บทความเรื่อง The Limits of Intelligence เขียนโดย Douglas Fox ลงพิมพ์ใน Scientific American ฉบับเดือน ก.ค. ๕๔ บอกเราว่าสมองใหญ่ หรือจำนวนเซลล์สมองมาก ไม่จำเป็นต้อง ฉลาดเสมอไป เพราะจะทำให้การสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทที่อยู่คนละฟากของสมองใช้เวลา นานเป็นข้อจำกัด
เขาอธิบายว่าสมองของผึ้งเล็กนิดเดียว แต่ผึ้งก็ทำสิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้หลายอย่าง เพราะสมองขนาดเล็กได้เปรียบสมองขนาดใหญ่ตรงที่เซลล์สมองติดต่อกันได้รวดเร็ว ในขณะที่สมองช้างใหญ่กว่าอย่างมากมาย และมีเซลล์สมองมากกว่า แต่การสื่อสารระหว่างกันใช้เวลานาน ช้างจึงต้องเคลื่อนไหวช้าๆ
บทความชี้ให้เห็น (ด้วยเหตุผลทางฟิสิกส์) ว่าสมองของมนุษย์ได้วิวัฒนาการมาสู่ประสิทธิภาพสูงสุด วิวัฒนาการให้ดีกว่านี้ได้ยากหรือไม่ได้ เช่นอธิบายเปรียบเทียบกับทรานซิสเตอร์ในชิปคอมพิวเตอร์ ว่าหากสมองวิวัฒนาการให้ “เส้นลวดเชื่อมต่อ” ซึ่งก็คือใยประสาทเชื่อมระหว่างเซลล์ประสาท เล็กลง เพื่อจะได้มีการเชื่อมต่อมากขึ้น สมองจะได้ฉลาดมากขึ้น ก็จะไม่ฉลาดขึ้นจริง เพราะในการสื่อสัญญาณในสมองจะเกิดสัญญาณรบกวน (noise) มากขึ้น
อีกทางหนึ่งของการวิวัฒนาการของสมองมนุษย์ คือสมองมีขนาดใหญ่ขึ้น เขาก็บอกว่าไม่ไหว เพราะสมองในขนาดปัจจุบันกินจุเหลือเกินอยู่แล้ว คือในผู้ใหญ่ สมองที่มีน้ำหนักร้อยละ ๒ ของน้ำหนักตัว ใช้พลังงานถึงร้อยละ ๒๐ ยิ่งในเด็กอ่อนสมองใช้พลังงานถึงร้อยละ ๖๕
สมองเดียวมีข้อจำกัด ขยายไม่ได้ในทางธรรมชาติ (nature) แต่ในชีวิตจริงเราขยายความฉลาดได้โดยใช้หลายสมองร่วมมือกันในวิถีชีวิตที่มนุษย์สร้างขึ้น (culture)
และมนุษย์ได้สร้างเครื่องมือ (machine) ช่วยเพิ่มความฉลาดของสมองมนุษย์ (man) เป็นความฉลาดที่อยู่นอกสมอง เรายิ่งฝึกฝน man – machine interaction และฝึกฝน culture of cooperation มากเพียงใด ความฉลาดก็สามารถเพิ่มพูนได้อย่างไร้ขีดจำกัด
แต่ควรถามว่า ฉลาดไปทำไม เพื่ออะไร เพื่อใคร ฉลาดแล้วเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ คือโง่ นี่คือมิติแห่งปัญญา
วิจารณ์ พานิช
๘ ก.ค. ๕๔
ต้องลงจังหวะ ใช่ไหมครับ อาจารย์