนึ่ง เราจะถามย้อนกลับว่า..พอรู้จักใคร ที่ไหน ที่ทำเรื่องดังกล่าวได้ดีหรือไม่...
เป็นวิธีการระงับการทับถม แล้วยังดึงให้คนบ่นเข้ามามีส่วนช่วยพัฒนาด้วย
เยี่ยมคะ :-)
เยี่ยมเลยค่ะ ศิลปการคิดดัง
ดิฉันคิดว่าการคิดดัง ผู้คิดควรต้องใช้ภาษาท่าทางประกอบด้วยว่า ไม่ใช่ว่าร้าย...หรือทับถมให้อาย
แต่เป็นการช่วยหาคำตอบ หาแนวทางที่ดีกว่า....ค่ะ
ตรงใจเลยครับ "ศิลปะการคิดดังๆ...หมายความว่าไงครับ..เวลาคุณคิดอะไร...ลองทำให้เป็นเรื่องปรกติ ทำไปเลย...เดี๋ยวคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลง การยอมรับเองครับ..แล้วไม่นานด้วย...คนจะเห็นเองว่าของดีคืออะไร..."
ถ้าคิดและทำไม่สอดคล้องประสานกัน มันก็เป็นการ "ดัดจริต" หรือ "เสแสร้งแกล้งทำ" ซึ่งผลที่ได้มันก็ไม่ดีเท่ากับแสดงตัวตนที่เป็นของเรา